อ่านข่าว ดร.ซูซานน์ โอร์นาเกอร์ ที่ปรึกษาด้านการสื่อสารและสารสนเทศของภูมิภาคเอเชีย ประจำองค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก พูดถึงกิจกรรมโครงการมรดกความทรงจำแห่งโลก ซึ่งประเทศไทยเองก็ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลกด้วยเช่นกัน ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
นอกจากนี้ ยังมีสิ่งสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกหลายชิ้นอาทิ ศิลาจารึกหลักที่ 1 สมัยพ่อขุนรามคำแหง รวมทั้งสรรพวิทยาการต่างๆเกี่ยวกับวิชานวดแผนโบราณที่เรียกว่า ฤาษีดัดตน ที่วัดโพธิ์ เป็นต้น
ที่ ดร.ซูซานน์ให้ความเห็นไว้ก็คือ เสียดายว่าประเทศไทยไม่มีการตระหนักในการเรียนรู้ เกี่ยวกับมรดกความทรงจำเหล่านี้
อยากให้รัฐบาลไทยให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการสงวนและรักษามรดกความทรงจำให้เด็กรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ นอกจากนี้ควรเปิดโอกาสให้ประชาชน เยาวชน สามารถที่จะเข้าถึงมรดกโลกได้มากขึ้น
ไม่เช่นนั้นก็จะไม่รู้สึกภาคภูมิใจในสิ่งที่มีคุณค่าเหล่านี้
ซึ่งปัจจุบันคนไทยได้รับเกียรติเข้าไปเป็นคณะกรรมการมรดกโลกด้วย คือ คุณโสมสุดา ลียะวณิช รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และประเทศไทยมีสิ่งที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นมรดกโลกถึง 5 แห่งด้วยกัน คือ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร และแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง
ที่มีปัญหาที่สุดคือ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา น่าเป็นห่วงว่าอาจจะถูกถอดออกจากมรดกโลกได้ ถ้าขืนไม่ดูแล ปล่อยให้มีสภาพอย่างทุกวันนี้
เราประมาทไม่ได้ อย่างเช่นเมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา แหล่งมรดกโลกเครสเดน ประเทศเยอรมนีก็ถูกถอดจากมรดกโลกมาแล้ว หากเราปล่อยให้อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยามีการพัฒนาอย่างไม่เหมาะสมต่อไป ก็มีโอกาสที่จะถูกถอดออกจากมรดกโลกได้เช่นกัน
วันนี้เราต้องตั้งคำถามว่า เราเห็นความสำคัญของมรดกโลกแค่ไหน หรือแค่ตามกระแสเท่านั้น ฟังภูมิปัญญาของคนที่มาดูแลเรื่องนี้แล้วยิ่งน่าเศร้าใจเข้าไปใหญ่
อ้างว่าได้คนไทยไปเป็นกรรมการมรดกโลก แล้วจะได้ช่วยคัดค้านเรื่องของ เขาพระวิหาร คิดกันอยู่ได้แค่นี้ ส่วนมรดกที่เป็นของเราเองกลับถูกละเลย สมมติถ้าอุทยานประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยาถูกถอดออกจากมรดกโลกจริง
คงงามหน้า
และคงจะอายคนกัมพูชามากที่สุด สมบัติตัวเองยังรักษาไม่ได้ แล้วจะไปเรียกร้องเอาของคนอื่น ที่ควรทำไม่ทำที่ไม่ควรทำไปกระเหี้ยนกระหือรือ บ่งบอกถึงวิสัยทัศน์ที่ไม่เอาถ่าน.
หมัดเหล็ก