ที่มา ไทยรัฐ อภิสิทธิ์ เอาเป็นว่า ในที่สุดพระเอกอย่างนายกฯอภิสิทธิ์ก็เข้าฉากเสี่ยง ได้คิวลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครของพรรคหาเสียงเลือกตั้งซ่อม สวนกระแสข่าวลอบสังหารคนสำคัญ เป็นคำถามที่นายกฯอภิสิทธิ์ต้องตอบนักข่าว ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปกลั่นแกล้งใคร เจ้าหน้าที่ก็ทำงานไปตามข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับ การสืบสวนและกระบวนการต่างๆก็ให้ความเป็นธรรมกับทุกคนอยู่แล้ว ทีมข่าวการเมือง รายงาน
พระเอกโผล่ลงสนามเองแล้ว
กับฉากเซอร์ไพรส์ ระหว่างนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ นำทีมนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 6 พรรคประชาธิปัตย์ เดินแจกแผ่นพับหาเสียงอยู่ในห้างดัง ย่านถนนรามอินทรา
จู่ๆก็มีขบวนรถสีดำวิ่งเข้ามาจอดเทียบหน้าห้าง แล้วก็ปรากฏร่างของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้า เดินเข้ามาชูมือนายพนิชโชว์สื่อมวลชน
กระชากเสียงกรี๊ดของบรรดาแฟนคลับ แห่จับไม้จับมือ แย่งขอถ่ายรูปกันคึกคัก
ตามเป้า พระเอกโผล่เซอร์ไพรส์ทั้งที
แต่ก็มีเหมือนกันกับช็อตนอกซีน ตามรายงานข่าวอีกมุมหนึ่งของนักข่าวสายตาไว ระหว่างนายกฯอภิสิทธิ์นำทีมเดินเข้าไปในร้านเคเอฟซี ปรากฏแม่ลูกคู่หนึ่งกำลังรับประทานไก่ทอดอยู่ ซึ่งแม่พยายามจูงมือลูกสาวเดินออกจากร้าน แต่ลูกสาวพยายามยื้อเอาไว้ เพราะยังรับประทานไก่ทอดไม่หมด
และก็เป็นฝ่ายแม่ที่บอกลูกตรงๆว่า "แม่ไม่ชอบคนคนนี้ ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ"
มาแบบไม่นัดคิวล่วงหน้า มันก็ต้องเจอพวกผิดคิวมั่งเป็นธรรมดา
ฝืนฉากเสียวๆที่ฝ่ายถืออำนาจรัฐโหมประโคมกันไว้
ในจังหวะพอดี หลังเจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวนายสุรชัย เทวรัตน์ หรือ "หรั่ง" ลูกน้องคนสนิทของ "เสธ.แดง" พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ผู้ล่วงลับ มีการขยายผลโยงกับปฏิบัติการโหดๆของผู้ก่อการร้ายชุดดำในห้วงการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง
เหมือนจะกระตุกระดับความมั่นใจ
แม้ข้อมูลส่วนใหญ่ยังเป็นเพียง "ปากคำ" ที่ผ่านทางนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกมาให้ข่าวกับสื่อมวลชน พูดแทนผู้ต้องหา ว่ากันถึงขนาดนายหรั่งขอเวลาให้ตัวเองอยู่ในเรือนจำอีก 1-2 วัน จากนั้นจะเล่าเหตุการณ์ความไม่สงบให้ฟังทั้งหมด
โดยกระแส รูปคดีคืบหน้าไปไกล แต่โดยข้อเท็จจริงก็ไม่วายมีเสียงทักดักคอ "จับแพะ" โยนผิดให้คนตาย
ตามอาการงงๆ เหมือนเพิ่งตั้งหลักกันได้
ล่าสุด นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ออกมากระตุกขาฝ่ายถืออำนาจ กรณีของนายสุรชัยต้องเป็นไปตาม เนื้อผ้า ขณะนี้นายสุรชัยสารภาพแค่ว่า ยิงปืนใส่โรงแรมดุสิตธานีเท่านั้น แต่กลับมีการให้ข่าวว่าเชื่อมโยงกับ 8 คดีอื่น
ดังนั้น ขอเรียกร้องให้พิจารณาไปตามข้อเท็จจริง ให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา อย่าทำเพื่อหวังดิสเครดิตคนเสื้อแดง และรวมไปถึงอย่าสร้างพยานเท็จด้วย
ตามด้วยนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย รับลูกแถลงต่อกรณีที่มีการจับกุมตัวนายสุรชัยที่อ้างว่าเป็นมือขวาของ พล.ต.ขัตติยะ โดยดีเอสไอรีบแถลงว่า เกี่ยวกับคดีสำคัญถึง 8 คดี แต่พอวันฝากขัง ผู้ต้องหาบอกกับสื่อมวลชนว่าปฏิเสธข้อกล่าวหา และล่าสุดเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2553 ปรากฏเป็นข่าวว่านายธาริตพลิกรับว่านายสุรชัย หรือนายหรั่ง ยังไม่เปิดปาก ยังไม่ยอมให้การ
แสดงว่าการที่ตำรวจและดีเอสไอแถลงข่าวว่า นายหรั่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับ 8 คดีนั้น จึงเป็นการแถลงข่าวฝ่ายเดียว
ในมุกคันๆที่นายพร้อมพงศ์เบิ้ลกลับอีกว่า คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยตั้งข้อสังเกต นายหรั่งมีอายุแค่ 25 ปี ไม่เคยมีประวัติรับราชการทหาร ตำรวจ และหน่วยงานความมั่นคงใดๆ หรือเชี่ยวชาญการใช้อาวุธ แต่กลับสามารถก่อคดีสำคัญได้จำนวนมากถึง 8 คดี ตามที่ดีเอสไอแถลง
เป็นเรื่องที่น่าจะผิดปกติวิสัย เหมือนนายหรั่งเป็นยอดมนุษย์
ตามหมากที่ฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย ต้องรีบเบรกเกมไม่ให้ ไหลไปตามจังหวะของนายธาริต ที่ตอนนี้เล่นเป็นหัวหอก "ตัวเป้า" ของฝ่ายถืออำนาจรัฐ
เดินหน้าย้ำกระแส ชิงพื้นที่ข่าวอยู่ฝ่ายเดียว
กับฉากของนายสุรชัยเป็นจิ๊กซอว์ต่อภาพผู้ก่อการร้ายไอ้โม่ง ชุดดำ
ถ้าปล่อยให้ "เข้าเนื้อ" เสื้อแดงเคลียร์ลำบาก.