ที่มา ข่าวสด
ไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือนพ.ค.
คือคำตอบสุดท้ายของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่จะนำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อยุบสภา พร้อมตราพระราชกฤษฎีกาสำหรับการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในเดือนมิ.ย.
เป็นการประกาศก่อนหน้าการชุมนุม ใหญ่คนเสื้อแดง 1 วัน และก่อนหน้าการระเบิดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพียง 3 วัน
ถึงการประกาศวันยุบสภา ของนายกฯ อภิสิทธิ์ ไม่มีส่วนหยุดยั้ง 2 เหตุการณ์ดังกล่าวที่ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ แต่ก็มีส่วนทำให้อุณหภูมิการเมืองลดระดับลงจากจุดใกล้ปรอทแตก
อย่างไรก็ตาม ดีเดย์ยุบสภาต้นเดือน พ.ค. ไม่ได้เป็นเรื่องนอกเหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์การเมืองตลอดจนประชาชนทั่วไปเท่าใดนัก
เพราะกับคนที่ติดตามข่าวสารการ เมืองจะได้ยินนายกฯ อภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์หลายครั้งในระยะหลัง ว่าตั้งใจจะยุบสภาเลือกตั้งใหม่ไม่เกินครึ่งแรกของปีนี้
นำมาสู่การวิเคราะห์กันว่าเงื่อนไขหนึ่งที่เป็นแรงกดดันให้นายอภิสิทธิ์ต้องตัดสินใจยุบสภาเร็ว
คือการชุมนุมของคนเสื้อแดง ที่ใกล� วาระครบรอบ 1 ปี เหตุการณ์ 19 พ.ค.53 ที่รัฐบาลใช้ความรุนแรงเข้าปราบปรามการชุมนุม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ บาดเจ็บเกือบ 2,000 คน
นอกจากนี้ท่ามกลางกระแสทุจริตคอร์รัปชั่นของคนในรัฐบาล ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคถีบตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ กระทบปากท้องประชาชน ไฟใต้ลุกลามจนเอาไม่อยู่ ปัญหาชายแดนไทย-เขมรยังคาราคาซัง ฯลฯ
หลายคนส่งเสียงเตือนรัฐบาลยิ่งอยู่นานคะแนนยิ่งหดหาย อาการความดันทุรังสูงยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง นำพาประเทศออกนอกเส้นทางประชาธิปไตย ซ้ำซากอีกด้วย
การยุบสภาเลือกตั้งใหม่ตามแนวทางประชาธิปไตย จึงเป็นทางเลือกดีที่สุดของรัฐบาลที่จะพาตัวเองออกจากวงล้อมวิกฤต
แม้ว่าการกลับคืนสู่อำนาจหลังการเลือกตั้งหนหน�าจะห่างไกลจากความเป็นจริงไปทุกทีก็ตาม
ในการกำหนดวันยุบสภา สัปดาห์แรกของเดือนพ.ค.
นายกฯ อภิสิทธิ์ให้เหตุผลว่า จำเป็นต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการแบ่งเขตและวิธีการเลือกตั้งใหม่ให้เสร็จสิ้นก่อน
กระนั้นในทางการเมืองเป็นที่รู้กันในวงกว้างว่ารัฐบาลเองก็ฝืนอยู่ต่อไม่ไหว การลากยาวอำนาจออกไปอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี
ก่อนหน้านี้รัฐบาลหวังใช้การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านเป็นเวทีเคลียร์ตัวเองจากมลทินข้อกล่าวหาต่างๆ ด้วยมั่นใจว่าจะใช้ความเจนจัดด้านสำนวนโวหารเอาตัวรอดศึกนี้ไปได้อย่างสบายๆ
แต่ปรากฏว่าจากเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ฝ่ายค้านทยอยปล่อยออกมาฉายเป็นหนังตัวอย่างเรียกน้ำย่อย
ไม่ว่าเรื่องคลิปภาพเหตุการณ์เผาเซ็นทรัลเวิลด์ กรณีปมภาษีบุหรี่ 6.8 หมื่นล้าน ปัญหาสินค้าขึ้นราคาซ้ำเติมรัฐบาลในจังหวะพอดิบพอดี
สื่อหนังสือพิมพ์หยิบยกประเด็นเหล่านี้มาเป็นข่าวพาดหัวกันพรึบพรับ เรียกเสียงซี้ดซ้าดจากบรรดาคอการเมืองได้พอสมควร ส่อถึงรูปเกมที่กำลังเปลี่ยนไป
กลายเป็นรัฐบาลตัดสินใจผิด ที่ยอมเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ "ทิ้งทวน" ก่อนมีการเลือกตั้ง โดยไม่ชิงประกาศ ยุบสภาตัดไฟแต่ต้นลม
ถึงตอนนี้เลยแก้ไขอะไรไม่ได้ ความชะล่าใจของรัฐบาลยังอาจนำพาให้ใครต่อใครหลายคนที่เคยสนับสนุนรัฐบาลต้องพลอยรับเคราะห์กรรมไปด้วย
ยกตัวอย่างกรณีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.เพื่อไทยและแกนนำเสื้อแดง อ้าง ว่ามีคลิปเหตุการณ์ทุกวินาที เห็นหน้าคนก่อเหตุชัดเจน
ส่วนจะเกี่ยวโยงกันหรือไม่กับปฏิกิริยา 2 บิ๊กทหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กับพล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. ออกมาให้สัมภาษณ์ตอบโต้อย่างดุเดือด
เป็นประเด็นต้องติดตามในรอบสัปดาห์นี้
ขณะเดียวกันในแวดวงพรรคร่วมรัฐบาลเกิดความคึกคักขึ้นมาทันทีหลังรู้วันยุบสภา
ต้องจับตาคือการนัดกินข้าวมื้อพิเศษของ 2 พรรค ชาติไทยพัฒนา กับภูมิใจไทย วันจันทร์นี้ ซึ่งมีแกนนำ ตัวจริงอย่าง นายบรรหาร ศิลป อาชา และ นายเนวิน ชิดชอบ มาร่วมวงด้วย
ลูกพรรคภูมิใจไทยเป?ดเผยตรงไปตรงมาว่า หัวข้อการพบปะจะเป็นการหารือกันถึงการร่วมรัฐบาลครั้งหน้า เฉพาะในแวดวงคนรู้ใจ พรรคประชาธิปัตย์ไม่เกี่ยว
นอกจากนี้ยังมีคิวลับๆ ที่นายบรรหาร กับแกนนำตัวจริงพรรครวมชาติพัฒนา และกลุ่ม 3 พีแห่งพรรคเพื่อแผ่นดิน จะมาเปิดตัวกระชับสัมพันธ์พร้อมกันอีกด้วย
พรรคประชาธิปัตย์ตกอยู่ในสภาพกระแสร่วงหล่น
แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลบางคนประเมินผลเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างไม่เกรงอกเกรงใจว่า ด้วยกระแส "ทักษิณ" บวกกับกระแส "เสื้อแดง" พรรคเพื่อไทยน่าจะเป็นฝ่ายชนะ
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์กระแส ตกจากข่าวเรื่องทุจริต ทำให้แพ้ไปอย่างเฉียดฉิว
บางคนในกองทัพเองก็ยังประ เมินในทิศทางเดียวกันว่า พรรค เพื่อไทยจะเป็นฝ่ายมีชัยในการเลือก ตั้งเหนือพรรคประชาธิปัตย์
พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะถูกเบรกด้วยกระแสข่าวยุบสภา แต่เชื่อว่าข้อมูลการอภิปรายในเรื่องทุจริตจะทำให้รัฐบาลอยู่ไม่เป็นสุข
น็อกคาเวทีสภาไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็สร้างความบอบช้ำให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ แล้วค่อยไปหาทางยิงหมัดน็อกอีกทีในสนามเลือกตั้ง
การที่สถานการณ์การเมืองเดินมาถึงจุดพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ พรรคประชาธิปัตย์จะโทษใครไม่ได้นอกจากโทษตัวเอง
ความผิดพลาดในกรณีสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงจนทำให้มีคนตายเจ็บจำนวนมาก การปล่อยให้มีการทุจริตคอร์รัปชั่นกันอย่างมโหฬาร
ทำให้วันนี้รัฐบาลไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยุบสภาเพื่อหนีตายจากวิกฤตรอบด้านเท่านั้น