ที่มา thaifreenews
โดย bozo
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมเขียนต้นฉบับแบบเร่งรีบ
เพราะมีภารกิจติดพัน เลยลืมพูดบางเรื่อง ที่กวนหัวใจตัวเองมาหลายวันแล้ว
เพราะเมื่อเดือนที่ผ่านมา
มีเสียงร่ำลือออกจากแหล่งข่าวต่างๆ ลงทั้งหน้าหนังสือพิมพ์
และข่าวสารทางวิทยุ อ้างคำกล่าวของพระเถระผู้ใหญ่ ที่แสดงความเห็นว่า
‘ผู้หญิง’ ปกครองบ้านเมือง ไม่ดีบ้าง จะทำให้บ้านเมืองพินาศย่อยยับบ้าง ฯลฯ อะไรทำนองนี้
ควรให้ ‘ผู้ชาย’ ปกครองเท่านั้น!
ฟังเรื่องไร้สาระแบบนี้ นึกจะด่าสวนออกไปแรงๆ แต่ก็กลัวบาป เพราะไม่รู้ว่า ‘เจ้ากู’ ไปพูดจา...
ได้ ‘โง่เง่า’ ถึงขนาดนั้น...จริงหรือไม่!?
มาฉุกคิดอีกครั้ง ก็เห็นว่า
คนที่พูดอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นพระหรือเป็นโยม
ก็เพราะพวกเขาเหล่านั้น เข้าใจ ‘อำนาจ’ ของผู้หญิงไทยเราผิดไป
ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะคนเหล่านั้น ไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับอิทธิพล
และอำนาจของผู้หญิงไทย มาอย่างเพียงพอ หรือไม่ได้ใส่ใจที่จะศึกษากัน ก็เป็นได้
ถ้าผมจะพูดออกไปบ้าง ว่า
“ประเทศไทยจะมีนายกฯหญิง ยาวนานไปอีก 40 ปี!?”
อยากจะรู้เหมือนกัน...คนพวกนี้ จะคิดอย่างไร!!
ผมเคยพูดถึงเรื่อง ‘อำนาจ’ ของผู้หญิงไทย
ด้วยความทึ่งและเคารพยกย่อง มาหลายครั้งหลายหนแล้ว
และเคยยกตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายๆ จากในสมัยไม่นานมากนัก
แค่ยุครัชกาลที่ 4 นี้เอง เวลาผัวต้องไปเข้าเวรยาม
ที่บ้านเจ้านายตามหน้าที่ของไพร่ อย่าง “ทิดมาก’” ผัวของ “แม่นากพระโขนง”
เขาก็แสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างที่ดี
การไปเข้าเวรยามบ้านเจ้านาย แต่ละครั้งนั้น
ผู้ชายไทยอย่าง “ทิดมาก’” ต้องออกจากบ้านไปปีละหกเดือน
จึงทำให้ผู้หญิงที่เป็นเมียอย่างแม่นาก ต้องมีหน้าที่หาเลี้ยงครอบครัวด้วยตนเอง
ความจำเป็นอย่างนี้เอง
ทำให้ผู้หญิงไทยจำนวนมาก ต้องเป็นฝ่ายหาเลี้ยงตัวเองและลูกๆ
การที่ต้องดิ้นรนต่อสู้ชีวิต ทำให้พวกเธอเหล่านั้น ทำมาหากินเป็น ค้าขายเป็น ที่สำคัญคือ
ผู้หญิงไทย คิดเลขเป็น และเป็นผู้กุมการเงินของบ้านมาตั้งแต่ครั้งโบราณ
ผมเล่าต่อไปด้วยว่า
สำหรับฝรั่งนั้น หากจะดูความสำคัญของคนองค์กรหรือบริษัทแล้ว เขาให้ดูตรงที่ว่า
“ Who holds the purse strings ?”
แปลได้ว่า ใครเป็นคนกุมสายกระเป๋า ?
พูดภาษาไทยไม่ต้องอ้อมค้อม นั่นก็คือ
“ใครกันล่ะ ที่กุมกระเป๋าสตางค์?”
สำหรับผู้หญิงไทยแต่โบราณมาแล้ว จึงเป็นผู้กุมอำนาจในบ้านอย่างแท้จริง
เพราะเป็นผู้กุมกระเป๋าตังค์ ส่วนผู้หญิงฝรั่งอย่างอเมริกันชาติที่ว่ามีความเจริญแล้ว นั้น
ต้องเป็นฝ่าย แบมือ...ขอสตางค์ผัว!
กว่าผู้หญิงฝรั่งในสหรัฐ จะหาเลี้ยงตัวเองได้ ด้วยการออกไปทำงานนอกบ้าน
และสามารถหาเงินเอง ใช้เงินที่หาเองได้ ก็ตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นแล้ว
เพราะผู้ชายมะกันจำนวนมากมาย ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปรบต่างทวีป
โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆขาดแรงงาน รัฐบาลลุงแซมเลยต้องพึ่งแรงงานสตรีเป็นหลักแทน
ใครอยากรู้เรื่องนี้อย่างละเอียด
ก็ต้องเข้าไปอ่านใน คอลัมน์ กาแฟขม...ขนมหวาน ตอน ผู้หญิงมีกล้าม…กล้ามโต๊..โต!
http://vattavan.com/detail.php?cont_id=119
แล้วจะเข้าใจทะลุปรุโปร่ง จะได้เก็บไว้เป็นข้อมูล สอนลูกสอนหลานกันต่อไป
แม้ก่อนหน้าที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก้าวขึ้นมามาสู่ตำแหน่ง ผู้นำของประเทศ
บ้านเราไม่เคยมีผู้หญิงเป็น ‘นายกรัฐมนตรี’ มาก่อน แต่ความเป็นจริงนั้น
ผู้หญิงไทยอยู่ในอำนาจ ทั้งในบ้าน และทางการบริหารมาก่อนแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นหน่วยราชการ องค์กร บริษัท ต่างๆ ฯลฯ
บางครั้งในองค์กรหรือบริษัทเอกชน ผู้หญิงอาจให้ สามีออกหน้าแทน
เพื่อเป็นเกียรติกับคู่สมรส แต่อำนาจที่แท้จริงในการบริหารองค์กรและบริษัท
ตกอยู่ในมือของเธอซึ่งเป็นผู้หญิง เหมือนกับวลีที่ว่า
Power behind the throne.
หากแปลหรือถอดความเป็นไทยให้สละสลวย น่าจะหมายถึง
อำนาจหลังบัลลังก์ หรือ อำนาจค้ำบัลลังก์ ก็คงจะพอไปได้
ยกตัวอย่าง ให้เห็นได้ง่ายๆสำหรับคนไทย เช่น
ข้าราชการที่จะวิ่งเต้นเอาตำแหน่ง หากไปหาผู้บังคับบัญชา
หรือเจ้านายตนเอง อาจไม่สำเร็จ หรือเป็นคนพูดยาก
แต่ถ้าเข้าทาง ‘หลังบ้าน’ คือการเข้าไปหาคุณนายของท่าน นั่นเอง
ความสำเร็จก็จะบังเกิด!
ตัวอย่างนี้ แสดงให้เห็น Power behind the throne.
สำหรับสังคมไทย ได้ชัดเจนเป็นที่สุด!!
ที่สำคัญอย่างยิ่ง และผู้คนไม่ค่อยจะคิดถึงกัน นั่นคือ
ผู้หญิงไทยได้รับสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย
เท่าเทียมกับชาย มาตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475
ไม่ว่าจะเป็น...
สิทธิในการเลือกตั้ง และสิทธิการดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ส่วนชาติใหญ่ๆ แม้กระทั่งสหรัฐอเมริกา
ผู้หญิงต้องต่อสู้หลายปี กว่าจะได้รับสิทธิในการเลือกตั้ง คือ
ก่อนปี พ.ศ. 2393 ผู้ชายผิวขาวที่เสียภาษีเท่านั้น จึงมีสิทธิเลือกตั้ง
ก่อนปี พ.ศ. 2412 ผู้หญิงไม่มีสิทธิการเลือกตั้ง
ปี พ.ศ. 2413 ผู้ชายผิวดำมีสิทธิเลือกตั้ง
โดยต้องตอบคำถามให้ผ่านการดสอบของทางการก่อนก่อน
ปี พ.ศ. 2475 ผู้หญิงและผู้ชายมีสิทธิเลือกตั้ง
ปี พ.ศ.2508 หญิงชาย ผิวขาวและดำ มีสิทธิการเลือกตั้งเท่าเทียมกัน
สำหรับประเทศไทยเรา หลัง พ.ศ. 2475 มีรัฐธรรมนูญ แล้ว
ชายหญิง รวยจน มีการศึกษาสูงต่ำแค่ไหน ต่างก็มีสิทธิเลือกตั้งเท่าเทียมกันทั้งหมดทั้งสิ้น
จะเห็นได้ว่า ผู้หญิงเมืองไทยนั้น แทบจะไม่มีความแตกต่างจากชาย ในเรื่องของการเมืองเลย
นอกจากนั้น สิทธิในด้านอื่นเช่นด้านการประกอบอาชีพ ก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย
นับว่าเป็นโชคดี ของผู้หญิงในประเทศนี้อย่างยิ่ง!
แต่...เป็นที่น่าสังเกตว่า
การขึ้นมาสู่ตำแหน่งของนายกฯปู
มีกลุ่มคนที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นแผ่นเสียงตกร่อง จนแผ่นจะทะลุ ว่า
รัฐบาลปูฯทำอะไร ก็ผิดไปหมด...โง่ไปหมด!
ที่เห็นชัดๆ นอกจากพวกเสื้อเหลือง
ซึ่งประกาศตนเป็นศัตรูถาวรแล้ว ก็ยังมีพวกผู้ดำเนินรายการ
ในคลื่น FM 101 MHz ที่ทหารเหมาให้คนอื่นทำ
คนทำจะด่าว่ารัฐบาลอย่างไรก็ได้ ไม่เป็นไร
ทหารไม่ถือ เพราะทหารได้ค่าสัมปทานมา
ซุกเข้าพกเข้าห่อเรียบร้อย...อิ่มสบายกันไปแล้ว!
เพราะพฤติกรรมทหารอย่างนี้แหละครับ
ที่ผมบอกว่า ทำให้ พลเอก เจ้ากรมทหารสื่อสาร โดนดำเนินคดีเสีย 3 คน
น่าอาย...ชิบหาย!
ทหารที่ได้ประโยชน์ มักไม่ใส่ใจในพฤติกรรมผู้เช่าคลื่น
การที่คนในขบวนการกลุ่มนี้
ที่อิงแอบคลื่น FM 101 MHz ของกองบัญชาการกองทัพไทย
ซึ่งกลายร่างมาจากองบัญชาการทหารสูงสุด
(เปลี่ยนชื่อแล้ว ยังหารับประทานกันเหมือนเดิม!) ต้องผิดหวังอย่างหนักนั้น
ไม่ใช่อะไรหรอกครับ!
แต่เป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์ ที่พวกเขารักเขาเชียร์
พ่ายแพ้...ในการเลือกตั้ง...ย่อยยับ!!
แม้คนกลุ่มนี้ จะเกิดอาการหดหู่ ท้อแท้ เสียความรู้สึกอย่างรุนแรง
แต่ถึงกระนั้น คนในขบวนการร่วมด้วยช่วยขย่มทักษิณฯ และพรรคเพื่อไทยเหล่านี้
มันก็ยังไม่ท้อถอย!
ยังคงดำรงการระดมโจมตีต่อเนื่อง มิได้ขาดหาย หรือหยุดยั้งแต่ประการใด!!
ดังนั้น เมื่อคนกลุ่มนี้มาออกหน้า
แสดงโดยนัยถึงความเป็นศัตรูกันกับรัฐบาลนายกฯปู ชัดเจนอยู่แล้ว
ผมจึงขอแนะนำให้ กองบัญชาการกองทัพไทยผู้เป็น เจ้าของคลื่น
ซึ่งสนับสนุน นายมาร์ค มุกควาย และพรรคประชาธิปัตย์ตลอดมา
ตั้งแต่ครั้ง ‘นายพลบุญเสี้ยม’ เป็น ผบ.สส.แล้ว...
จงเอานายมาร์ค มุกควาย มาเป็นผู้ดำเนินรายการร่วมกับคนกลุ่มนี้เสียเลย!
แทนการให้ไอ้หมอนี่ มันไปแหกปากโวยวาย
จะขอเวลาพูดกับประชาชนบ้าง ทั้งๆที่ตัวเอง ไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครมาก่อน
ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล จะได้ยึดเวที FM 101 MHz เป็นที่มั่นหลัก
สำหรับการต่อสู้กับพรรคเพื่อไทยและทักษิณ
ไหนๆ...ก็ไหนๆ แล้วนี่!
ท่านผู้อ่าน ที่ต้องการทราบว่า‘ใครเป็นใคร’ ในคลื่น FM 101 MHz
และมีที่มาที่ไปอย่างไร คลิกดูได้ ในคอลัมน์
พวกกู...เชื่อนโยบาย ‘เพื่อไทย’ มากกว่าโว้ย!!!
(http://vattavan.com/detail.php?cont_id=311 )
แล้วท่านจะเข้าใจดี!!
ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ
นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ใช่สตรีมีอำนาจ ที่อยู่ เบื้องหลังสามี
หากแต่เป็นตัวของเธอเองนั่นแหละ ที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่กุมอำนาจสูงสุด พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ
นายกฯปูกำลังนั่งอยู่...บนบัลลังก์อำนาจ!
ผู้หญิงที่ชื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ประกาศศักดาหญิงไทยใจหาญ
ก้าวขึ้นนั่งบนบัลลังก์อำนาจ
ด้วยเวลาเพียงไม่กี่วัน หลังจากการเปิดตัวเข้าสู่การเมือง อย่างเป็นทางการ
สามีของเธอเป็นฝ่าย...อยู่ข้างหลัง!
ฝ่ายตรงข้าม ก็มักกล่าวหาว่า
เธอเป็นนอมินีบ้าน เป็นโคลนนิ่งของพี่ชายบ้าง...ก็ไม่ว่ากัน!
แต่ต้องเข้าใจว่า
การที่ผู้คนเลือก “ยิ่งลักษณ์”
และพรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีเฉพาะ ‘คนรักทักษิณ’ อย่างเดียวเท่านั้น
แต่อาจมาจากคนที่เกลียดประชาธิปัตย์ด้วย คนพวกนี้มีจำนวนไม่น้อย
ต่อให้ไม่มีพรรคเพื่อไทย มาลงเลือกตั้ง
ให้เหลือแค่ “พรรคหมู” กับ “พรรคหมา” และพรรคประชาธิปัตย์ แข่งขันกัน รวม 3 พรรค
คนจำพวกหลัง ก็จะเลือกพรรคใดพรรคหนึ่ง
ไม่เลือก “พรรคหมู” ก็ต้องเลือก “พรรคหมา” แต่รับรองว่า
ไม่เลือก...ประชาธิเปรต!
“วาทตะวัน” รวมอยู่ในคนกลุ่มหลังนี้ด้วย!!...555
ก่อนจบบทความในวันนี้
จะขอเปิดเผยเรื่องที่ติดค้างท่านผู้อ่านไว้ ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน
เรื่องพรรคดักดาน จะไม่ได้กลับมาสร้างความเดือดร้อน
ให้กับบ้านเมืองของเราอีก เป็นระยะเวลายาวนานถึง 40 ปี นั้น
ผมหมายความว่าอย่างไร!?
ขอเฉลยกันตรงนี้ ว่า
ในความคิดของผมแล้ว
พรรคดักดานได้ความระยำไว้กับบ้านนี้เมืองนี้มากมายเหลือเกิน
โอกาสที่พวกมันจะกลับมาบริหารบ้านเมือง ก็ยากตามไปด้วย
ดังนั้น ถ้านายกฯปูของเรา
อยู่ในอำนาจแค่ 4 สมัยซ้อน ก็กินเวลาเข้าไป 16 ปีเข้าไปแล้ว
หากนายกฯปูเกิดเบื่อขึ้นมา
ตอนเธออายุ 59 ปลายๆ แล้วประกาศเออร์ลี่รีไทร์
โดยสละตำแหน่งผู้นำรัฐบาล ผู้ที่จะสืบตำแหน่งต่อจากนายกฯยิ่งลักษณ์
น่าจะเป็นผู้หญิงอีกคน ที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวไวๆนี้ ชื่อ
น.ส.พิณทองทา ชินวัตร
...ยุคนี้น่าจะกินเวลา 2 สมัย อีก 8 ปี!
หมดยุคของ “พิณทอง” ก็จะถึงยุคของ...
น.ส. แพทองธาร ชินวัตร
เงื่อนไขมีแค่...
การสืบทอดตำแหน่ง ‘นายกรัฐมนตรีผู้หญิง’ ของประเทศไทย
จะเป็นสำเร็จได้ สำคัญอยู่ตรงที่ว่า
หากประชาชนคนรักชาติ รักประชาธิปไตย อย่างเราๆท่านๆ
ช่วยกดดันทั้งไอ้พรรคและพวกอัปรีย์
ที่มุ่งจะยึดอำนาจไปจากประชาชน เอาไว้ได้เป็นผลสำเร็จ
ผมรับรองว่า
ผู้มีรายชื่อตามที่ระบุ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน!
โดยเฉพาะ “แพทองธาร” ที่จบการศึกษา จากคณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ
ร่ำเรียนมาทางการเมืองการปกครองโดยตรง
และเธอได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จากสถานที่ศึกษา
ทั้งอาจารย์ในคณะ และสังคมรอบตัวเธอ
เพราะผลพวงจาก พ.ต.ท.ทักษิณฯผู้บิดา ถูกโค่นอำนาจอย่างไม่เป็นธรรม
แรงกระแทกกระทั้นต่างๆเหล่านี้เอง
ได้สร้างความแข็งแกร่งให้เธอกลายเป็นผู้หญิง ที่มีน้ำอดน้ำทนสูง
“แพทองธาร” น่าจะอยู่ในตำแหน่ง อย่างน้อยน่าจะเท่ากับคุณอาของเธอ
ซึ่งเป็นนายกฯผู้หญิงคนแรกของไทยแลนด์ แดน
ศรีวิไลสมทรง
คืออยู่อย่างน้อย... 4 สมัย!
สิริรวมผู้หญิงจากตระกูล “ชินวัตร” จะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้
... ยาวนานไปอีก 40 ปี!
คราวนี้...เห็นกันหรือยังล่ะ!!
“แพทองธาร” หรือ “อุ๊งอิ๊ง” คนนี้แหละครับ
ทำให้ผมคิดถึงม้าแข่งเพศเมีย ชื่อ “รำมะนา” จากเมืองย่าโม
ที่สร้างชื่อลือลั่นวงการอาชาประเทศไทย เมื่อหลายทศวรรษก่อน
“รำมะนา” นั้นเป็นม้าฝีเท้าเป็นเลิศ หัวใจใหญ่และเป็นนักสู้เต็มตัว
ม้าตัวไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้ ตัวเมีย
หรือแม้แต่ม้ากะเทย พันธ์เดียวกับอาชากาลี ‘เปรมพาชี’
จะพยายามวิ่งตีคู่ขึ้นมาเทียบ หรือพยายามจะแซงหน้า “รำมะนา” ตัวนี้แล้ว...
...รับรองเป็นเรื่อง
เธอจะเบิกตาวาว วาบขึ้น กระชากตัวพรึบ แล้วทะลึ่งพรวดทันที...
ทิ้งม้าที่พยายามจะแซง...ขาดไปเลย!
ขอกราบเรียนท่านผู้อ่าน ตรงๆนะครับ ว่า
รอให้ ได้ ‘บ่ม’ สักนิดเถอะน่า!
ผู้หญิงอย่าง “แพทองธาร” คนนี้ นี่แหละครับ ที่ผมแน่ใจว่า
จะก้าวขึ้นมาปกครองบ้านเมือง
และทำให้ประชาชนคนในสยามประเทศ มีความสุขได้แน่นอน...
เหมือน “อาปู” ... กำลังทำอยู่ไงจ๊ะ!!!
***********
ท้ายบท เขียนออกแนว Fantasy แบบนี้
ด้วยจงใจจะให้ลิ่วล้อของไอ้พรรคกาลี กับไอ้พวกอัปรีย์ ที่ชอบข่มเหงรังแกและเข่นฆ่าประชาชน
มัน ‘อกแตก’ เล่น!
สะใจ!!...ชะมัดเลย!!!
...555
(***คอลัมน์ ประจำสัปดาห์ ตอน “ไทยจะมีนายกฯผู้หญิง ยาวนานไปอีก 40 ปี!!!?”
ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 15 ตุลาคม 2554)
http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=327