ที่มา ประชาไท
ติดตามข่าวน้ำท่วมด้วยความห่วงใยในทุกข์สุขของพี่น้องคนไทย ยิ่งเห็นภาพพี่น้องต้องทะเลาะเบาะแว้ง ขัดแย้งกันเรื่องการกักน้ำ ระบายน้ำ ก็ยิ่งหดหู่ใจ
สถานการณ์อย่างนี้ภาวะผู้นำของผู้นำแต่ละพื้นที่ไม่ว่าระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ไปจนถึงรัฐมนตรี ล้วนมีความสำคัญจำเป็น และต้องงัดออกมาใช้ให้เต็มที่
แน่นอนว่า ความเป็นผู้นำนั้นมิใช่เรื่องของการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ว่าเป็นเรื่องของการตัดสินใจที่แม่นยำ ถูกต้อง ดีที่สุด สูญเสียน้อยที่สุด และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
โดยส่วนตัวผมนั้นค่อนข้างเห็นใจชาวบ้านที่ถูกทำให้จมน้ำเนื่องเพราะต้อง ทำคันกั้นน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝั่งหนึ่งท่วม ดังนั้น ก่อนการตัดสินใจแต่ละครั้งที่จะกั้น ผู้นำทุกแห่งจะต้องประเมินได้ว่า มันต้องคุ้มกันที่จะกั้นน้ำ และมันต้องไม่ให้คนถูกขังรับเคราะห์กรรมครั้งนี้หนักเกินไป พร้อมกันก็ต้องมีการให้ความช่วยเหลือพวกเขา (ที่ถูกขังอยู่ในคันกั้นน้ำ) ให้ได้มากที่สุด
เมื่อวานนี้ผมเห็นข่าวชายคนหนึ่ง (เบื้องหลังคือม็อบหลายร้อยที่ออกมาต่อต้านการก่อกระสอบทรายกั้นน้ำ) ไม่แน่ใจว่าจังหวัดสิงห์บุรี หรือ ปทุมธานี ออกมาร้องตะโกนว่า บ้านของเขาท่วมสูงถึงสามเมตรแล้ว ช่วยระบายน้ำออกไปหน่อยได้ไหม เพียงขอให้ท่วมหน้าแข้งของฝั่งเท่านั้น ส่วนเขาจะท่วมมิดคอก็ได้ ขอแค่ได้หายใจ
ครับ ฟังแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ (อดคิดไม่ได้ว่า ผมยังโชคดีที่หายใจหายคอได้โล่งอยู่)
น้ำเหนือยังคงดาหน้าไปเรื่อยๆ แหละครับ ขณะที่เขียนนี้ (13.30 วันที่ 17 ตุลาคม2554) สายน้ำกำลังทะลุทะลวงนิคมอุตสาหกรรมนวนคร และ ศปภ. ก็ได้ออกแถลงข่าวว่าให้ประชาชนในพื้นที่เตรียมการอพยพ หลังการแถลงข่าว ช่องเนชั่นแชลแนลดูจะรวดเร็วที่สุดในการรายงานสถานการณ์พื้นที่ มีนักข่าวต่อโทรศัพท์สายตรงเข้าสถานี บอกเล่าถึงภาวะความโกลาหลอลหม่านของคนงาน พากันเก็บข้าวของวิ่งหนี รถติดหน้าโรงงาน ถนนจากกรุงเทพฯ ไปสายเหนือ ติดประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์
หลังจากที่ทางพิธีกรสอบถามอย่างละเอียดก็ได้ต่อสายตรงไปยังคุณนิพิฐ อรุณวงษ์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ นวนคร สอบถามอีกครั้งว่า คันดินเสียหายมากน้อยแค่ไหน เห็นว่าได้นำตู้คอนเทรนเนอร์ไปอุดแล้ว ช่วยได้แค่ไหน?
คุณนิพิฐ ตอบด้วยน้ำเสียงน่าฟังมาก นั่นคือ นิ่งสงบ ไม่ชวนให้ตื่นตระหนกและให้ข้อเท็จจริงโดยไม่สอดแทรกความเห็นของตน คุณนิพิฐบอกว่า ขณะนี้ได้น้ำรั่วออกมาทางทิศเหนือ ตู้คอนเทรนเนอร์อุดแล้ว แต่ก็ยังไม่เรียบร้อย
พิธีกรถามว่า เห็นว่าข้างนอกอลหม่าน พากันเก็บข้าวของ หลัง ศปภ. แถลง ท่านตอบว่า ขนย้ายกันก่อนก็ดีนะครับ ก่อนนี้เราก็ได้ให้รถประกาศบอกกับคนในโรงงานไปแล้ว
พิธีกรถามว่า น้ำเข้าในเขตอุตสาหกรรมกี่เปอร์เซ็นต์ ท่านตอบ ตอนนี้ ๕ เปอร์เซ็นต์
พิธีกรถามว่า การอุดรอยรั่วจะสำเร็จไหม ท่านตอบว่า ก็ถ้าอุดได้ มันก็อาจจะอ่อนตรงจุดอื่นอีก มันจะ Weak เรื่อยๆ
พิธีกรถามว่า น้ำท่วมครั้งนี้ต่างจากปี 2538 อย่างไร ท่านตอบว่า ครั้งนั้นน้ำค่อนข้างนิ่ง ค่อยๆ เอ่อ แล้วก็เต็มคันดินพอดี แต่ครั้งนี้ น้ำหลาก มีความแรง และน้ำเยอะกว่ามาก
ชัดเจนมากครับ และประทับใจการตอบคำถามซึ่งพิธีกรอาจจะเกรงว่า ศปภ.จะแถลงเกินเหตุอีกหรือเปล่า เพราะในขณะที่คันดินมีรอยรั่วนั้นก็มีการนำเอาตู้คอนเทรนเน่อร์มาอุดแล้ว อาจจะเหมือนประตูระบายน้ำบ้านพร้าว ปทุมธานีที่สุดท้ายก็อุดได้สำเร็จ แต่ท่านไม่มีท่าทีจะตอบคำถามเพื่อให้ ศปภ.กลายเป็นตัวโจ๊กเหมือนคุณปลอดประสพ สุรัสวดี ท่านบอกว่าดีแล้วที่อพยพ ตอนนี้โรงงานคนน้อยลงแล้ว จะได้จัดการอะไรง่ายขึ้น
ศปภ.เคยทำให้สื่อมวลชนและประชาชนเห็นเป็นตัวตลกและดูไม่น่าเชื่อถือจาก กรณีที่คุณปลอดประสพออกมาแถลงว่า ประตูบ้านพร้าว ที่ปทุมธานีแตก ให้ประชาชนใน 6 พื้นที่ต้องเก็บของ ขนของ ใครสามารถไปอยู่บ้านญาติที่ปลอดภัยได้ก็ให้ไป
การแถลงของคุณปลอดประสพ วันนั้น ผมนั่งดูครับ และว่าตามตรงแกไม่ได้เร่งอพยพคนเลยนะครับ ผมจำได้ว่า แกบอกว่า ถ้าบ้านใครสองชั้นให้ขนของจากชั้นล่างขึ้นไปไว้ชั้นบน รับรองยังไงชั้นบนก็ไม่ท่วม แต่เป็นห่วงพวกบ้านชั้นเดียว ถ้าใครมีญาติอยู่ที่ปลอดภัยกว่าก็แนะว่าให้ไปอยู่กับญาติอย่าได้เป็นห่วง ทรัพย์สิน ตำรวจจะดูแลให้ ส่วนสถานที่รองรับประชาชนนั้นจะเอาสนามบินดอนเมืองรองรับ
แกยังตอบคำถามนักข่าวว่า น้ำน่าจะท่วมไม่เกินหนึ่งเมตร ไม่เกินหน้าอกแก คือ ไม่มีอะไรต้องตกใจ จะเป็นห่วงก็แค่รถยนต์ก็ให้เอาไปจอดบนถนน
แต่ไม่รู้ทำไม ภายในไม่กี่นาทีต่อมา ผมเห็นข่าวผู้ว่า กทม. ออกมาให้ข่าวว่า “คนกทม.โปรดฟังผมคนเดียว เพราะผมเป็นผู้ว่าฯ ของคุณ คุณเลือกผมมาต้องฟังผม หากมีเหตุร้ายกับกทม. ผมจะแจ้งให้ทราบเป็นคนแรก ผมจะไม่การเมืองครับ ผมจะร่วมมือกับทุกฝ่าย แต่ให้ฟังผม เชื่อผม”
ครับ เชื่อไหมครับ หลังฟังผู้ว่าฯ กทม. พูดจบ ผมกลับรู้สึกว่า สิ่งที่ท่านพูดนั้นแหละ การเมื้อง การเมือง ในขณะที่คุณปลอดประสพนั้น ผิดจริงครับที่ออกมาแถลงเกินเหตุ แต่ไม่ได้เกินเหตุเท่าที่คนเอาไปบอกต่อๆ กันว่าให้อพยพ ยิ่งสื่อมวลชนกระจายต่อๆ กันไปแล้ว (ต้องเข้าใจว่าสื่อส่วนใหญ่ยืนอยู่ข้างไหน) ยิ่งหนักเข้าไปอีก โดนด่าเละตุ้มเป๊ะ ดังนั้นประชาชนไทยส่วนใหญ่ (ที่ไม่ได้ฟังการแถลงข่าวด้วยตนเอง) จึงเข้าใจว่า คุณปลอดประสพนั้นบอกว่า กทม.จะเจอน้ำท่วมและให้อพยพ
ผมยืนยันนะครับ ได้ยินเต็มสองรูหู (ไปหาเทปวันที่แกแถลงมาเปิดฟังได้เลย) พื้นที่ 6 พื้นที่ที่บอกว่าจะเจอน้ำท่วมนั้นเป็นพื้นที่ในปทุมธานีเสียส่วนใหญ่ (เชียงรากน้อย ลำลูกกา คลองหลวง ตอนเหนือของถนนรังสิต ปทุมธานี) มีเขตกรุงเทพฯ ก็คือ สายไหม เท่านั้น แกยังย้ำนะครับว่า นอกนั้นไม่ท่วม กรุงเทพฯ ชั้นในไม่ท่วม ขอให้สบายใจไม่ต้องวิตก
แต่ไม่รู้ว่าข่าวลือสะพัดไปท่าไหน บอกว่า ปลอดประสพบอกว่า น้ำจะท่วม กทม.
กลายเป็นว่าต้องออกมาแถลงข่าวขอโทษ รุ่งอีกวัน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ออกมาแถลงข่าวคราวใดก็ย้ำแล้วย้ำอีก กรุงเทพฯ ไม่ท่วมแน่นอน ย้ำหลายครั้งมาก ท่าทางท่านดูเกรงอกเกรงใจคน กทม.เหลือหลายคงเพราะเสียความมั่นใจไปเยอะ
ผมอยากบอกว่า ศปภ.แถลงข่าวขอโทษเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าไขว้เขวเกินไป ต้องไม่หวั่นไหวกับนักข่าว ต้องหนักแน่น มั่นคง เชื่อมั่นในตนเองให้มากกว่านี้ (ที่คุณปลอดประสพ แถลงในวันนั้นมีข้อมูลหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ ซึ่งหาก ศปภ. หยิบประเด็นนั้นมากลั่นกรอง พูดเตือนซ้ำ เช่น มีพื้นที่ในปทุมธานีส่วนไหนบ้างที่ต้องเตรียมตัว ปรากฏว่าไม่พูดถึงอีกเลย แต่กลับตัดทุกอย่างที่แกพูดออกไปหมด ผลคือ ชาวปทุมธานีที่ไม่ทันระวังตัวก็เจอน้ำท่วมเก็บของไม่ทันกันในหลายพื้นที่)
และที่สำคัญ อย่าเอาใจคนกรุงเทพฯให้มากเกินพอดี ผมเห็นว่า ศปภ.ไม่เห็นจะต้องไปย้ำนักย้ำหนาเลยว่า กทม.จะไม่ท่วม ในเมื่อน้ำเหนือหลากขนาดนี้ การเตือนให้รับมือแต่เนิ่นๆ น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าด้วยซ้ำ ให้ข้อมูลประชาชนในพื้นที่เสี่ยงไปเลยว่าต้องทำอย่างไรบ้าง (แต่ต้องแม่นยำในข้อมูลนะครับ)
วันนี้หลังจากที่ฟังการแถลงคันดินรั่วของนิคมอุตสาหกรรมนวน ครแล้ว ผมคิดว่า ศปภ. น่าจะเผชิญภาวะแจ้งข่าวร้ายให้กับประชาชนมากขึ้น ซึ่งท่านจะต้องเตรียมตัวให้ดีทั้งคำพูดจา วิธีการ และระยะเวลาที่บอก อย่าให้กระชั้นเกิน
เพราะ ศปภ. จะเป็นที่พึ่งของประชาชนอีกมากต่อจากนี้