ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
สมิงสามผลัด
นใจไปได้เปลาะหนึ่ง หลังศปภ.แถลงชัดเจนว่ากทม. ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญของชาติ
มีแนวโน้มว่ารอดพ้นจากน้ำท่วมค่อนข้างแน่
โดยศปภ.ยืนยันว่ามวลน้ำก้อนใหญ่จากเหนือไหลผ่านลงทะเลไปทั้งหมดแล้วเมื่อ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา
ที่ว่ากทม.รอดพ้นก็เพราะช่วง 14-16 ต.ค. เป็นช่วงน้ำทะเลหนุนสูงสุด
ประกอบกับเป็นเวลาเดียวที่น้ำก้อนมหาศาลจากภาคเหนือเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ พอดี
ฉะนั้น การบริหารจัดการน้ำช่วงนั้นถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง
เพราะผิดพลาดนิดเดียวจะกลายเป็นหายนะ เขตเศรษฐกิจสำคัญของประเทศจะพังเสียหาย
รัฐบาล จึงทุ่มสรรพกำลังไปที่การระบายน้ำลงทะเล ทั้งทางตรงผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา ทางตะวันตกผ่านแม่น้ำท่าจีน และทางตะวันออกผ่านแม่น้ำบางปะกง
และสุดท้ายก็ผ่านพ้น "วิกฤตแรก" ไปได้ด้วยดี
มวลน้ำก้อนใหญ่จากเหนือเมื่อมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว ต่ำกว่าระดับคันกั้นน้ำริมเจ้าพระยาเกือบ 20 ซ.ม.
แต่สถานการณ์น้ำในภาคกลางยังไม่ได้ลดลงในทันที ระดับน้ำยังทรงๆ อยู่อย่างนี้ไปอีกสักระยะ
เพราะช่วงปลายเดือนต.ค.จะเกิด "วิกฤตที่สอง"
น้ำทะเลจะหนุนสูงสุดอีกครั้ง
ศปภ.จึงต้องระดมการผลักดันน้ำออกทะเลให้ได้เร็วที่สุดและมากที่สุดในช่วงนี้
ใช้เรือที่ได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนนับพันลำ ผลักดันน้ำลงสู่อ่าวไทยทั้ง 3 ทาง คือ เจ้าพระยา-ท่าจีน-บางปะกง
เป้าหมายสำคัญคือระบายน้ำจากภาคกลางลงสู่งทะเลให้เร็วที่สุด
ไม่ให้น้ำท่วมขังในหลายจังหวัดภาคกลางเป็นเวลานาน เพื่อบรรเทาทุกข์พี่น้องประชาชน
จะเห็นได้ว่าการระดมสรรพกำลังเข้าแก้ไขภัยพิบัติไม่ใช่เรื่องยาก
คนไทยจะผ่านวิกฤตน้ำท่วมไปได้อย่างแน่นอน
หากทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจกันโดยไม่เกี่ยงงอน ขัดแข้งขัดขากันเอง ไม่เลือกพวกเขาพวกเรา
ยอมวางเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง หยุดสร้างภาพชั่วคราว
หากวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ก็ควรจะเป็นไปในทางที่สร้างสรรค์
เอาเวลาที่ใช้แถลงเหน็บแนมแดกดันศปภ.
ไปช่วยกันคิดช่วยกันแก้ไข หรือไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยจะดีกว่า
เพราะหากยังปล่อยอยู่อย่างนี้ ก็จะโดนชาวบ้านด่าเสียเอง
แบบว่ามือไม่พาย ยังเอาเท้าราน้ำ