ที่มา ไทยรัฐ
ข้อพิพาทระหว่าง นายกฯไทยกับนายกฯกัมพูชา ร้อนระอุขึ้นทุกวัน ความเคลื่อนไหวของ ฮุน เซน นายกฯกัมพูชา แต่ละย่างก้าว ตอกหน้ารัฐบาลไทย นายกฯไทยทุกดอก การตอบโต้ ของฝ่ายไทยกลับยิ่งเป็นการเปิดช่องให้กัมพูชาทิ่มแทงให้ บาดแผลลึกมากขึ้น
งานนี้ กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินเกมผิดมาตั้งแต่ต้น แสดงถึงความเป็นมือใหม่หัดขับ กับดักที่นายกฯฮุน เซนวางไว้ เข้าทางทุกลูก
วันนี้รัฐบาลไม่ใช่ต้องรับมือกับ เสื้อแดง หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น แต่ต้องรับมือกับรัฐบาลกัมพูชาด้วย ทั้งศึกใน ศึกนอก รอบบ้านมีแต่ศัตรูก็อยู่กันด้วยความหวาดระแวง การโกอินเตอร์ของนายกฯอภิสิทธิ์ ความสำเร็จไม่ใช่อยู่ที่การเป็นข่าวว่า เดินทางไปพบผู้นำคนนั้นคนนี้ หรือเข้าประชุมในระดับสากลแค่ไหนอย่างไร
แต่อยู่ที่มิตรภาพมากกว่า เราไม่ได้รับมิตรภาพจากประเทศเพื่อนบ้านเลยแม้แต่ประเทศเดียว ลาว เวียดนาม กัมพูชา พม่า มาเลเซีย สิงคโปร์ มีประเทศไหนที่เป็นมิตรแท้กับบ้านเราบ้าง รัฐบาลคงรู้แก่ใจดีที่สุด การออกมาเปิดใจให้สัมภาษณ์ของ คำรบ ปาลวัฒน์วิไชย นอกจากจะมัดตัวเองและประจานกระทรวงต่างประเทศแล้ว ยังเป็นใบเสร็จมัดข้อกล่าวหาของกัมพูชาด้วย
วันนี้ระหว่างคำพูดของ ศิวรักษ์ ชุติพงษ์ กับคำรบ ใครมีน้ำหนักกว่ากันคงไม่ต้องเฉลยให้เมื่อยตุ้ม ด้วยการชิงถือไพ่ที่เหนือกว่า ดูเหมือนว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ จะถึงทางตันสำหรับการที่จะเอาตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาลงโทษในประเทศไทย
อยู่แค่ปลายจมูกยังไม่มีปัญญาทำอะไร
กับการที่ฮุน เซน แฉเองว่า รัฐบาลไทยมีแผนที่จะกำจัด พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ต้องมีใบเสร็จ คนระดับผู้นำที่กล้าล้วงลึกขนาดนี้ต้องมั่นใจ
ข้อต่อรองให้รัฐบาลกัมพูชายอมรับในกระบวนการยุติธรรมของศาลไทย ให้ยกเลิกการตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ถูกสวนกลับด้วยข้อเสนอว่าความสัมพันธ์กับประเทศไทยจะมีขึ้นก็ต่อเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่
ปิดประตูความสัมพันธ์ชัดเจน
ยังต้องรอลุ้น กรณีเครื่องบินขนอาวุธสงคราม จะชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้านอีกหรือไม่ ยิ่งผู้นำให้สัมภาษณ์แสดงวิสัยทัศน์ว่าอาจจะเอาอาวุธที่ยึดได้บางชนิดไว้ใช้งาน
หมดหล่อ
ลดระดับความเป็นอินเตอร์ในพริบตาเดียว บวกกับความไม่ยุติธรรมบางอย่างในประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้น คดีเงินบริจาคก็เริ่มแฉถึงความฉาว เข้าทำนอง ความยุติธรรมไม่มี สามัคคีไม่เกิด รอวันเสียงปืนแตก.
หมัดเหล็ก