ที่มา บางกอกทูเดย์
สตช.เน่าสะเทือนวงการ.สะเทือน “วงการสีกากี” อีกแล้ว“อดีตบิ๊กตำรวจ” สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่อทุจริตในการจัดซื้อรถจักยานยนต์ และรถตู้ หากินกันเป็นขบวนการตั้งแต่นายตำรวจ บริษัทจัดจำหน่าย หน่วยงานราชการที่ดูแลงบประมาณรวมมูลค่ากว่าหมื่นล้านเรื่องราวถูกนำมาตีแผ่หลังจากพล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รรท.รอง ผบช.ก. พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนารถรรท.ผบก.ป. พร้อมกำลังตำรวจกองปราบปรามทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 50 นายเข้าตรวจค้นเพื่อหาหลักฐาน ในจุดต้องสงสัยรวม 4 จุดทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑลโดยเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างเกิดขึ้นหลาย
โครงการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติรวมทั้งหน่วยงานรัฐอีกหลายแห่งมีกลุ่มบุคคลทั้งในและนอกราชการร่วมมือกันเป็นขบวนการมูลค่าความเสียหายมากถึง 12,000ล้านบาทตำ รวจกองปราบเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมาย ย่านจังหวัดนนทบุรีซึ่งเป็น บ้านพักของ “นายบัณฑูรสุภัควณิช” อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และบ้านของ พ.ต.อ.รวมนคร ทับทิมธงไชยอดีตนายตำรวจชื่อดัง ผู้บริหาร บริษัทอาร์เอ็นที จำกัดนอกจากนี้ยังนำกำลังเข้าตรวจ
ค้นบริษัท มิลเลนเนี่ยม มอเตอร์ จำกัดถนนพุทธรักษา ต.แพรกษา อ.เมืองจ.สมุทรปราการ จากการเข้าตรวจค้นพบว่าโรงงานดังกล่าวผลิตรถจักรยานยนต์ยี่ห้อไทเกอร์ เจ้าเดียวที่ผลิตรุ่น 200 ซีซีโดยเจ้าหน้าที่ได้แยกย้ายกันเข้าตรวจค้นหาหลักฐานเอกสารต่างๆ เช่นสัญญาการซื้อขายรวมทั้งหลักฐานที่บันทึกไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับการซื้อขายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อดังกล่าว รุ่นขนาด 200 ซีซี จำนวน 19,147 คันให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตำรวจยังเข้าตรวจค้น
ที่ บริษัท อีซูซุสยามซิตี้ จำกัด เลขที่ 2 ซ.ลาดพร้าว21 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.โดยผลการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้ยึดเอกสารที่ต้องนำมาตรวจสอบจำนวน 13 ลังตู้เอกสาร 3 ชั้น 1 ตู้เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดเครื่องซีพียูคอมพิวเตอร์รวม 6 เครื่อง เพื่อนำมาตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังส่วนการเข้าค้นของกองปราบเนื่องจากพบหลักฐานว่ามีเอกสารการซื้อขายรถยนต์ที่บริษัทแห่งนี้ที่เกี่ยวโยงกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐคนหนึ่งกับผู้บริหารของบริษัทเอกชนรายหนึ่งเรื่องการจัด
ซื้อรถจักรยานยนต์ของตำรวจที่ส่อไปในทางล๊อกสเปกที่มีบริษัทแห่งหนึ่งเข้าร้องเรียนฯสำหรับผู้ที่ถูกเข้าตรวจค้นบ้านพักและบริษัทตำรวจเรียกมาดูการเปิดกล่องเอกสารที่ยึดมาตรวจสอบ หลังจากนั้นจะทยอยเรียกตัวผู้ที่ีเี่กี่ยวข้องกับการประมูลงานหรือจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดมาสอบปากคำ และบางคนอาจจะต้องถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดีเลยทันทีผู้ที่จะถูกกองปราบปรามเรียกตัวมาสอบปากคำในเบื้องต้นนั้น ประกอบด้วย ผู้บริหารบริษัทเอกชนอย่างน้อย 2 บริษัท ข้าราชการ
ระดับสูงในกระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม รวมทั้งนายตำรวจระดับสูงที่อยู่ในคณะกรรมการกำหนดร่างขอบเขตของงาน(ทีโออาร์) และคณะกรรมการประกวดราคาทั้งของกรณีรถจักรยานยนต์ไทเกอร์และรถติดก๊าซเอ็นจีวีนี่คือเรื่องราวความฉาวโฉ่ของ“คนสีกากี” ระดับนายพลตำรวจขณะรับราชการอยู่มักโอ้อวดแสดงอำนาจบาตรใหญ่...จนผู้บังคับบัญชาหลายคนเบื่อเอือมระอา..เมื่อสิ้นหัวโขนปลดเกษียณอายุราชการไม่มีอำนาจไม่มีบารมี อะไรอะไรก็เกิดขึ้นได้บท
เรียนที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเครื่องเตือนสติ “นายตำรวจ” บางนายที่มีพฤติกรรมส่อไม่โปร่งใส คิดเองทำเองวันนั้นไม่มีการตรวจสอบวันนี้ก็หนีไม่พ้นบาปกรรมที่กระทำไว้ไม่ใช่แค่ “นายพลตำ รวจ”ทำเพียงคนเดียวยังมีอีกหลายคนที่รวมหัวทุจริตคอยจับตาดูพวกที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีกองปราบคงหนีไม่พ้นคุกตารางแน่นอน.!?!