ที่มา บางกอกทูเดย์
ห่าม...ใช้กับผลไม้แปลว่า จวนสุกห่าม...ใช้กับคนแปลว่า มีนิสัยมุทะลุ ห้าวหาญบ้าบิ่น...และ ผิดปรกติวิสัยคำว่า...ห่ามเอามาใช้ได้ดีกับกระทรวงการต่างประเทศในยุคของ...เด็กมัธยมจากรุงเทพคริสเตียนที่ชื่อ กษิตภิรมย์...เป็นรัฐมนตรีว่าการยิ่งเมื่อสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับเอกสาร...ลับด่วนมากลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 แต่ไม่ถึง 30 วัน...เอกสารนั้นก็กลับมาปรากฏอยู่ในมือของพรรคฝ่ายค้าน...นั่นก็แ็สดงว่า...คำว่า...ลับมากนั้นปราศจากความศักดิ์สิทธิ์และคำว่าด่วนมากก็คือการรั่วไหลที่รวดเร็วเข้าไปดูในเนื้อหา ยิ่งห่ามกันเข้าไปใหญ่...เอกสารฉบับนี้...โกหกอย่างซึ่งๆ หน้ากับนายกรัฐมนตรีของเขาในสาระสำคัญ
และสวนทางกับคำพูดของสมเด็จฯฮุน เซน...ที่ว่า...เป็นความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล...เพราะสมเด็จฯ ฮุน เซน...กล่าวต่อโลกว่า...กรณีพิพาทของไทย กัมพูชาคราวนี้เป็นเรื่องระหว่างเขากับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ กษิต ภิรมย์ประโยคที่ว่า... “บริหารจัดการเวลาให้เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลไทยที่สุด โดยการเร่งพิจารณาคดีต่างๆ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ยังค้างอยู่”นั่นอาจจะแปลได้ว่า...อำนาจบริหารได้เข้าไปก้าวก่ายต่ออำนาจตุลาการหรือไม่...ในกระบวนการ
พิจารณาคดี...ซี่งในความเป็นปรกติวิสัยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทักษิณหรือประชาชนคนใดจะต้องได้รับโดยเท่าเทียมกันสาหัสที่สุดก็คือการ...คุกคามรัฐบาลกัมพูชา...ด้วยประโยคที่ว่า.. “จุดประสงค์ของไทยคือ การปรับความสัมพันธ์สู่ปรกติไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในกัมพูชา”จะไม่มีประเทศเอกราชประเทศใด...จะไม่รู้สึกถึงการข่มขู่เช่นนี้...เพราะอาจจะแปลได้ว่า...หากความสัมพันธ์ยังไม่เป็นปรกติจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองใน
กัมพูชาเอกสารฉบับนี้กำหนดเงื่อนไขสงครามไว้เสร็จสรรพว่า...“หาก พ.ต.ท.ทักษิณ และนายกรัฐมนตรีกัมพูชาร่วมกันกระทำการใดๆ จนเกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในวงกว้างเป็นการละเมิดบูรณภาพของดินแดน คุกคามอำนาจอธิปไตยและสถาบันสำคัญของไทย ซึ่งรวมถึงการดำเนินกิจกรรมเสมือนการจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในกัมพูชา อันเป็นการแทรกแซงกิจกรรมภายในและบ่อนทำลายประเทศไทยอย่างชัดเจน ก็จำเป็นที่รัฐบาลไทยต้อง
พิจารณาตัดความสัมพันธ์ทางการทูตและยกเลิกการติดต่อทุกด้าน รวมถึงใช้มาตรการทางทหารเพื่อปกป้องอธิปไตย”เอกสารฉบับนี้...หากนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย...นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ...เห็นดีเห็นงามและอนุมัติให้ดำเนินการตามข้อ 4 ก็คือ...สั่งให้ทุกหน่วยราชการดำเนินการภายใต้การปรึกษาหารือกับกระทรวงการต่างประเทศสงครามไทย-กัมพูชา คงหลีกเลี่ยงไม่ได้...และจะกลายเป็นสงคราม...ไทยกับอินโดจีนในที่สุด