ที่มา มติชน พล.อ.ท.ธงชัย แฉล้มเขตร รองผอ.ศูนย์บรรเทาสาธารภัยกองทัพอากาศ กล่าวว่า ตามที่นายกฯได้ มีคำสั่งให้มีการจัดตั้งศูนย์ค้นหาและช่วยชีวิตโดยมีวัตถุประสงค์ในการค้นหา ช่วยชีวิตผู้ที่ติดค้าง โดยทางกองทัพอากาศเป็นผู้รับผิดชอบและทำหน้า อำนวยความสสะดวกในการตรวจหาและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยซึ่งเดิมครอบคลุม พื้นที่ 5 จังหวัด ซึ่งหลังจากได้รับการแจ้งเหตุผ่าน สายด่วน 1111 กด 5 ก็ได้มีการประสานกับทาง ศปภ. ในการจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ โดยขณะนี้ได้มีการจัดลงกำลังช่วยผู้ประสบภัย อ.ไทรน้อย จ.อยุธยา และ อ.เมืองจ.นนทบุรี โดยผู้แทนจากกองทัพบกได้มีการประสานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ แต่เนื่องจากระดับน้ำสูง รถของกองทัพไม่สามารถเข้าถึงได้ จึงต้องใช้เรือของกองทัพเรือเข้าช่วย
เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 20 ตุลาคม ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ศปภ.) สนามบินดอนเมือง โดย นายวิม รุ่งวัฒนาจินดา โฆษกศปภ. เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ พื้นที่ประสบภัยแพร่เข้าถึงกรุงเทพมหานครแล้ว ศปภ. ได้ดำเนินการต่อเนื่องตลอด 2 สัปดาห์ แต่ต้องยอมรับว่า การช่วยเหลือยังไม่ทั่วถึง จึงเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นจากประชาชน แต่ขณะนี้ทางกองทัพไทย ได้มีการตั้งศูนย์เพิ่มเติม ซึ่งทาง ศปภ. อำนวยความสะดวกให้กองทัพไทย อำนวยความสะดวกและความช่วยเหลือ 5 จังหวัด นครสวรรค์ อยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี ซึ่งจังหวัดนนทบุรี โดยอำเภอที่ประสบปัญหามากที่สุดคือ อำเภอบางใหญ่ อำเภอบางบัวททอง และอำเภอไทรน้อย โดย กองทัพไทยจะให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
พล.ท.จิร เดช สิทธิประณีต ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝาสยกิจการพลเรือน ในฐานะหัวหน้าศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบกส่วนหน้า แถลงข่าวว่า ตามที่ศปภ.มอบหมายให้กองทัพบก ช่วยเหลือประชาชน 5 จังหวัด เช่น ปทุมธานี นครสวรรค์ อยุธยา ลพบุรี นนทบุรี เป็นจังหวัดหนึ่ง ที่ทางกองทัพได้รับมอบหมายให้เข้าไปบูรณาการกับผู้ว่าราชการจังหวัด โดยมีตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือช่วยเหลือ บางบัวทอง ซึ่งได้มีการตั้งศูนย์ช่วยเหลือก่อนที่จะเกิดน้ำท่วม ทางกองทัพช่วยเหลือมาตลอด แต่เมื่อ 2 วันที่ผ่านมานั้น สถานการณ์ในพื้นที่นนทบุรี ประสบปัญหาในระดับ วิกฤติ และ ประชาชนเดือดร้อนมาก ดังนั้นกองทัพบกจึงร่วมกับเหล่าทัพ เพื่อช่วยประชนให้เร็วที่สุด
ดังนั้นกองทัพไทย ขอความร่วมมมือ ดังนี้ 1. ขอให้ประชาชนที่ติดค้างอยู่ในบ้าน เตรียมความพร้อมอพยพออกจากพื้นที่ ซึ่งทางกองทัพจะส่งเรือเรือ เข้าไปรับ 2. ศูนย์ป้องกันภัยทางอากสศ ได้เตรียมนำเรือออกเป็นสาย เพื่อออกไปรับประชาชน ในพื้นที่ตามเส้นทางที่ได้มีการแบ่งไว้ แต่ขณะนี้มีปัญหาคือเรือจะเข้าไปรับ ยังมีไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงได้ระดมเรือจากกองทัพเรือ ในคืนนี้คาดว่ารวมทั้งหมดจะได้ 40-50 ลำ โดยจะมีการลงเข้าไปในเขตพื้นที่ บางบัวทองก่อน หากประชาชน ได้รับความเดือดร้อนสามารถแจ้ง 1131 02241-1709 1111 กด 5 ทั้งนี้กองทัพจะขอความร่วมมือจากประชาชนที่มีเรือ และมีขีดความสามารถ เข้ามาอาสาช่วยมารับประชาชชนที่ติดค้างอยู่ในพื้นที่
พล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พลตำรวจเอก เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รักษาการ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้กองกำลังตำรวจตะเวนชายแดน และตำรวจน้ำที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ อยุธยา เดินทางมาสมทบ เข้าช่วยเหลือประชาชน และได้รับมอบหมายให้ป้องกันเหตุการณ์โจรกรรมในพื้นที่ประสบอุทกภัย และจะดำเนินการอย่างเต็มที่ และขณะนี้ได้มีการกำลังระดม กำลังตำรวจ เข้าลาดตระเวน มาช่วยด้านความปลอดภัยในทรัพย์สิน ด้านการจราจร และ อาชญากรรม ทั้งนี้จะมีการประสานกับร่วมกับอาสาสมัครต่างๆ เข้าช่วยเหลืออย่างเต็มที่ หากมีข้อมูลเบาะแส สามารถแจ้งได้ที่เบอร์ ศูนย์ช่วยเหลือเตือนภัยทางอากาศ และ ศูนย์วิทยุเตือนภัยแห่งชาติ 02-534-1911 02-504-3569
ขณะที่ พลเรือโทบงสุช สิงห์ณรงค์ หัวหน้าศูนย์บรรเทาสาธารภัย กองทัพเรือส่วนหน้า กล่าวว่าในการส่งเรือเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยมีหลายพื้นที่ เช่น จังหวังพระนครศรีอยุธยา และ ศาลาญาจังหวัดนครปฐม ซึ่งปัจจุบันมีกำลังเจ้าหน้าที่และเรืออยู่ 13 ลำ ที่ต้องขนย้ายประชาชนออกมา ขณะเมื่อค่ำวานนี้ทาง ศปภ.ได้รับเรือจากทางประเทศจีนที่ส่งมาช่วยเหลือ อีกกว่า 20 ลำ จึงทำให้กองทัพเรือ มีเรือที่จะนำไปช่วยผู้ประสบอุทกภัย 40-50 ลำ ที่จะเข้าเหลืออพพยประชาชนไปที่ปลอดภัย
ขณะเดียว กันกองทัพเรือ ได้ตั้งฐานปฏิบัติการลอยน้ำที่วัดเฉลิมพระเกียรติ และ วัดไทรม้า ซึ่งจะมีเรือประจำการพร้อมให้ความช่วยเหลือ 3-4 ลำ อย่างไรก็ดีในการช่วยเหลือเพื่ออพยพประชาชนในพื้นที่นนท์บุรี ขณะนี้ทราบว่าทางการไฟฟ้าได้ ทำการตัดไฟแล้ว ซึ่งจะทำให้การเข้า ช่วยเหลือ มีความยากลำบาก จึงขอให้ประชาชน เมื่อได้ยินเสียงเรือเจ้าหน้าที่ให้มีการ ส่งสัญญาณ เช่น ส่องไฟฉายทำสัญญาณกระพริบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือได้ตรงจุด