WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, October 19, 2011

จริงของ สนธิ ลิ้มทองกุล ผลประกอบการของ"เอเอสทีวี" ไม่สวยแถมยังเสี่ยงระดับสูง

ที่มา มติชน



" ผมคงแบกความรับผิดชอบแบบนี้ คนเดียวต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว เพราะผมไม่มีแล้ว หลังหักแล้ว อย่างที่ผมเคยบอกว่าผมจะทำต่อไปจนไม่มีแรงทำ แล้ววันนี้ก็มาถึงแล้ว ... ไม่มีแรงแล้ว "


"สนธิ ลิ้มทองกุล" กล่าวหลัง"เอเอสทีวี"ยุติการออกอากาศ เนื่องจากถูกตัดสัญญาณดาวเทียม (17 ตุลาคม 2554)

รายงานข่าวเอเอสทีวีระบุว่า ตั้งแต่เวลาประมาณ 17.30 น. ที่ผ่านมา การแพร่ภาพของสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีเกิดปัญหาไม่สามารถดำเนินการได้ตามปกติ โดยผู้ชมทางบ้านได้โทรศัพท์สอบถามมายังสถานีเป็นจำนวนมากหลังจากที่รับชม รายการปกติไม่ได้

ผู้บริหารระดับสูงของสถานี ชี้แจงว่า ปัญหาเกิดจากการตัดสัญญานดาวเทียม NSS-6 ของบริษัทนิวสกาย แซทเทลไลต์ จำกัด ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่เอเอสทีวีเช่าสัญญาณอยู่ โดยที่ผ่านมาเอเอสทีวีทำสัญญาเช่าช่องสัญญานกับทาง NSS-6 มาโดยตลอด แต่ก็มีหนี้ค้างชำระอยู่บางส่วน

NSS-6 ไม่ยอมที่จะผ่อนปรนภาระหนี้ให้กับเอเอสทีวี แม้ทางผู้บริหารจะพยายามเจรจาขอยืดเวลาชำระหนี้ออกไป หรือขอชำระเพียงบางส่วนแล้วก็ตาม

" ผมไม่มีแล้ว หลังหักแล้ว " เป็นคำพูดที่จริงที่สุดของ สนธิ ลิ้มทองกุล

เพราะ หากใครเข้าไปดู ผลการดำเนินการของ บริษัท เอเอสทีวีผู้จัดการ จำกัด ก็จะรู้ว่าเรื่องนี้ ปกปิดกันไม่ได้

บริษัท เอเอสทีวี จดทะเบียนปี 2549 ทุนประเดิม 1 ล้าน ก่อนจะมาเพิ่มเป็น 50 ล้านในปี 2551 ก่อนจะมาเพิ่มอีกครั้งเป็น 250 ล้าน ธุรกิจของบริษัทคือ กิจการโทรคมนาคม บริการกระจายเสียง

กรรมการ บริษัท ประกอบด้วย นายวริษฐ์ ลิ้มทองกุล นางสาวธิดาลักษณ์ วรรณวัฒนากิจ นายปัญจภัทร อังคสุวรรณ และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดคือ บริษัท ไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด ถือหุ้น 49,999,990 หุ้น มูลค่า 249,999,950 บาท

บริษัท ไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด มีกรรมการ 4 คน คือ นาย จิตตนาถ ลิ้มทองกุล (ลูกชายของสนธิ ถือหุ้น 5.9 ล้านหุ้น มูลค่า 59.9 ล้านบาท) นาย พชร สมุทวณิช นาย ขุนทอง ลอเสรีวานิช นาย อุเว่ เฮนเก้ พาร์พาร์ท

ไทยเดย์ฯ ไม่ได้ตั้งอยู่ที่สำนักงานท่าพระอาทิตย์ แต่แยกไปตั้งที่ อาคารสีลมเซ็นเตอร์ ชั้น 15 ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร


ไทยเดย์ฯ ผลประกอบการขาดทุนปี 2548 กว่า 236 ล้านปี 2549 ขาดทุน 147 ล้าน ก่อนจะมีกำไรในปี 2550 จำนวน 19.9 ล้าน ปี 2551 จำนวน 157 ล้าน และกำไรปี 2552 กว่า 66.6 ล้านบาท


กลับมาที่บริษัท เอเอสทีวี อันเป็นบริษัทออกอากาศรายการเอเอสทีวี ผลประกอบการไม่สวยนัก เพราะขาดทุนสุทธิอย่างต่อเนื่อง ปี 2553 ขาดทุน 24 ล้าน ย้อนกลับไปปี 2552 ขาดทุน 61 ล้าน


เมื่อดูบทวิเคราะห์ผลการดำเนินการ ในส่วนของสภาพหนี้สินบริษัท เอเอสทีวีฯ


จากการวิเคราะห์ พบว่าโครงสร้างการจัดหาเงินทุน ประกอบด้วย หนี้สิน 1.31 เท่า และส่วนของผู้ถือหุ้น -0.31 เท่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีการจัดหาเงินทุนที่นำมาลงทุนในสินทรัพย์ ส่วนใหญ่มาจากหนี้สิน ซึ่งในสภาวะเช่นนี้ เจ้าหนี้จะมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ถือหุ้น และเมื่อมองที่ตัวบริษัท จัดได้ว่าบริษัทมีความเสี่ยงในระดับสูงอย่างมาก

อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น

อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทนี้คำนวณได้เท่ากับ -4.21 เท่า ซึ่งเป็นการพิจารณาสัดส่วนของหนี้สินทั้งหมดเมื่อเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น ในกรณีบริษัทนี้พบว่า โครงสร้างเงินทุนของบริษัทมาจากหนี้สินในปริมาณที่มากกว่าส่วนของผู้ถือหุ้น นอกจากนี้เราจะสังเกตได้ว่า ส่วนของผู้ถือหุ้นมีค่าติดลบ

อัตราส่วนแสดงความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย

อัตราส่วนนี้แสดงถึงความสามารถในการจ่ายภาระหนี้สินระยะยาวของบริษัท นั่นคือ ถ้าบริษัทมีการจ่ายดอกเบี้ยที่ดี บริษัทก็อาจได้รับการต่ออายุสินเชื่อเมื่อครบกำหนด อัตราส่วนนี้ยิ่งสูงก็ยิ่งแสดงถึงความเสี่ยงทางการเงินที่ต่ำ อัตราส่วนที่เหมาะสมควรมีค่าอย่างน้อยเท่ากับ 1 เท่า

กรณีนี้ บริษัทมีค่าอัตราส่วนแสดงความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยในปี 2553 น้อยกว่า 1 เท่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทไม่มีความสามารถเพียงพอในการจ่ายภาระหนี้สินระยะ ยาว โดยมีค่าเท่ากับ -57.68 เท่าในปี 2553 และ -103.76 เท่าในปี 2552 ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น

" ผมคงแบกความรับผิดชอบแบบนี้ คนเดียวต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว เพราะผมไม่มีแล้ว หลังหักแล้ว อย่างที่ผมเคยบอกว่าผมจะทำต่อไปจนไม่มีแรงทำ แล้ววันนี้ก็มาถึงแล้ว ... ไม่มีแรงแล้ว "

นี่คือ ความจริงจากปากของ สนธิ ลิ้มทองกุล