ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
กรณีเงินบริจาค 258 ล้าน และใช้เงินสนับสนุนพรรคการเมืองจากกกต.ไม่เป็นไปตามกฎหมาย
หลังจากกกต.มีมติดังกล่าว นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค เริ่มเอาสีข้างเข้าถู อ้างว่าถ้าเป็นความผิด ก็เป็นความผิดเฉพาะบุคคล
พรรคไม่น่าจะผิดด้วย
ขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ระบุว่าการชี้ขาดความผิดของพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นการพิสูจน์กกต.ว่ามี 2 มาตรฐานหรือไม่ เพราะการสอบสวนของดีเอสไอพบว่ามีความผิดจริง
นอกจากนี้ ผลสำรวจของโพลก็พบว่าประชาชนไม่ค่อยเชื่อมั่นในกกต.
พรรคเพื่อไทยออกมาดักคอล่วงหน้าว่า นายอภิชาตเป็นเพื่อนนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อนร่วมรุ่นกับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน
นายอภิชาต ซึ่งแบกรับภาระอย่างหนักหน่วงแต่เพียงผู้เดียว ออกมาตอบโต้ว่าถึงเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน แต่ก็ไม่ได้สนิทสนมกับนายบัญญัติ รวมถึงนายไตรรงค์ สุวรรณคีรีด้วย
ส่วนการพิจารณาชี้ขาด นายอภิชาตยอมรับว่าคงจะทำความเห็นไม่เสร็จทันภายในปีนี้ เพราะเอกสารมีมากถึง 7 พันหน้า
"ถ้าจะให้ตัดสิน ผมก็เคยพูดแล้ว ถ้าผมตัดสินก็คงออกมาอย่างเดิม เพราะผมดูละเอียดแล้วเห็นว่ามีหลักฐานเพียงแค่นี้ ก็คงหมายความว่าเป็นไปตามที่ผมเคยลงมติไป ดังนั้นขอดูรายละเอียดอีกครั้ง เพื่อพิจารณาและตัดสินใจ" นายอภิชาตระบุ
เรื่องนี้ไม่ว่านายอภิชาตจะชี้ขาดออกมาแบบใด ก็จะโดนเล่นงานและวิพากษ์วิจารณ์ทั้งสิ้น
ถ้าไม่เสนอให้ยุบ ก็จะถูกมองว่าโอบอุ้มพรรคประชาธิปัตย์ มีสองมาตรฐาน ซึ่งจะเร่งอุณหภูมิการเมืองร้อนแรงขึ้น
ถ้าเสนอให้ยุบ ก็จะตกเป็นเหยื่อของประชาธิปัตย์ทันที มีหวังโดนดาหน้าออกมาขย้ำจมเขี้ยวแน่ เช่น ตัดสินตามกระแสตามแรงกดดันบ้าง วินิจฉัยกลับไปกลับมาบ้าง
โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง
สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ถ้ารอดยุบพรรค ยังมีอีกด่านรออยู่
เพราะพนักงานสอบสวนดีเอสไอจับตาดูคดีนี้ หากนายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นว่าไม่มีความผิด ดีเอสไอจะเข้าไปสอบสวนต่อ เนื่องจากความผิดตามพ.ร.บ. พรรคการเมือง และพ.ร.บ.การเลือกตั้งนั้น มีความผิดทางอาญาพ่วงอยู่ด้วย
เพราะคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีมติให้รับคดีไซฟ่อนเงินของบริษัททีพีไอ เป็นคดีพิเศษไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งหลักฐานที่รวบรวมได้ในชั้นสอบสวน ค่อนข้างมั่นใจ โดยเฉพาะเอกสารธุรกรรมทางการเงิน