WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, December 3, 2009

หัวอกแม่ แต่ไม่ใช่มาร์ค?

ที่มา บางกอกทูเดย์

ดังนั้น วันนี้...รัฐบาล โดยเฉพาะนายกฯอภิสิทธิ์ ควรจะต้องถอยออกจากความดื้อรั้น แล้วกลับมาตั้งสติ ทบทวนดูสถานการณ์อย่างนิ่งๆ ว่า ควรจะทำอย่างไรเพื่อที่จะช่วงชิงบทบาทในการเป็นผู้นำให้โดดเด่นขึ้นมาให้ได้หากยังคงมีความฝันและความมุ่งมั่นที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปให้ได้ในสมัยที่ 2 หากมีการ

เลือกตั้งจะต้องไม่ยอมเสียท่า หรือพลาดพลั้งเสียเชิงทางการทูตให้กับสมเด็จฯ ฮุน เซน อีกต่อไปเพราะนั่นหมายถึง อนาคตทางการเมืองโดยตรงของนายอภิสิทธิ์จริงๆ แล้วประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา เป็นเพื่อนบ้านกันมานาน มีความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลมาช้านานแล้วเช่นกันและในฐานะมิตรประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน คือ ภูมิภาคอาเซียน ต้องยอมรับความจริงว่าบทบาทของประเทศไทยนั้นนำหน้าประเทศกัมพูชาหลายก้าว รวมทั้งในเวทีโลกด้วยที่ผ่านมา

ประเทศไทยเป็นฝ่ายสนับสนุน เป็นฝ่ายให้ความช่วยเหลือกัมพูชามาโดยตลอดในหลายๆ เรื่องนั่นแปลว่า ไทยเล่นบทบาทผู้นำได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอดแต่มาในวันนี้ ในวันที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และมีนายกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กลับกลายเป็นว่าผู้นำประเทศกัมพูชา ไม่ให้ราคาของผู้นำรัฐบาลไทยเลยสักนิด เพราะกล้าขู่ กล้าท้าสารพัดเรื่องกลายเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

แม้แต่นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังอดรนทนไม่ได้ ต้องออกมาเสนอความเห็นว่า ประเทศไทยควรต้องเล่นบทเหนือชั้นกว่ากัมพูชา ไม่ใช่เล่นบทตามหลังอย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้และควรเป็นฝ่ายเล่นเกมรุกทางความสัมพันธ์ระดับประเทศ ด้วยการขอเปิดเจรจาไปเลยเพื่อให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้นำในกลุ่มอาเซียนที่แท้จริงชิงเป็นฝ่ายนำในเกมเจรจาให้บรรดาประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะบรรดาประเทศในอา

เซียนเห็นกันจะๆ ไปเลยแต่คำเสนอแนะของนายสุรเกียรติ์ ไม่ได้รับการตอบรับจากสัญญาณของนายกฯอภิสิทธิ์ แต่อย่างใดแถมยังโดนนายกษิต ปฏิเสธหน้าตาเฉยดังนั้น ทำให้วันนี้ความตึงเครียดระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชายังคงอึมครึมเช่นเดิมทุกสถานการณ์ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ยังไม่มีอะไรที่ดีขึ้นแม้แต่กรณีการจับกุมตัวนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทย ผ่านมากว่าครึ่งเดือนแล้ว แต่กระทรวงการต่างประเทศของไทย ก็ยังทำอะไรให้เห็นความคืบหน้า

ไม่ได้มากเลือดไทย ศักดิ์ศรีไทย คุกรุ่นอยู่ในลมหายใจของคนไทยทุกคน ดังนั้น วันนี้นายกฯอภิสิทธิ์ ควรจะต้องแสดงความเหนือชั้นออกมาให้เห็นบ้างได้แล้ว สำหรับการกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ยืดเยื้อครั้งนี้สาดน้ำใส่กัน ไม่ว่าอย่างไรก็ย่อมเปียกปอนด้วยกันทั้งคู่... การต่อปากต่อคำ ไม่เคยทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศดีขึ้นมาได้จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย อยากให้รัฐบาลหาทางเจรจาและปรับท่าทีที่มีต่อ

กัมพูชา พร้อมกับยืนยันอย่างชัดเจนว่า ที่ผ่านมาไม่เคยสร้างความแตกแยก มีแต่สร้างความเป็นมิตรให้เกิดขึ้นอะไรที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ กังวลไปเองว่า จะเป็นการแย่งซีน แย่งผลงานรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ก็ยังยอมหยุด ยอมถอย... เพื่อเปิดโอกาสให้รัฐบาลได้ทำงานอย่างเต็มที่ดังนั้น วันนี้... รัฐบาล โดยเฉพาะนายกฯอภิสิทธิ์ ควรจะต้องถอยออกจากความดื้อรั้น แล้วกลับมาตั้งสติ ทบทวนดูสถานการณ์อย่างนิ่งๆ ว่า ควรจะทำอย่างไรเพื่อที่จะช่วงชิงบทบาทในการเป็นผู้นำให้

โดดเด่นขึ้นมาให้ได้หากยังคงมีความฝันและความมุ่งมั่นที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปให้ได้ในสมัยที่ 2 หากมีการเลือกตั้งจะต้องไม่ยอมเสียท่า หรือพลาดพลั้งเสียเชิงทางการทูตให้กับสมเด็จฯ ฮุน เซน อีกต่อไปเพราะนั่นหมายถึง อนาคตทางการเมืองโดยตรงของนายอภิสิทธิ์โดยเฉพาะเกมการเมืองที่สำคัญอย่างยิ่งที่สุดในเวลานี้ ไม่ควรจะเป็นเรื่องของการเล่นแง่เอาเชิงกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อีกต่อไป เพราะในเกมนี้สมเด็จฯ ฮุน เซน เปิดหน้า

ไพ่ชัดเจน ไม่มีกั๊กใดๆ ทั้งสิ้นไปแล้ว ฉะนั้นไม่ว่านายกฯอภิสิทธิ์ จะเล่นเกมอะไรก็ไม่มีทางเปลี่ยนหน้าไพ่ของสมเด็จฯ ฮุน เซน ได้แน่ๆควรปล่อยให้เป็นเรื่อง “ตายเดี่ยว” ของนายกษิต ไปเพียงลำพังจะดีกว่าแต่นายกฯอภิสิทธิ์ ต้องมาเล่นเรื่องของนายศิวรักษ์ ซึ่งวันนี้ชัดเจนแล้วว่า กระทรวงการต่างประเทศ ไม่สามารถที่จะทำอะไรให้กลายมาเป็นบวกได้เลย มีแต่เต้นตามเกมของทางกัมพูชาไปวันๆฉะนั้น ไม่แปลกที่เมื่อเห็นท่าทีของกระทรวงการต่างประเทศเป็นแบบ

นี้ “หัวอกคนเป็นแม่” อย่างนางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดาของนายศิวรักษ์ จึงต้องพยายามดิ้นรนหาที่พึ่งใหม่แทนกระทรวงการต่างประเทศ ที่ทำได้แค่พึมพำในลำคอว่า ทำดีที่สุดแล้วทำให้พรรคเพื่อไทยกลายเป็นพระเอกขี่ม้าขาวทำให้นายนพดล ปัทมะ กลายเป็นคนที่ได้ซีนในเรื่องการให้การช่วยเหลือไปเต็มๆเพราะสามารถที่จะทำให้นางสิมารักษ์ สามารถเดินทางไปเยี่ยมบุตรชายได้ถึง 2 ครั้ง 2 หนแล้วดังนั้น แทนที่กระทรวงต่างประเทศจะหงุดหงิด พาลพาโล หรือ

น้อยอกน้อยใจ ก็ควรที่จะต้องเห็นใจนางสิมารักษ์ด้วย ว่า ในยามที่หวังรัฐนาวาช่วยให้ลูกปลอดภัย แต่เมื่อเรือใหญ่ไม่เคลื่อนตัวมีขอนไม้ลอยมาให้เกาะ ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยนางสิมารักษ์ พูดอย่างเปิดเผยชัดเจนว่า การขอให้พรรคเพื่อไทยช่วยเหลือก็เป็นเพราะเกรงใจรัฐบาล ไม่มีนัยแอบแฝงใดๆ ทั้งสิ้นแค่ต้องการใช้ทุกช่องทางเพื่อช่วยให้เดินทางไปพบบุตรชายนี่คือ หัวอกของคนเป็นแม่ทุกคนในโลกนี้ ที่รัฐบาลและนายกฯอภิสิทธิ์ควรที่จะต้องเข้าใจยิ่งใกล้วันที่ 8

ธันวาคม ซึ่งทางศาลกัมพูชาจะพิจารณาคดีมากขึ้นเท่าไหร่ คนเป็นแม่ก็ยิ่งร้อนรุ่มกังวลมากขึ้นเท่านั้นจะนอนใจไม่ดิ้นรนได้อย่างไร เพราะทางกระทรวงการต่างประเทศเอง น.ส.วิมล คิดชอบ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ก็บอกได้เพียงว่าวันที่ 4 ธ.ค.นี้ ศาลกัมพูชาจะพิจารณาว่า จะให้ประกันตัวหรือไม่ ซึ่งระหว่างนี้ ฝ่ายไทย โดยทนายความ ก็กำลังรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบการพิจารณา“เราเข้าใจในความรู้สึกของคุณ

แม่ที่ต้องการเดินทางไปเร็วขึ้น แต่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ทำงานอย่างจริงจัง และเต็มที่ และกรณีนี้ก็เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งเราจะทำหน้าที่ของเราต่อไป เราดำเนินการทุกอย่าง ให้ความร่วมมือ และผลักดันภายใต้กระบวนการของกัมพูชา” น.ส.วิมล กล่าวส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการประกันตัวนายศิวรักษ์ รัฐบาลจะดำเนินการให้เปล่าหรือไม่ น.ส.วิมล บอกว่าเวลานี้กำลังดูรายละเอียดที่เกี่ยวข้องอยู่ดังนั้น นายกฯอภิสิทธิ์ควรที่จะต้องเร่งเครื่อง เดินเกมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

อย่างเข้มข้น ให้เห็นถึงความเหนือชั้นกว่าสมเด็จฯ ฮุน เซน ให้ได้โดยเร็วที่สุดแม้ว่าในหัวอกของนายกฯอภิสิทธิ์ยามนี้อาจจะหงุดหงิดสมเด็จฯ ฮุน เซน สักเพียงใดก็ตามเพราะแน่นอนว่า การที่ถูกสมเด็จฯ ฮุน เซน ระบุโต้งๆ ว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีของไทย ที่ทำงานด้วยยากที่สุดแถมยังจะทบทวนโครงการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยเสียอีกด้วย... เจอแบบนี้ในหัวอกส่วนลึกจะไม่ให้รู้สึกอะไรเลยนั้น ก็ออกจะผิดวิสัยปุถุชนทั่วไปนายอภิสิทธิ์ก็ได้แต่หวังว่า

ปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา ยังเชื่อว่าสายตาชาวโลกจะเข้าใจ ส่วนกรณีหัวอกแม่ของนายศิวรักษ์ ที่ได้ขอให้พรรคเพื่อไทยช่วยเหลือระหว่างถูกจับกุมอยู่ที่กัมพูชา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของมารดาที่เป็นห่วงลูก แต่ขอยืนยันว่า รัฐบาลได้ติดตามการให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดงานนี้หัวอกแม่ร้าวระบม... หัวอกมาร์คกลัดหนองหรือไม่?ไม่มีใครรู้!!