WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, July 20, 2010

อำนาจและความกลัว

ที่มา มติชน

โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์

หลังจากถูกขบวนการล่าแม่มดไล่ล่า คุณมาร์คซึ่งกำลังจะมีอนาคตเป็นดาราก็ตัดสินใจว่า จะไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ เพราะดีกว่าอยู่ในประเทศที่จำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นทางการเมือง


คุณมาร์คอายุเพิ่ง 17 ปี ถือว่ายังน้อยอยู่ ดังนั้นคงยากที่จะทำให้คุณมาร์คเชื่อว่า อย่าหนี เพราะการหนีเป็นยุทธวิธี ไม่ใช่การดำเนินชีวิต ยิ่งไปกว่านี้ การหนียังไม่ทำให้สังคมไทยเคารพสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งความเห็นทางการเมืองแต่อย่างไร รังแต่จะทำให้การข่มขู่คุกคามสิทธิเสรีภาพดำเนินไปอย่างหนักข้อมากขึ้น ถ้าสักวันหนึ่ง คุณมาร์คกลับมาใช้ชีวิตในเมืองไทยอีกครั้ง ลูกหลานของคุณมาร์คจะมีชีวิตในสังคมนี้ต่อไปได้อย่างไร


แต่ก็นั่นแหละ คุณมาร์คเพิ่งอายุ 17 ยังอยู่ในยามเช้าของชีวิต คงยากที่ผู้ใหญ่ซึ่งคุณมาร์คเคารพนับถือ เช่นคุณพ่อคุณแม่ จะสามารถทำให้คุณมาร์คเห็นชอบด้วยว่า อย่าหนี เพราะการหนีมาจากความกลัว และความกลัวเป็นความรู้สึก ไม่ใช่เหตุผล ความรู้สึกเป็นสิ่งที่อยู่ลึกกว่ากระบวนการคิดด้วยเหตุด้วยผล ดังนั้นจึงถ่ายถอนได้ยาก


ผมจำได้ว่า ในสมัยหนึ่ง คุณมาร์คอีกคนหนึ่งเคยให้สัมภาษณ์ด้วยเหตุผลกับหนังสือพิมพ์ว่า นายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะนั้น แม้เป็นผู้ใหญ่ที่คุณมาร์คอีกคนหนึ่งนับถือ แต่ก็ไม่มีคุณลักษณะที่จะเป็น "รัฐบุรุษ" ได้ นายกรัฐมนตรีท่านนั้นเคืองคำพูดของคุณมาร์คอีกคนหนึ่งมากถึงขนาดลำเลิกถึงมารดาคุณมาร์คอีกคนหนึ่งว่า ให้คุณมาร์คอีกคนหนึ่งไปถามมารดาเองว่า ได้ฝากฝังคุณมาร์คอีกคนหนึ่งไว้กับท่านนายกรัฐมนตรีอย่างไร


เท่านั้นแหละ ตามข่าวที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์ คุณมาร์คอีกคนหนึ่งก็เข้าไปกราบเท้าท่านนายกรัฐมนตรีเพื่อขออภัย แต่ก็ไม่ชัดว่า ท่านนายกรัฐมนตรีมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเป็นรัฐบุรุษในความเห็นของคุณมาร์คอีกคนหนึ่งหรือยัง เพราะไม่มีใครทราบว่า คุณมาร์คอีกคนหนึ่งขออภัยท่านนายกรัฐมนตรีที่คำพูดของตนไปกระทบกระเทือนจิตใจ หรือขออภัยที่ได้พูดอะไรตามเหตุตามผลที่ตนมองเห็นอย่างบริสุทธิ์ใจ


ผมเล่าเรื่องนี้เพื่อจะแสดงว่า ความกลัวมักอยู่เหนือเหตุผลในคนหมู่มากเสมอ


ขบวนการล่าแม่มดใช้ความกลัวเป็นเครื่องมือเถลิงอำนาจ


ความกลัวเป็นเครื่องมือที่ดี ไม่ใช่เพราะมันมักอยู่เหนือเหตุผลในคนหมู่มากเสมอเท่านั้น แต่ฤทธิ์ของมันทำให้สยบยอมต่อความไร้เหตุผล, ความป่าเถื่อนโหดร้าย และการฉ้อฉลอำนาจอย่างโจ่งแจ้งไร้ยางอาย

ดังนั้น ความกลัวจึงเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ของระบอบเผด็จการทุกระบอบ การประหารชีวิตในโลกสมัยโบราณ กระทำกันในหลายรูปแบบ ตามแต่ความผิด มีตั้งแต่จับใส่ตะกร้อยักษ์ให้ช้างเตะจนกว่าจะตาย ทวนด้วยลวดหนังแล้วตระเวนบกตระเวนน้ำเจ็ดวัน ก่อนเอาไปตัดหัวเสียบประจานในเมืองไทย ไปจนถึงตัดร่างกายทีละส่วนเป็นเจ็ดท่อนในประเทศจีน ใส่ขื่อคาไว้กลางแดดกลางฝนกลางสี่แยกกว่าจะสิ้นใจ หรือเผาทั้งเป็นในยุโรป


แม้ในโลกสมัยใหม่ การทรมานร่างกายก่อนฆ่าไม่อาจทำในที่สาธารณะเพื่อ "ประจาน" ได้อย่างสมัยโบราณ แต่การกระทำเพื่อให้เกิดความกลัวก็ยังเป็นเครื่องมือสำคัญอยู่นั่นเอง จู่ๆ ก็ถูกอุ้มหายไปไร้ร่องรอยใดๆ ทิ้งความห่วงใยและหวาดหวั่นไว้กับญาติมิตรข้างหลังอย่างสุดพรรณนา (ซึ่งใช้กันมากในละตินอเมริกา แต่ก็ใช่จะไม่มีเลยในเมืองไทยหรือพม่า), การลอบสังหารโดยไม่มีทางจับตัวคนร้ายได้, การ "ตีและสร้างความตระหนกสุดขีด" (strike and awe) ในการสลายการชุมนุม, การจับกุมคุมขัง "ลืม", แม้แต่การปล่อยจากที่คุมขังก็ใช้สร้างความกลัวได้ หากทำโดยไม่มีมาตรฐานสำหรับทุกคน เพราะเป็นอำนาจทำตามใจชอบอันเป็นอำนาจสูงสุดที่ทุกคนต้องกลัว, การอายัดทรัพย์บนฐานของความระแวง, การปิดสื่อทุกชนิดที่อาจบ่อนทำลายความกลัวของผู้คน, ตลอดจนทำให้ความไม่กลัวเสี่ยงต่อการถูกตั้งข้อหาร้ายแรง คือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อันเป็นข้อหาที่ ไม่ว่าคำพิพากษาจะออกมาอย่างไร บุคคลที่ถูกตั้งข้อหาก็ถูกลงโทษไปแล้ว โดยกระบวนการยุติธรรมและโดยสังคม ฯลฯ


ความกลัวยังกินลึกกว่านั้นเสียอีก ไม่แต่เพียงความกลัวต่อความปลอดภัยในร่างกาย และอิสรภาพเท่านั้น หากยังรวมถึงความกลัวต่อการสูญเสียเกียรติยศชื่อเสียง และความนับหน้าถือตา, กลัวหลุดจากตำแหน่ง, กลัวต่อการสูญเสียโอกาสที่จะประสบความเจริญงอกงามในชีวิต, ต่อการสูญเสียเพื่อน, ผู้สนับสนุนในวงการ, อันล้วนเป็นสิ่งที่จินตนากรรมของเราจะสร้างสรรค์ให้เป็นไป ภายใต้อำนาจของความกลัว


ฉะนั้น ขบวนการล่าแม่มด, การก่นประณามบุคคลเพื่อให้เสียชื่อเสียง, การเหยียดมนุษย์คนอื่นให้ต่ำกว่าคน, การป้ายสี, การป้ายความผิดทางกฎหมาย, การกีดกันโอกาส ฯลฯ จึงเกิดขึ้นเพื่อช่วยจรรโลงความกลัวอันเป็นเครื่องมือของระบอบเผด็จการ และมีใช้กันในทุกสังคมเผด็จการ


เผด็จการทหารพม่า นับตั้งแต่สมัยเนวินจนถึงทุกวันนี้ ก็ใช้ความกลัวนี่แหละ เป็นเครื่องมือสำคัญในการบังคับควบคุมประชาชนในประเทศ ทั้งที่เป็นเชื้อสายพม่าและเชื้อสายชนส่วนน้อยอื่นๆ


ยิ่งต้องพึ่งพิงความกลัวมากเท่าไร ก็ยิ่งต้องโหดร้ายทารุณมากขึ้นเท่านั้น เพราะความกลัวก็เหมือนความรู้สึกอื่นๆ กล่าวคือ ผู้คนชาชินกับมันได้ในระยะยาว ดังนั้นจึงต้องฆ่า, ทำทารุณกรรม, จับกุมคุมขัง, ใช้ความรุนแรงสุดขีดเพื่อสั่งสอน ในระดับร้ายแรงมากขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้หยุดหย่อน, แทรกความกลัวเข้าไปในชีวิตปกติให้มากที่สุด เห็นสีเขียวที่ไหนก็ต้องหลบ หากหลบไม่ได้ ก็ต้องพินอบพิเทา, ในมหรสพทุกอย่างต้องเชิดชูกองทัพไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม แม้แต่จะพูดถึงในเชิงตลก ก็ต้องแอบทำ หรือกระซิบกระซาบ มิฉะนั้นก็อาจถูกจับกุมคุมขังในข้อหา "ก่อการร้าย" ซึ่งในภาษาพม่าใช้ว่าเป็นปฏิปักษ์กับรัฐ ฯลฯ


ความกลัวจึงเป็นอันตรายไม่เฉพาะแต่ต่อสังคมประชาธิปไตยเท่านั้น แต่ต่อสังคมอารยะทั้งมวล เพราะรัฐใดใช้ความกลัวเป็นเครื่องมือในการเถลิงอำนาจมากเท่าไหร่ ก็จะประสบความสำเร็จในด้านอื่นๆ น้อยลงเท่านั้น ยิ่งประสบความสำเร็จน้อย ก็ยิ่งต้องใช้ความกลัวมากขึ้น เป็นวัฏจักรแห่งความชั่วร้ายที่เมื่อเริ่มหมุนแล้ว ก็ยากจะยุติลงได้


นี่คือเหตุผลที่ต้องจับกุมคุมขังคุณสมบัติ บุญงามอนงค์ เพราะคุณสมบัติกระทำสิ่งที่ร้ายแรงแก่อำนาจเผด็จการเสียยิ่งกว่าเอาอาร์พีจีไปถล่มค่ายทหารเสียอีก นั่นคือคุณสมบัติเอาผ้าแดงไปผูกเสาป้ายสี่แยกราชประสงค์ ไม่ใช่เพื่อเตือนให้ผู้คนรำลึกถึงการสลายการชุมนุมที่มีการเข่นฆ่าประชาชนยิ่งกว่าครั้งใดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของไทย แต่เพราะคุณสมบัติกำลังบอกแก่สังคมไทยว่า "อย่ากลัว"


อย่างเดียวกับที่ออง ซาน ซูจีบอกชาวพม่าว่า เราต้องต่อสู้เพื่อมีอิสรภาพจากความกลัวลงให้ได้เสียก่อน จึงจะสามารถแก้ปัญหาทั้งหมดของประเทศให้ลุล่วงได้


เช่นเดียวกับกรณีของพม่า แค่เราสูญสิ้นความกลัวเพียงอย่างเดียว อำนาจเผด็จการทั้งหมดก็พังครืนลง เพราะอำนาจใดก็ตาม จะถูกเผด็จได้ ไม่ใช่เพราะมีกองทัพซึ่งพร้อมเพรียงด้วยอาวุธร้ายแรงในมือ ไม่ใช่เพราะสามารถฉ้อฉลกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมได้ตามใจชอบ ไม่ใช่เพราะได้รับการสนับสนุนจากชนชั้นสูงเพียงหยิบมือเดียว และแน่นอนไม่ใช่เพราะร้อยลิ้นกะลาวน แต่อำนาจใดๆ ย่อมถูกเผด็จไว้ได้ เพราะประสบความสำเร็จในการสถาปนาความกลัวขึ้นครอบงำคนทั้งสังคม หรือเกือบทั้งสังคมต่างหาก


"สาร" ของคุณสมบัตินั้นชัดเจน เมื่อได้รับการปลดปล่อยจากที่คุมขัง สิ่งแรกที่คุณสมบัติทำคือกลับไปผูกผ้าแดงอย่างที่ได้ผูกไปแล้วใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อย้ำแก่สังคมไทยให้ได้ยินถนัดขึ้นว่า "อย่ากลัว"... อย่ากลัว, อย่ากลัว และอย่ากลัว


เราทุกคนที่รู้สึกตัวว่าถูกกดขี่อยู่ด้วยอำนาจเผด็จการจึงควรคารวะคุณสมบัติอย่างสูง


ความกลัวนั้นแปลกประหลาด คนที่ใช้ความกลัวเป็นเครื่องมือเผด็จอำนาจเอง ก็ใช่จะมีอิสรภาพจากความกลัวไม่ เพราะอำนาจที่ตั้งอยู่บนความกลัวนั้นย่อมเปราะบางอย่างที่กล่าวแล้ว ผู้นำระบอบทหารของพม่านั้น เชื่อโชคลางขนาดที่อาจเรียกได้ว่าบ้าคลั่ง นายพลเนวินเคยสั่งยกเลิกธนบัตร 50 และ 100 จ๊าดทั้งหมด เพื่อออกธนบัตรใหม่ที่มีค่า 49 และ 99 จ๊าด เนื่องจากเลข 9 เป็นเลขมงคล ส่วนหนึ่งของการสร้างเมืองหลวงใหม่ซึ่งสิ้นเปลืองงบประมาณมหาศาลในครั้งนี้ ก็มาจากความเชื่อทางไสยศาสตร์ พร้อมกับการวางผังเมืองเพื่อข่มกลุ่มที่คิดว่าเป็นปฏิปักษ์ไว้ใน "ฮวงจุ้ย" ของเมืองครบครัน


ไม่ต่างจากผู้นำระบอบเผด็จการในประเทศอื่น ที่ต้องทำพิธีกรรม ทั้งที่ตรงและไม่ตรงกับพุทธศาสนา เพื่อข่มปฏิปักษ์ของตนเอง หรือเพื่อความมั่นใจว่าอำนาจของตนจะมั่นคงถาวรตลอดไป


ไม่นานมานี้ ผมได้ยินคำให้สัมภาษณ์ของรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงว่า ตัวนายกรัฐมนตรีเป็นเป้าถูกปองร้าย จะจริงหรือเท็จก็ตาม ก็ว่ากันว่านี่เป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีไม่ออกไปช่วยลูกพรรคหาเสียงในฐานะหัวหน้าพรรค และว่ากันว่าในทุกที่สาธารณะซึ่งท่านปรากฏตัว มีการตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือลงชั่วคราว


หากบุคคลสำนึกได้ถึงความกลัวที่ตนมีอยู่ได้ ก็มีทางเลือกสองทาง หนึ่งคือทำอย่างเดียวกับพระอริยสงฆ์ ได้แก่ ทำให้ตนเองไม่มีภัยแก่ใคร ท่านจึงไม่กลัวใคร และไม่มีใครกลัวท่าน หรือสองทำให้ตนเองเป็นภัยแก่ทุกคน จนเป็นที่หวาดกลัวเสียวสยองแก่ทุกคนที่ได้พบเห็น เรากลัวทุกคน และทุกคนกลัวเรา