ที่มา ข่าวสด
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย แถลงเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ปัญหาการทุจริตเป็นรากเหง้าของความแตกแยกในสังคม
โดยในอดีตมีการทุจริตเป็นมูลค่าเพียงร้อยละ 3 แต่ตอนนี้ผ่านมาไม่กี่สิบปีการทุจริตเพิ่มไปถึงระดับร้อยละ 30-40
ฉะนั้นหากไม่มีการแก้ไขปัญหาทุจริตอย่างจริงจังประเทศชาติคงอยู่ไม่ได้ เพราะงบประมาณแผ่นดิน 3-4 แสนล้านบาท หายเข้ากระเป๋าผู้ทุจริตถึง 1 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ สภาหอการค้าฯ มอบหมายให้นายนันเดอร์ วอน เดอลูว์ ประธานหอการค้าต่างประเทศในไทย รับผิดชอบในเรื่องการแก้ปัญหาการทุจริตในไทย
โดยหวังว่าชาวต่างประเทศจะสามารถพูดกับภาครัฐได้อย่างตรงไปตรงมามากกว่า
ประธานหอการค้าแห่งประเทศไทยระบุด้วยว่า ควรมีการนำรูปแบบของฮ่องกงมาปรับใช้ในการแก้ไขปัญหา เนื่องจากในอดีตฮ่องกงเป็นเมืองแห่งการทุจริต โดยเฉพาะตำรวจที่รับเงินทั้งระบบ
แต่ขณะนี้ฮ่องกงแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างจริงจัง มีการตั้งองค์กรร่วมระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเข้ามาดูแล
ซึ่งสภาหอการค้าไทยจะให้คณะทำงานเรื่องนี้ไปศึกษาดูงานที่ฮ่องกง และจะเชิญองค์กรที่ดูแลด้านการปราบปรามทุจริตของฮ่องกงมาบรรยายในไทย
รวมทั้งมีแนวคิดจะแจกรางวัลยกย่องผู้ทำดี ขณะที่จะประณามผู้กระทำผิด
โดยคาดว่าจะเริ่มในช่วงปลายปีนี้หรือช่วงปีหน้าเป็นอย่างช้า
การลุกขึ้นมาแสดงท่าทีว่าต้องการแก้ไขปัญหาการทุจริตของภาคเอกชน ในอีกด้านหนึ่งก็เหมือนการตบหน้าฝ่ายการเมืองและข้าราชการฉาดใหญ่
แต่ถ้ามองในแง่ดี นี่คือความพยายามที่สมควรได้รับการสนับสนุนส่งเสริมให้เป็นจริงด้วยการปฏิบัติ มิใช่ถูกตอบโต้ด้วยการตีฝีปาก ว่าภาคเอกชนจะต้องกลับไปตรวจสอบตนเองเสียก่อน
เพราะถ้าเริ่มต้นด้วยการเอาชนะคะคาน แทนที่จะเป็นการพิจารณาถึงความตั้งใจจริงและเนื้อหาในการแก้ไขปัญหา
ปัญหาการทุจริตก็มีแนวโน้มที่กัดกร่อนสังคมไทยให้ล่มสลายในอนาคตอันไม่ช้านี้ได้
เพื่อไทย
Tuesday, July 20, 2010
ปัญหาทุจริต
ชกไม่มีมุม