ที่มา ไทยรัฐ
วันนี้ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ หนึ่งปีที่ผ่านมา แม้ นายกฯอภิสิทธิ์ จะไม่ยอมให้คะแนนตัวเอง แต่ภาคธุรกิจเอกชนส่วนใหญ่ก็ให้สอบผ่าน ยกเว้นเรื่องใหญ่ที่ไม่มีการพูดถึง คือ เรื่องการทุจริต คอรัปชันในรัฐบาล และ การปราบทุจริต ผมให้สอบตก
มาดูคะแนนรัฐบาลในสายตาเอกชนและผู้ใช้แรงงานว่า เขาให้คะแนนเท่าไร
คุณสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรม บอกว่า สภาอุตสาหกรรมให้คะแนนรัฐบาลเป็น B+ ถือว่าเป็นคะแนนที่ดีมากเลยทีเดียว ส่วน คุณสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ที่ต้องวิเคราะห์ผลกระทบจากภาครัฐบ่อยๆ ให้คะแนนรัฐบาล 6-7 คะแนนจาก 10 คะแนน น้อยกว่าสภาอุตสาหกรรม
คุณสมบัติให้เหตุผลที่ให้คะแนนรัฐบาลสอบผ่านว่า เพราะช่วงแรกรัฐบาลได้แสดงความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาหลายเรื่อง โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ มีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเป็นระยะๆ โครงการไทยเข้มแข็งก็ทำให้รัฐบาลได้คะแนนดี แต่กรณีปัญหา "มาบตาพุด" กลับทำให้คะแนนรัฐบาลลดลงทันที เพราะแก้ไขปัญหาล่าช้าและไม่ชัดเจน
แต่ในด้าน "ผู้ใช้แรงงาน" กลับให้คะแนนรัฐบาล "ติดลบ" อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆที่รัฐบาล นายกฯอภิสิทธิ์ ก็หว่านโปรยเงินภาษีเป็นว่าเล่น เอาอกเอาใจผู้ใช้แรงงานและประชาชนรากหญ้า เพื่อแข่งกับโครงการประชานิยมยุคทักษิณ แต่น่าแปลกที่ไม่สามารถซื้อใจคนแรงงานและรากหญ้าได้
ผลสำรวจของ คณะกรรมการแรงงานสมานฉันท์ (คสรท.) ต่อภาพรวมในการแก้ไขปัญหาแรงงานและวิกฤติเศรษฐกิจของ รัฐบาลมาร์ค ในสายตา ของประชาชน ผู้ใช้แรงงาน กลับได้ภาพ "ติดลบ" มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ คือ สอบตกหมด สอบผ่านแค่ 3 นโยบาย เท่านั้นคือ
นโยบายนํ้าไฟฟรี ได้คะแนน 60.2 เปอร์เซ็นต์ นโยบายรถเมล์รถไฟฟรี ได้คะแนน 57.2 เปอร์เซ็นต์ และ นโยบายเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท ได้คะแนน 53.3 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือสอบตกหมด เช่น โครงการไทยเข้มแข็ง ได้คะแนน 45.5 เปอร์เซ็นต์ แม้แต่ ต้นกล้าอาชีพ ก็ยังได้คะแนนแค่ 45.5 เปอร์เซ็นต์
ที่น่าชํ้าใจก็คือ ครม.ทั้งคณะมี นายกฯอภิสิทธิ์ สอบผ่านเพียงคนเดียว แบบฉิวเฉียด ได้คะแนนเพียง 50.6 เปอร์เซ็นต์ รัฐมนตรีที่เหลือสอบตกยกชั้น ได้คะแนนตํ่าอย่างเหลือเชื่อ เช่น รัฐมนตรีคลัง ได้คะแนน 33.8 เปอร์เซ็นต์ รัฐมนตรีคมนาคม ได้คะแนน 30.3 เปอร์เซ็นต์ แย่ที่สุดเป็น รัฐมนตรีแรงงาน ได้คะแนนจากผู้ใช้แรงงานเพียง 28.7 เปอร์เซ็นต์ ไม่รู้จะเอาปี๊บคลุมหัวหรือพิจารณาปลดตัวเองออกจากรัฐมนตรีแรงงานดี
ภาพรวมการให้คะแนนรัฐบาลในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นค่อนข้างชัดเจนว่า มีช่องว่าง ระหว่าง รัฐบาล กับ ผู้ใช้แรงงาน และ ประชาชนระดับรากหญ้า แสดงว่า รัฐบาลยังเข้าไม่ถึงประชาชนระดับล่าง แม้รัฐบาลจะทุ่มเงินเป็นแสนล้านเอาใจก็ตาม ในขณะที่ภาคเอกชนระดับบน ก็ไม่ได้พึงพอใจผลงานของรัฐบาลมากนัก ให้คะแนนแบบเอาใจมากกว่า
คะแนนเหล่านี้ผมคิดว่า นายกฯอภิสิทธิ์ ไม่ควรมองในแง่ลบว่า ผู้ใช้แรงงานมีอคติหรือยังชื่นชมใครอยู่ แต่ควรเอาไปแยกแยะให้ออกว่า ทำไมผู้ใช้แรงงานจึงให้คะแนนรัฐบาลต่ำขนาดนี้ ให้คะแนนรัฐมนตรีสอบตกยกชั้น ทั้งๆที่รัฐบาลทุ่มเงินลงไปเอาใจมากมายขนาดนี้ มากกว่ารัฐบาลก่อนๆด้วยซํ้า
แถมยังมีการใช้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ตีปี๊บอีกหลายพันล้านบาท งบจัดงานแฟร์ขายของถูกอีกเป็นพันล้าน แต่ก็ยังเข้าไม่ถึงใจของประชาชนผู้ใช้แรงงาน
ปัญหาใหญ่ที่ทำให้รัฐบาลมี "ภาพลบ" ในสายตาประชาชน ก็คือ การทุจริตคอรัปชันแทบทุกโครงการ ที่ นายกฯอภิสิทธิ์ แกล้งมองไม่เห็น ปล่อยให้ทำกันอย่างเสรี แต่ชาวบ้านเขารู้เขาเห็น ถ้าปีหน้า นายกฯอภิสิทธิ์ ไม่เร่งแก้ปัญหานี้ คะแนนรวมของรัฐบาลก็คงไม่กระเตื้องไปกว่านี้แน่นอน.
"ลม เปลี่ยนทิศ"