ที่มา ประชาชาติธุรกิจ พันธะของเสื้อแดง เกี่ยวพันกับภารกิจของพรรคเพื่อไทย อย่างยากที่จะแยกออกจากกัน จังหวะก้าวการแยกกันเดิน ร่วมกันตี ทั้งใน-นอกสภาผู้แทนราษฎร จึงปฏิบัติการคู่ขนานระหว่างแกนนำ นปช.กับแกนนำเพื่อไทย แต่เมื่อแกนนำ นปช.ทั้ง 7-ผู้ต้องขัง 9 เดือน ในคดีก่อการร้าย ถูกปล่อยตัว เมื่อนายอดิศร เพียงเกษ แกนนำคนเสื้อแดง 1 ใน 19 ผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย เข้ามอบตัวที่กรมสอบสวนคดีพิเศษและได้รับการให้ประกันตัว เมื่อ "วรชัย เหมะ" แกนนำ นปช. แจ้งความประสงค์ขอลงสมัคร ส.ส.สมุทรปราการ และ "ศักดา นพสิทธิ์" แกนนำแดง-สายยงยุทธ ติยะไพรัช ขอจองพื้นที่ ส.ส. จ.ชลบุรี "เอมอร สินธุไพร" ภรรยาแกนนำ นปช. นิสิต สินธุไพร ขอลง ส.ส.ร้อยเอ็ด เช่นเดียวกับสายเลือดเดียว "สุพร อัตถาวงศ์" แกนนำสายฮาร์ดคอร์ที่ส่ง "ชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์" ลงบัญชี ส.ส.เขต เส้นทางของ "แดงทั้งหมด" มุ่งหน้าสู่ "บัญชี ส.ส." ของพรรคเพื่อไทย ทั้ง "ทักษิณ ชินวัตร" และแกนนำทั้ง 111 ต้องทบทวนท่าที และขบวนการขับเคลื่อน 2 ขาอีกครั้ง ข้อเสนอสำหรับพิจารณา จึงมี 2 วาระ จาก 2 ฝ่าย ฝ่าย "ทักษิณและครอบครัว" มีข้อเสนอให้แกนนำแดงทุกสาย ปูพรมลงรับสมัคร ส.ส.ทุกพื้นที่ และอาจบรรจุชื่อ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" เป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อหมายเลข 1 ในอันดับท็อปไฟฟ์ ฝ่าย "แกนนำสาย 111" ซึ่งเป็น "พี่เลี้ยง" ในพรรคเพื่อไทย ไม่เห็นด้วยให้เสื้อแดงปรากฏตัวเป็น ส.ส. และไม่ต้องการให้คนในตระกูล "ชินวัตร" ออกหน้า-เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร เหตุผลของ "ฝ่ายทักษิณและครอบครัว" คือหากมีแกนนำแดง+ชินวัตร จะทำให้พรรคเพื่อไทยชนะแบบถล่มทลาย ได้เป็นเสียงข้างมาก จัดตั้งรัฐบาล แต่เหตุผลของ "ฝ่ายพี่เลี้ยง" ในพรรค ไม่เห็นด้วยเพราะ หากนำเสื้อแดงมาเปิดหน้าในสนามเลือกตั้งอาจสุ่มเสี่ยงถึงขั้นผิดกฎหมายเลือกตั้งระดับ "ยุบพรรค" ได้ เพราะเวทีหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.โดยเสื้อแดง จะดุเดือด-พาดพิง-ใส่ร้ายป้ายสี ฝ่ายตรงข้าม-ด่ารัฐบาล ดีกรีร้อนแรง เทียบเท่าเวทีปราศรัยของเสื้อแดง ระดับต่ำสุดก็อาจจะโดนตัดแต้มด้วยการแจก "ใบแดง" ตัวอย่างที่ฝ่ายพี่เลี้ยงยกขึ้นมาประกอบการพิจารณาคือ สมัยที่ผ่านมา "ทักษิณ" ได้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีมาแล้วถึง 2 คน ทั้งสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และสมัคร สุนทรเวช แต่ก็ไม่ได้ทำให้ธุรกิจและการเมืองของคนในตระกูล "ชินวัตร" หายใจคล่องขึ้น เหตุผลเรื่องการเก็บ "คะแนน-เสียง" จากชนชั้นกลาง-คนในเมือง ที่เพื่อไทยไม่เคยซื้อใจได้เพราะคาใจเรื่อง "เสื้อแดง" สร้างความไม่สงบ สร้างความรุนแรง เผาบ้านเผาเมือง ก็ถูกนำมาประกบคู่กับเหตุผลของฝ่ายพี่เลี้ยง ระหว่างที่ทั้ง 2 ฝ่าย 2 ขั้ว ในองคาพยพเพื่อไทย ค้นหาทางออกจากกับดักตัวเอง ยังต้องพิจารณาวาระอภิปรายไม่ไว้วางใจควบคู่ไปด้วย พันธะ-ภาระ ของเพื่อไทย กับเสื้อแดง จึงถูกขีดเส้นแบ่ง-จัดระยะห่าง ให้พรรคนำเสื้อแดง ไม่ให้เสื้อแดงนำพรรค เพราะ job description ของ "ม็อบเสื้อแดง" ที่ถูกกำหนดไว้คือ 1.มีเป้าหมายการต่อสู้ที่ไปไกลกว่าการเลือกตั้ง 2.แนวทางการต่อสู้โลดโผน เกรี้ยวกราด หวือหวา เพื่อดึงมวลชนเข้าร่วมให้มาก 3.การเคลื่อนไหวบางครั้งสุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย เช่น ผิด พ.ร.บ.จราจร-ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคง นอกจากนี้ยังมี "จ็อบบริการเสริม" เช่น การเป็นแนวต้านไม่ให้เกิดรัฐประหาร ขณะเดียวกันต้องทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลนอกสภา เป้าหมายสุดท้าย หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล "ม็อบแดง" ยังต้องมีหน้าที่เป็น buffer zone หรือแนวรั้ว-แนวรบ ป้องกันไม่ให้รัฐบาลเพลี่ยงพล้ำด้วย แต่เมื่อแกนนำระดับ "จตุพร พรหมพันธุ์" ยังเป็นตัวอย่าง ที่ได้รับทั้งเอกสิทธิ์-อภิสิทธิ์ ได้ทั้งเงิน-ทั้งกล่อง บรรดาสมาชิกเสื้อแดงทุกคนย่อมอยากจะเจริญรอยตาม เป้าหมายฝ่ายแดงฮาร์ดคอร์ อย่างน้อยต้องได้ลงรับสมัคร ส.ส.เขต และหากบรรจุลงระบบบัญชีรายชื่อก็ต้องอยู่ในอันดับต้น ๆ ไม่เกินอันดับสัดส่วนที่ "ได้รับเลือกตั้ง" แน่นอน ไม่เกินลำดับที่ 50 เฉพาะชื่อ "ผู้ต้องหา" หมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินทั้ง 29 ราย ที่รอเข้ามอบตัว ก็อาจเกือบเต็มเพดานผู้สมัครบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องบรรจุเป็นผู้สมัคร และยังรอวันมอบตัว อาทิ นายวิสา คัญทัพ นางไพจิตร อักษรณรงค์ นางดารุณี กฤตบุญญาลัย นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายอดิศร เพียงเกษ นายวรพล พรหมมิกบุตร และนายอารี ไกรนรา หากทั้งฝ่ายเสื้อแดงและฝ่ายผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย ยังผูกติดการเคลื่อนไหวเป็นขาเดียวกัน ยิ่งสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอันตรายกับ "เพื่อไทย+ชินวัตร" ได้มากยิ่งขึ้น แต่ดูเหมือนว่า "ทักษิณ" จะยังไม่ได้เรียนรู้-ทบทวน บทเรียน ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เสียง "โฟนอิน" คำสั่งล่าสุด ยังผูกเสื้อแดงติดกับเพื่อไทย "ผู้สมัคร ส.ส.ต้องลงพื้นที่ อย่าทิ้งประชาชน อยู่กับทุกสี ต้องเข้าไปหา บางคนไม่ลงพื้นที่ หากพรรคไม่ชนะแล้วผมจะกลับบ้านได้อย่างไร ผมอยากกลับแล้ว กลับมาทำงานต่อ แต่ขอกลับมาในรูปแบบสภาและการเลือกตั้ง" เสียงทักษิณ-ก้องจากพรรคถึงม็อบแดง ทักษิณ-เพื่อไทยและม็อบเสื้อแดง ตั้งเป้าข้ามชอตไปไกลกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่อยู่ในมือ "มิ่งขวัญ" นานแล้ว
ฝ่ายพี่เลี้ยง ยังให้เหตุผลแนบท้ายด้วยว่า หากนำคนในตระกูล "ชินวัตร" ชูขึ้นมาเป็นว่าที่ตำแหน่ง "นายกรัฐมนตรี" ก็อาจถูกตามกวาดล้างจากฝ่ายอำนาจที่มองไม่เห็นอีกครั้ง
นับจากวัน-วาระครบรอบ 1 ปี วันปิดประเทศที่ราชประสงค์เมื่อ 12 มีนาคม 2553 การชุมนุมของ "ม็อบเสื้อแดง" จะยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
หวานเจี๊ยบบบบ
2 hours ago