WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, December 3, 2009

สภาแดงล้านนา

ที่มา มติชน

โดย บุญเลิศ ช้างใหญ่



ถึงการก่อกำเนิด "สภาแดงล้านนา" ของกลุ่มแกนนำคนเสื้อแดงจาก 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนจะไม่ได้เป็น "ข่าวใหญ่" ระดับพาดหัวในหน้าหนังสือพิมพ์รายวันฉบับเช้าวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 แต่มีความสำคัญที่ผู้คนทุกฝักทุกฝ่ายซึ่งขัดแย้งและแตกแยกกันอยู่ รวมทั้งผู้ที่เป็น "พลังเงียบ" ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะมีนัยยะทางการเมืองที่อาจนำไปสู่ "วิกฤตการณ์" ที่ร้ายแรงในวันข้างหน้าเกินกว่าใครจะควบคุมได้

สาระสำคัญของข่าวอันเป็นการรายงานความเคลื่อนไหวของแกนนำคนเสื้อแดง 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน อันประกอบด้วย "เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แพร่ น่าน เชียงราย พะเยา" และ "แม่ฮ่องสอน" จำนวนกว่า 50 คนได้มารวมตัวกันที่บริเวณช่วงอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ กลางเมืองเชียงใหม่เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 29 พฤศจิกายน นำโดย "นายชรุจ ปราชญ์วีรกุล" แกนนำกลุ่มแดงแพร่ 52 และ "นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล" แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เชียงใหม่ เพื่อปฏิญาณว่าจะเกาะกลุ่มกันต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ใช้ชื่อว่า "สภาแดงล้านนา" โดยยกให้เชียงใหม่เป็นเมืองหลวงในการต่อสู้

ทั้งนี้ แกนนำทั้ง 50 กว่าคนได้คล้องแขนเหมือนกับผู้นำอาเซียนประกาศจุดยืน ว่า ชาวเสื้อแดงภาคเหนือล้านนาจะจับมือกันแน่น ปั้นเป็นข้าวเหนียวปั้นใหญ่ๆ เพื่อต่อสู้ เพื่อต่อต้านอำนาจรัฐที่ได้มาอย่างไม่ชอบธรรมและโค่นล้มระบบอำมาตย์ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

นายชรุจ ในฐานะประธานสภาแดงล้านนา กล่าวว่า แกนนำที่ร่วมกลุ่มสภาแดงล้านนาได้ลงนามในปฏิญญาร่วมกันว่าจะดำเนินการภายใต้หลัก 5 ข้อ คือ

1.จะอุทิศชีวิตเพื่อร่วมปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2.จะต่อสู้ให้ได้มาซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ปราศจากการแทรกแซง 3.ปกป้องความสุจริตบนผืนแผ่นดินไทย 4.ปกป้องคนดีที่ทำคุณกับประเทศ และ 5.จะต่อสู้กับอธรรมทุกรูปแบบจนกว่าจะได้รับชัยชนะ ภายใต้คำมั่นว่า "เราจะไม่ทิ้งกัน"

ก่อนหน้านี้ 1 วัน - วันที่ 28 พฤศจิกายน ศูนย์ประสานงานกลางแดงเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตยจัดการเดินขบวนจากลานประตูท่าแพไปตามถนนราชดำเนินและถนนพระปกเกล้า ก่อนอ่านแถลงการณ์ที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ในนาม "ชาวเชียงใหม่ผู้รักประชาธิปไตย" เรื่อง "นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ โมฆะบุรุษประชาธิปไตย ที่ชาวเชียงใหม่ไม่ต้อนรับ" มีเนื้อหาโจมตีนายอภิสิทธิ์ว่ามีพฤติกรรมทำตัวเป็นขี้ข้าเผด็จการ รับใช้อย่างนอบน้อมกับคนชั่ว แต่กลับขึงขังบ้าอำนาจ ทำร้ายพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตย สมควรถูกเรียกว่าเป็น "โมฆะบุรุษประชาธิปไตย" ประชาชนชาวเชียงใหม่ไม่ต้อนรับนายอภิสิทธิ์ในการเดินทางมาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ทุกรณี หากยังอยู่ในตำแหน่ง "นายกฯขี้ข้าเผด็จการ"

การแสดงออกของมวลชนชาวจังหวัดเชียงใหม่และแกนนำคนเสื้อแดง 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนที่รวมตัวกันตั้งกลุ่ม "สภาแดงล้านนา" ที่อาจถูกมองว่าเป็นคนส่วนน้อยที่ทำลายภาพลักษณ์และการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ แต่สะท้อนให้เห็นว่า คนส่วนน้อยเหล่านี้ได้รวมตัว "จัดตั้ง" กันขึ้นเพื่อเคลื่อนไหวโดยมีเป้าหมายเดียวกันกับ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และอาจจะสอดรับกับ "พรรคเพื่อไทย" ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่า เป็นพรรคของ พ.ต.ท.ทักษิณ

สังเกตให้ดี ในปฏิญญาของกลุ่ม "สภาแดงล้านนา" ประกาศจะ "สู้ทุกรูปแบบ" กับอธรรมจนกว่าจะได้รับชัยชนะ ภายใต้คำมั่น "เราจะไม่ทิ้งกัน" ซึ่งคงมิได้หมายถึงบรรดาแกนนำและมวลชนเสื้อแดงใน 8 จังหวัดภาคเหนือเท่านั้นที่จะไม่ทิ้งกัน หากทว่า พวกเขาจะไม่ทิ้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะเป็น "คนดีที่ทำคุณกับประเทศ" ให้ต้องถูกรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ไล่ล่าอยู่ในต่างประเทศ

ถึงแม้คนเสื้อแดงในจังหวัดเชียงใหม่และอีก 7 จังหวัดภาคเหนือตอนบนที่ออกมาแสดงปฏิกิริยาต่อต้าน ขับไล่นายอภิสิทธิ์และฝ่ายตรงข้ามด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต บาดเจ็บ เดือดร้อนรำคาญและหวาดกลัว ฯลฯ จะมีคนไม่มาก แต่ก็ทำให้นายอภิสิทธิ์ต้องงดการเดินทางไปร่วมงานสัมมนาของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่นายอภิสิทธิ์มีทั้งทหาร ตำรวจ อาวุธยุทโธปกรณ์ เฮลิคอปตอร์ มีกฎหมาย มีห้องขังบนโรงพัก จะถือว่า คนเสื้อแดง "ไม่มีน้ำยา" หรือ "ไร้พิษสง" ก็คงไม่ได้

มีคนพูดว่า ทำไม "พลังเงียบ" ในเชียงใหม่ไม่ออกมาแสดงตัวให้คนเสื้อแดงในเชียงใหม่รู้ว่า การต่อต้าน ขัดขวาง และขับไล่นายอภิสิทธิ์นั้นเป็นผลเสียต่อเชียงใหม่เอง หากย้อนกลับไปดูก็จะพบความจริง คนเสื้อแดงใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนเป็น "คนเสื้อแดง" เกือบทั้งหมด

ดังผลการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 จากจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขต เรียงเบอร์ของภาคเหนือตอนบน 38 คน พรรคพลังประชาชนกวาดไป 35 คน พรรคประชาธิปัตย์ได้แค่คนเดียวที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน อีก 2 คนเป็นของพรรคอื่น มิต้องสงสัยเลย คะแนนที่ประชาชนไปลงให้กับผู้สมัครพรรคพลังประชาชนนั้นมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ชนิดเทียบกันไม่ติด รวมทั้งคะแนนแบบสัดส่วนในโซนภาคเหนือตอนบนก็ทิ้งห่างเช่นกัน

ขนาดชื่อชั้นของ "นายสมัคร สุนทรเวช" หัวหน้าพรรคพลังประชาชนในตอนนั้นไม่มีใครคาดหมายว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ถือว่าเป็นรองนายอภิสิทธิ์ เสียด้วยซ้ำและขนาด พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่ได้ช่วยหาเสียงเท่าไรนักพรรคพลังประชาชนยังกวาดเก้าอี้ไปแทบทุกเขตของ 8 จังหวัด

ในการออกเสียงประชามติว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 2552 เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2550 ใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนก็มีแต่คน "ไม่เอา" ร่างรัฐธรรมนูญฉบับรัฐประหาร ดังตัวเลขที่ปรากฏออกมาดังนี้

เชียงใหม่ ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 696,155 คน (55.0%) รับ 337,011 คน (42.2),ลำปาง ไม่รับ 334.149 คน (69.9%) รับ 133,835 คน (28.1%), ลำพูน ไม่รับ 117,938 คน (50.0%) รับ 110,297 คน (46.8%), แพร่ ไม่รับ 149,334 คน (61.5%) รับ 88,453 คน (36.4%), น่าน ไม่รับ 122,898 คน (59.3%) รับ 79,049 คน (38.1%), เชียงราย ไม่รับ 329,483 คน (62.0%) รับ 186,450 คน (35.1%), พะเยา ไม่รับ 134,513 คน (55.5%) รับ 101,592 คน (41.9%), แม่ฮ่องสอน ไม่รับ 28,814 คน (30.0%) รับ 64,682 คน (67.2%)

จะเห็นว่ามีเพียงแม่ฮ่องสอนจังหวัดเดียวที่ส่วนใหญ่ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ

เมื่อแกนนำคนเสื้อแดง 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนจัดตั้งกันเป็นองค์กรอย่างมีรูปการณ์ จึงต้องจับตามองว่า ปฏิญญาที่ประกาศไว้ 5 ข้อและมีบางข้อมีลักษณะ "สู้ตาย" ในทุกรูปแบบนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป รวมไปถึงการจัดตั้งในลักษณะเช่นนี้จะกระจายไปยังภูมิภาคอื่นๆ หรือไม่ อาทิ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคอีสานตอนบน ภาคอีสานใต้ กรุงเทพฯ ฯลฯ

การจัดตั้ง "สภาแดงล้านนา" โดยถือเอาจังหวัดเชียงใหม่เป็น "เมืองหลวง" ดังที่ได้ประกาศไปนั้นถือเป็นการต่อสู้ที่อาจจะมีทั้งเปิดเผยและไม่เปิดเผย เพราะคำว่า "ทุกรูปแบบ" นั้นอาจหมายถึงไม่มีกฎเกณฑ์ กติกาใดๆ จะมากีดกั้น บังคับ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความเห็นร่วมกันของบรรดาแกนนำ "สภาแดงล้านนา" ซึ่งได้ลงสัตยาบันกันไว้พร้อมกับให้คำมั่นว่าจะ "สู้ตาย" และ "เราจะไม่ทิ้งกัน"

การยกขบวนของพันธมิตรไปเปิดการชุมนุมปราศรัยกลางเมืองเขียงใหม่ซึ่งเท่ากับคนเสื้อเหลืองจะยกทัพไปบุกเมืองหลวงของภาคเหนือตอนบนอันเป็นฐานที่มั่นสำคัญของคนเสื้อแดงในวันที่ 16 มกราคม 2553 จะมีเหตุการณ์อะไรรุนแรงเกิดขึ้นหรือไม่เป็นเรื่องที่ต้องติดตามด้วยความระทึกใจ และบางทีอาจได้เห็นสงครามย่อยๆ เกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ก็เป็นได้