โดย ชฎา ไอยคุปต์
ขบวนการไล่ล่าแม่มดไม่ได้มีแค่ในโลกออนไลน์ทางเฟซบุคเท่านั้น ล่าสุดคุณยายวัย 80 ปีได้รับจดหมายเขียนด้วยลายมือสวยงามแต่เนื้อหาตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง หยดน้ำใสๆที่ไหลลงมาตามร่องแก้มที่เหี่ยวย่นของหญิงชราหลังอ่านข้อความในจดหมายที่เขียนประณามและสาปแช่งครอบครัวด้วยถ้อยคำ ดูถูก เหยียดหยาม ด่าทอ เพียงเพราะเข้าใจว่าเป็นครอบครัวคนเสื้อแดง
นางหอม ศิลปะ อายุ 82 ปี อยู่กับเหลน 3 คน ในบ้านที่ผุพังปลวกกินทั้งหลังอดมื้อกินมื้ออาศัยเงินจากเบื้อยังชีพคนชราเดือนละ 500 ประทังชีวิตให้อยู่รอดไปวันๆ เก็บผักบุ้งตามท้องร่องและขอข้าววัดกิน หลังจากแม่เด็ก นางศิณีนาถ ชมพูษาเพศ อายุ 29 ปี ประกอบอาชีพชาวนาและเก็บของเก่าขายถูกเจ้าหน้าที่ยิงหัวเข่าทะลุเจ็บสาหัส ทั้งยังโดนจับยัดคุกด้วยข้อหาละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะไปอยู่ในเหตุการณ์เผาศาลากลาง จากนั้นมีผู้ใจบุญเปิดบัญชีรับบริจาคช่วยเหลือหญิงชรากับเด็กๆด้วยการเปิดบัญชีเป็นชื่อของ นางไรอัน คงสี ลูกสะไภ้ ซึ่งเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ ไม่คิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ยังมีคนพร้อมที่จะเหยียบย่ำซ้ำเติมครอบครัวที่ไม่มีแม้"ข้าวสาร"จะกรอกหม้อ
จดหมายส่งมาถึงบ้านโดยจ่าหน้าซองถึงนางไรอัน โดยมีหญิงชราเป็นผู้เปิดอ่านด้วยมือสั่นเทาค่อยๆไล่สายตาอ่านข้อความในจดหมายระบุว่า
ศิณีนาถโดนยิงบาดเจ็บ แม่ไรอันคงดีใจซินะได้ค่าชดเชยจากภาครัฐบาลไปร่วมชุมนุมเผาศาลากลาง ถึงจะไม่ได้เผา ไปร่วมชุมนุมก็เท่ากับเผา มันบาปนะ ตอนเจ็บ-ตายขึ้นมาก็จะขอค่าชดเชย มันหน้าจะตายไปให้พ้นจากรประเทศไทย พวกหนักแผ่นดินขายชาติเห็นแก่เงิน คนเหนือคือพี่น้อง (คำพูดทักษิณ) คนอิสานคือขี้ข้า(คำพูดทักษิณ" สงสารคนอิสารจัง โง่เห็นแก่เงิน (คำพูดของคนส่วนมาก) แม่ไรอันทำไมไม่ให้ศิณีนาถและพวกเผาบ้านยายหอม บ้านไรอันไปเผาของคนอื่นทำไม เลว โง่ ชาติหมาทั้งตระกูล ขอให้คนชั่วตระกูลนางศิณีนาถจงตายโหง ขี้ข้าทักษิณทำไมไม่ไปขอมัน มันหนีไปเสวยสุขเมืองนอก มันไม่ผิดมันจะหนีทำไม หลักฐานความชั่วมันเยาะแยาะ พวกโง่อิสานลืมหูตาบ้างไปช่วยเหลือสนับสนุนคนชั่วมันบาป ทำให้บ้านเมืองเดือดร้อน เมื่อสมัยก่อนคนเหนือใจง่าย ปัจจุบันคนอิสานทั้งใจง่าย+โง่+ขายตัว ให้เขาหลอกรั้มไป เห็นแก่เงินขายชาติช่วยเหลือคนผิด สมองไม่มี พวกมึงถึงจะส่งลูก-หลานเรียนสูงก็แค่สมองหมา มันติดมาจากบรรพบุรุษไม่สั่งสอนแยกผิด-ถูก เลวทั้งตระกูล ขี้ข้าทักษิณ ขอให้พวกมึงจงทยอยลงนรกกันไวไว พวกหนักแผ่นดิน เลียตูดไอ้ทักษิณ
เหยียบแผ่นดินอยู่ได้งัย เสียดายเกิดมาครบ 32 ยกเว้นสมองไม่มี
ลงชื่อที่อยู่ผู้นำฝาก นายบุญธรรม คนดี 157 หมู่ 10 ต.คลองดี อ.เมือง จ.ลำปาง (ประทับตราไปรษณีย์เขตอ้อมใหญ่)
ด้านนายทวี ปวงสุข นายกอบต.แก่งโดม อ.สว่างวีระวงศ์ จ.อุบลราชธานี เล่าถึงชีวิตของหญิงชรากับเด็กทั้ง 3 คนที่อาศัยอยู่กับคุณย่าคนดังกล่าว ว่านางศิณีนาถ ถูกเจ้าหน้าที่ยิงทะลุหัวเข่า บาดเจ็บสาหัส และเมื่อ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังออกจากโรงพยาบาลเพียงวันเดียว ตำรวจตามมาจับกุมตัวถึงบ้านพักฐานกระทำผิดฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางอุบลราชธานี
"นางศิณีนาถต้องติดคุก ลูกทั้ง 3 คน อายุ 6 ขวบ 8 ขวบ และ 10 ขวบ จึงต้องอยู่กับนางหอม ศิลปะ ผู้เป็นย่าวัย 82 ปี ซึ่งอาศัยเบี้ยยังชีพคนชราในการเลี้ยงดูเพียงเดือนละ 500 บาท ลูกสาวคนโตของนางศิณีนาถ ชื่อน้องแก้ม เรียนอยู่ชั้น ป.4 เรียนดี แต่ตัวเล็กและผอมมาก ส่วนสูง 120 ซ.ม. หนักเพียง 21 ก.ก. ย่ามีเงินจ่ายให้ไปโรงเรียนแค่วันละ 7 บาท ในอดีตนางหอมเคยเป็นหมอตำแยประจำตำบล เคยทำคลอดคนเกือบทั้งตำบล แม้แต่ผู้ใหญ่บ้านยังบอกว่าผมเกิดได้เพราะฝีมือคุณย่าคนนี้"
นายทวี บอกว่า นางหอมเดินไม่ค่อยสะดวก ต้มมาม่าใส่ผักบุ้งเยอะๆ ให้กินแก้หิว บางมื้อซื้อกระดูกไก่ย่างไม้ละ 5 บาท 2 ไม้ แบ่งกันกินสามพี่น้อง ตัวนางหอมเองมักยอมอดเพื่อให้หลานอิ่ม ข้าวสวยบางวันต้องไปขอที่วัดเพราะไม่มีเงินซื้อ สภาพที่อยู่อาศัยของย่าหลานทั้ง 4 คนชำรุดทรุดโทรมมาก เป็นบ้านไม้ 2 ชั้นแบบยกสูงเก่าๆ ชั้นบนผุพังจนอยู่ไม่ได้ หลังคารั่ว กันฝนกันแดดไม่ได้ และฝาบ้านมีแค่ข้างเดียวทำจากป้ายหาเสียง ไม่มีประตู ไม่มีหน้าต่าง มีเตียงไม้ไผ่กับมุ้ง 1 หลัง นอนกัน 4 คน ส่วนห้องน้ำ เป็นสังกะสีผุๆ มีเตาถ่านแตกๆ อยู่หลังบ้าน ตู้กับข้าวไม่มี และมีข้าวสาร 1 กระสอบที่ทางเจ้าอาวาสวัดให้มา ชาวบ้านผู้ที่ผ่านมาพบเห็นต่างรู้สึกเวทนาสงสารอย่างยิ่งและพยายามช่วยเหลือ ซึ่งตนได้เสนอเรื่องของบประมาณซ่อมแซมบ้านให้กับนางหอมผ่านอบจ. แต่พบว่างบหลวงดังกล่าวถูกใช้หมดแล้ว ล่าสุดมีชาวบ้านพี่น้องคนเสื้อแดงเสนอตัวเป็นแรงงานช่วยซ่อม สร้างบ้านและมีคนให้ความช่วยเหลือบริจาคเงินมาช่วยซ่อมบ้าน
นายกอบต.แก่งโดม ยังตั้งคำถามถึงเหตุการณ์นางศิณีนาถถูกยิง ว่า เหตุ การณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวนี้ ทำให้ตนเกิดข้อสงสัยอยากถามว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ไม่ยิงคนที่กำลังเผาศาลากลางในวันนั้น แต่กลับมายิงนางศิณีนาถที่อยู่ตรงสนามหญ้าห่างจุดเผาเกือบ 150 เมตร และทำไมเมื่อไฟไหม้ศาลากลางไม่เห็นรถดับเพลิงมาดับไฟ ทั้งๆ ที่รถอยู่ห่างเพียง 500 เมตร
ชีวิตปั้นปลายของหญิงชราและการเริ่มต้นชีวิตของเด็กน้อย 3 คน ต้องมาเผชิญชะตากรรมที่ไม่ได้เป็นผู้ก่อ นางหอมอดีตหมอตำแยประจำตำบลเคยทำประโยชน์ช่วยแม่ทำคลอดจนให้กำเนิดบุตรได้อย่างปลอดภัยมาหลายชีวิต การแพทย์ที่เจริญก้าวหน้าทำให้อาชีพหมอตำแยกลายเป็นอาชีพที่ไม่มีรายได้อีกต่อไป ต้องมีชีวิตที่ลำเค็ญเผชิญความยากจนอย่างน่าเวทนา หลานสาวที่หวังจะเป็นที่พึ่งก็ต้องมาติดคุกแล้วอนาคตของ 4 ชีวิตนี้จะเดินไปในทิศทางใดไม่มีใครบอกได้
จากกรณีของยายหอมถูกคุกคามด้วยจดหมายมรณะคงพอจะสะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยคงไม่เหลือความเห็นอกเห็นใจกันอีกต่อไปแล้ว มีแต่จะคอยเหยียบย่ำซ้ำเติมกันโดยที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลอย่างท่องแท้ด้วยซ้ำไปว่าคนที่ถูกกล่าวหาเขาเป็นคนอย่างไร แค่คนที่คิดเห็นต่างไปก็กลายเป็นจำเลย นี่คือสิ่งที่สังคมต้องมาตั้งคำถามกันว่า
"เรามีสิทธิภาคทัณฑ์คนที่คิดต่างได้หรือ"