WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, January 23, 2008

อะไรนะ...‘สมัคร’ นายกฯ

และแล้วเราก็มีการเลือกประธานรัฐสภาที่เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ และกำลังจะได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่จากการวางตัวของพรรคร่วมรัฐบาล 6 พรรค ที่มีพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำ โดย
ได้เสียงไว้วางใจมอบสิทธิอำนาจให้ถึง 233 เสียง ฉะนั้น ตามธรรมเนียมประชาธิปไตย หัวหน้าพรรค คือ สมัคร สุนทรเวช ก็จะเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ด้วยการ “ฟรีโหวต” ในรัฐสภา ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 แต่มันไม่ได้ฟรีหรอกครับ
ทุกอย่างล้วนมี “ต้นทุน” เพราะก็ยังคงจะเป็นไปตาม “กลไก” ของพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล
สมัคร สุนทรเวช ผู้ซึ่งมีแนวคิดอนุรักษ์นิยม ที่ในสถานการณ์การเมืองยุคหนึ่งอาจจะเรียกขานสมัครว่า “ขวาจัด” ทั้งแนวความคิด การปฏิบัติ และวาทะทางสื่อ เพราะเมื่อออกจากพรรคประชาธิปัตย์ในห้วงเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ก็ร่วมขบวนการล้มล้างศูนย์นิสิตนักศึกษาฯ จนได้รับรางวัลเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยยุครัฐบาลหอย มี ธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี
เมื่อเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคประชากรไทย สมัครก็ยึดกรุงเทพฯ เป็นฐานที่มั่นพร้อมกับแนวคิดอนุรักษ์นิยมจารีตประเพณี ก็เริ่มเปิดศึกกับบรรดาสื่อสารมวลชน เพราะเห็นว่าบรรดาสื่อเป็นผู้ทรงอิทธิพล
มักจะตัดสินความเป็นไปของบ้านเมือง จึงถือว่าตัวเองจะถ่วงดุล-วิจารณ์สื่อสมัคร ก็เลยมักจะเป็นข่าวอยู่เนืองๆ และบรรดาสาวกของเขาในสมัยนั้นก็เป่าปากชื่นชมในความ “กล้าหาญ”
แน่นอนว่า สมัครเป็นนักการเมืองปากกล้า คารมคมคาย
ไม่บันเบาตั้งแต่ครั้งเป็นขุนพลพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประชาธิปไตย
เบ่งบานหลัง 14 ตุลาคม 2516 แล้ว แต่ดูเหมือนว่าระยะหลังๆ ความปากกล้าเริ่มที่จะสอดใส่อารมณ์มากขึ้นๆ ตามอายุขัย ทั้งๆ ที่ผมมองว่าเนื้อแท้ลึก-ลึกแล้วสมัครเป็นคนอ่อนโยนพอสมควร ถึงรักแมว-เลี้ยงแมวและทำอาหารการกินอย่างมี “ศิลปะและศาสตร์” ซึ่งอาจจะเป็นท่วงทำนองหรือเนื้อหาที่ตรงกันข้ามกับเส้นทางการเมืองเลยทีเดียว
เหตุการณ์ที่หมิ่นเหม่สำหรับสมัคร นั่นก็คือการกล้าออกมาวิจารณ์แรง-แรงต่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีที่ได้รับการสถาปนาเป็นรัฐบุรุษ และมักจะไม่มีใครกล้าแตะต้อง แต่ที่สมัครกล้าอาจจะเป็นเพราะเข้าใจว่า พล.อ.เปรม ไม่ได้วางตัวเหมาะสม
เพียงพอในสายตาของเขา
สมัครอาจจะมองว่า พล.อ.เปรม ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวทางการเมืองในมุม “อีแอบ” ลับ-ลับ แล้วก็ล่อ-ล่อ ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจให้กับพรรคไทยรักไทย และท่านผู้นำอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั่นก็
หมายรวมถึง “ใจ” ของสมัครด้วย แต่ถ้าจะถามเอากับเขาว่าทำไมถึงกล้าออกมาวิจารณ์ พล.อ.เปรม เขาก็อาจจะบอกว่าเพื่อ??? เห็นทีเรื่องนี้จะต้องถามไถ่ไปที่ ธานินทร์ กรัยวิเชียร ซึ่งขณะนี้ยังคงดำรงตำแหน่งองคมนตรีอยู่ด้วย
ณ วินาที นี้ แรงต้านและมีความไม่เชื่อว่าสมัครจะได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งแรงเคลื่อนจากคนใกล้ชิด พล.อ.เปรม ทั้งจากบรรดาลูก-ลูก หลาน-หลาน แม้แต่หัวใจของ บรรหาร
ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ที่จะยอมทำให้ผู้ใหญ่ที่นับถือกันมา 30 ปีจะเสียใจหรือไม่ หรือว่าบรรหารรู้แล้วว่า พล.อ.เปรม
จะไม่เสียใจ เพราะบรรหารได้ทำเพื่อบ้านเพื่อเมือง ดังที่แถลงข่าวไปต่อหน้าสาธารณชนถึงท่าทีที่จำต้องเปลี่ยนไป
ถ้าจะถามว่าผมเชื่ออย่างไร ก็คงจะต้องบอกเพียง “ความเชื่อ” ว่า โดยส่วนตัวไม่เชื่อว่า พล.อ.เปรม จะไปทำอะไรที่ไม่ชอบมาพากล สร้างอิทธิฤทธิ์-อิทธิพล ถึงกับลงมือแทรกแซงการเมือง เพราะมันไม่ใช่ “กิจของสงฆ์” ท่านคงจะเป็น “หลัก” ของบ้านเมือง คอยให้
คำปรึกษาหารือเพื่อให้ไทยได้โชติช่วงชัชวาล...เสียมากกว่า
และผมก็ยังเชื่อต่อไปว่า เมื่อสมัครได้เข้ารับตำแหน่งเป็นผู้นำ
รัฐนาวาแล้ว ย่อมจะมีความเข้าอกเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น หากทุกคนในบ้านเมืองได้ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีที่สุดแล้ว ย่อมเป็นเรื่องพื้นฐานว่าจะได้เห็นสังคมเรา เริ่มกลับเข้าสู่กระบวนการสมานฉันท์อย่างแท้จริง
คนเขาจะได้ไม่ถามว่า “อะไรนะ...สมัครนายกรัฐมนตรีหรือ” ซึ่งคงจะต้องทำให้คนเขากล่าวอย่างสนิทชิดเชื้อเหมือนเดิมว่า
“ไอ้หมักมันแน่ว่ะ” (ในการบริหารบ้านเมือง)

● ณรงค์ ชื่นชม ●