ที่มา บางกอกทูเดย์
เป็นหลักธุรกิจการตลาดที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งวงการสื่อไม่จำเป็นต้องพึ่งโฆษณา...ไม่จำเป็นต้องลดเงินเดือนพนักงาน หรือ เออร์รี่ รีไทร์เมื่อแกนนำม็อบเหลือง “สนธิ ลิ้มทองกุล” ออกมาป่าวประกาศว่า เขาสามารถ “หารายได้” จากการขายสินค้า “อุปโภคบริโภค” แล้วนำผลกำไรมาทดแทนส่วนที่ขาดเหลือพยายามอุดจุดบอดในยามที่เศรษฐกิจซบเซา...และมวลชนกลุ่มก้อนขาดความเข้มแข็งที่ผ่านมา...สนธิโมเดล อยู่กันได้เพราะเงินบริจาคของ “มวลชนคนเสื้อเหลือง” แต่ตอนนี้เริ่มร่อยหรอ...เพราะเงินเดือนต้องแบ่งปันในยุค “ข้าวยากหมากแพง” ที่ธุรกิจ “ภาคสื่อ” ต้องอดทนยากลำบากกับการ “หาโฆษณา” ซึ่งถือ
เป็นรายได้หลักความคิดสินค้า ASTV ที่เป็นในรูปแบบ “ไดเร็ก เซลล์” หรือ ธุรกิจขายตรง เริ่มต้นจากการกระจายสินค้าภายใน...แล้วขยายตลาดออกไปสู่ “สาธารณะ”ว่ากันว่า...สนธิโมเดล เป็นธุรกิจที่ “ครบวงจร” โดยรวบรวมเอาทั้งการสื่อสาร ธุรกิจการตลาด สินค้าอุปโภคบริโภค และ การปกครอง ไว้ด้วยกันเป็นทางเลือกของ “ประชาชน” ดูดีมีหลักการ...น่าเชื่อถือ...และมีความสามารถ “โน้มน้าวใจ” ผู้บริโภคแต่สิ่งสำคัญที่แกนนำอย่าง “คุณสนธิ” ต้องไม่ลืมนั่น
คือ...มวลชน ซึ่งพวกเขาให้ความ “ไว้เนื้อเชื่อใจ” ต้องไม่ตกเป็นเหยื่อสื่อ และ สินค้า ต้องทำขึ้นมาเพื่อประโยชน์คนทุกคน....มิใช่เพื่อกิเลสของใครบางคน!พวกเขา “ศรัทธา” ในตัว “คุณสนธิ” ซึ่งมีอุดมการณ์ทางการเมืองเดียวกันแต่การปลุกระดม การสร้างกระแส (ที่เกินจริง) มักสร้างความ “บ้าคลั่ง” และความ “อ่อนด้อย” ทางปัญญาให้มวลชนและผู้ให้การสนับสนุนจะเหมือนกันหรือไม่ที่เมื่อเร็วๆ นี้ ASTV Productได้ออกมาแจ้งให้ทราบถึงเรื่องราวอันไม่น่าเชื่อ
ว่า “สปอนเซอร์ใหญ่” รายหนึ่ง “ขอยกเลิก”มิได้เป็นผู้สนับสนุน ASTV อีกต่อไป...ด้วยเหตุผลบางประการ จึงไม่ได้มีการต่อสัญญา...โดยต้องเปลี่ยนสินค้ายี่ห้ออื่นมาขายแทนนี่เป็น “สัญญาณเตือน” อย่างหนึ่งว่า...คงมีการ“ไม่ลงรอย” ทางธุรกิจ ซึ่งฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องมิอาจยอมรับใน “ข้อเสนอ” หรือขัดแย้งทนไม่ได้กับเรื่องราวที่ผ่านมาสนธิ วันนี้...กับสนธิ เมื่อวันวาน นั้นแตกต่างกัน...จะให้ตีหัวเข้าบ้านเหมือน “เงินบริจาค 80 ล้าน” ที่เขาพูดถึงคงไม่มีทาง!