ที่มา Thai E-News
โดย อรุณรุ่ง สัตย์สวี
กาลหนึ่ง ณ เมืองแลนแดนตะกวด
ยั้วเยี้ยอวดเกล็ดคลานมานานเนิ่น
ประดับเพชรสะเด็ดน้ำ – ดินดำเนิน
หลายร้อยปีเพลิดเพลินครอบครองเมือง
แผ่เผ่าพันธุ์แลนร้ายอ้ายคำแลน
เหนือแว่นแคว้นเหนือกฎหมายอ้ายหางเหลือง
ซ่องสมุนขุนศึกคึกและเชื่อง
คอยป่วนเมืองหนุนแลนวางแผนร้าย
จงหมอบคลานทำงานหนักจงรักแลน
จงภักดีมาดแม้นตายแทนได้
จงพอมีกินวันวันพอกันตาย
อย่าคิดหมายอ้าปากวิพากษ์วิจารณ์
อุตริอ้างอวดตะกวดเจ้า
จุติจากห้วงหาวปาฏิหาริย์
กอบโกยกวาดทรัพย์สิ่งศฤงคาร
เกษมสัตว์สำราญบ้านของกู
ชาวเมืองต่างชื่นชมก้มลงกราบ
ชาวบ้านปลาบปลื้มใจไม่คิดสู้
ศรัทธาปิดลงดานบานประตู
หลงเชื่อลมกรอกหูมิรู้ตัว
เมื่อถึงคราวช่วงชิงความเป็นใหญ่
แม้นสายเลือดร่วมไส้ไม่ไว้หัว
อำนาจล้นพ้นฟ้ามืดตามัว
ตะกวดชั่วหวงแหนแลนบัลลังก์
ผู้ใดคิดคัดง้างกระด้างกระเดื่อง
จับกุดหัวต่อเนื่องอยู่เบื้องหลัง
สวดใส่ชุดนักบุญหน้ากากบัง
เปล่งวาจาขรึมขลังยับยั้งภัย
วันคืนเคลื่อนเลื่อนโลก ลมโบกพัด
ความจริงจึงแจ่มชัดกระจ่างใส
ชาวเมืองแลนตาสว่างอย่างดวงไฟ
มองทางใดเห็นแท้ตอแหลเรา
จึงตีฆ้องร้องสิทธิ์ผู้คิดต่าง
ร่วมแรงร้างรื้อเรื้อความเชื่อเก่า
ต้อนตะกวดไล่ตะล่อมตัวมอมเมา
อ้ายแลนเฒ่าเน่าแน่ตอแหลนัก !!!
( นิทานเรื่องเมืองแลนแสนอุบาทว์
อุทาหรณ์สอนอำนาจนั้นหน่วงหนัก
ใครกอดกุมจะรุ่มร้อนมิผ่อนพัก
ปวงชนจักพร้อมใจให้บทเรียน )