ที่ทำการพรรคพลังประชาชน นายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน แถลงตอบโต้กรณีที่นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการด้านวิจัยเศรษฐกิจส่วนรวมและการกระจายรายได้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ออกมาวิจารณ์ว่า
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชนไม่เหมาะดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง พร้อมระบุว่ารมว. คลัง ต้องไม่ใช่ลูกแหง่ ที่มีพี่เลี้ยงตลอดเวลา ว่า ถ้าท้ายที่สุดพรรคพลังประชาชนเลือก นพ.สุรพงษ์ เป็นรมว.คลังจริง นพ.สุรพงษ์ ก็ไม่ใช่ลูกแหง่ แต่เป็นผู้มีความรู้มีประสบการณ์ เพราะเคยทำธุรกิจของตนเอง และเคยเป็น รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจกิจมาแล้ว จึงไม่ใช่รัฐมนตรีมือสมัครเล่น
คนที่เป็นหมอย่อมต้องมีความรู้ความสามารถและทำอะไรได้หมายอย่าง ไม่ใช่คนธรรมดา และการจะติใคร ควรให้เขาทำงานเสียก่อนค่อยมาตัดสิน หากอยากวิจารณ์ก็ให้ไปดูนายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลัง ที่ทำงานมาหลายเดือนผลงานเป็นอย่างไร
นายนพดล กล่าวอีกว่า ในส่วนของกระทรวงการคลัง เราจะทำงานใกล้ชิดกับภาคเอกชน รับฟังความเห็นของนักวิชาการ ภาคอุตสาหกรรมและหอการค้า จึงไม่มีปัญหาในเรื่องขององค์ความรู้ อีกทั้งเราก็ทราบดีว่าเวลานี้ประเทศประสบกับปัญหาเศรษฐกิจด้านใดบ้าง ทั้งนี้หลังจากที่ม ีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชาชนจะเชิญตัวแทนจากพรรคร่วมรัฐบาลมาพุดคุยในเรื่องนโยบาย รัฐบาล คาดว่าจะมีขึ้นในเช้าวันที่ 29 ม.ค.นี้
ในส่วนของพรรคพลังประชาชนเห็นว่ารัฐบาลต้องเร่งผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ยังติดค้างอยู่คณะกรรม การส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อกระตุ้นให้ภาคเอกชนลงทุนตาม พร้อมกับประกาศให้ปี 2551 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยว การสร้างรถไฟฟ้าและการขยายสนามบินสุวรรณภูมิรองรับการท่องเที่ยว และการแก้ไขปัญหาพลังงาน
นายนพดล กล่าวถึงถึงความคืบหน้าในการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีในพรรคพลังประชาชน ว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าค่อนข้างมาก โดยพรรคจะขอดูแล ใน 9 กระทรวงหลักได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหม
สำหรับกระทรวงพลังงานยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา รวมถึงกระทวงท่องเที่ยว และกีฬาก็ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพรรคชาติไทยเช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งสองกระทรวงนี้พรรคพลังประชาชน อยากขอดูแลเอง เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการสร้างรายได้ เพราะกระทรวงที่เกี่ยวกับรายจ่ายไปอยู่กับพรรคอื่นมากแล้ว
นายนพดล กล่าว สำหรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นโควตาของพรรคชาติไทย ส่วนกระทรวงแรงงานให้เป็นโควตาของคนที่มีชื่อเป็นปลาปักเป้า ส่วนที่มีข่าวส.ส.อีสานต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น ในภาคอีสานได้รับเลือก ส.ส.จำนวนมากเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ดังนั้นพรรคจะพิจารณาด้วยความเป็นธรรม ส่วนตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เราไม่อยากตั้งขึ้นมาลอยๆ เพื่อมีรถประจำตำแหน่ง
จึงคาดว่าจะรองนายกฯดูแลงานหลักๆคือ ด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง กฎหมายและสังคม ซึ่งตำแหน่งรองนายกฯ เป็นตำแหน่งที่เราสร้างได้และควบได้ สำหรับรมช.กลาโหมต้องดูอีกทีว่าควรมีหรือไม่ แต่รมช.มหาดไทยคงมีจำนวนมากหน่อย ขณะที่ตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักคาดว่าจะมีประมาณ 2-3 คน
นายนพดล กล่าวถึงกรณีที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เสนอว่าการแบ่งโควตา รัฐมนตรี ีต้องใช้สูตร ส.ส.5-6 คนต่อรัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง ว่า ตามหลักการแรกเมื่อนำจำนวนรัฐมนตรีทั้งหมด 35 คนมาหารด้วย จำนวนส.ส.315 คน ต้องใช้สัดส่วน ส.ส.9 คนต่อรัฐมนตรี 1 ตำแหน่งไปก่อน แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ความขัดแย้ง ซึงในภาวะไม่ปกติเราสามารถอะลุ้มอะล่วยกันได้ไม่มีปัญหา
โดยจะนำความสนใจงานของแต่ละพรรคมาพิจารณาด้วย แต่ไม่ใช่การให้สิทธิพิเศษเฉพาะพรรคชาติไทย หากมีการปรับเปลี่ยนจริงพรรคพลังประชาชนจะใช้เกณฑ์นี้กับทุกพรรค
นายนพดล กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (24 ม.ค.) ตนได้โทรศัพท์ไปพุดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งพำนักอยู่ที่เกาะฮ่องกงโดยได้พูดคุยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวที่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาบวชบ้างเล็กน้อย ซึ่งตนปฏิเสธว่าไม่ใช่เรื่องจริง เพราะท่านยังมีภารกิจที่ต้องทำอีกมาก
โดยเฉพาะงานด้านการศึกษาและสาธารณกุศล ทั้งนี้ความจริงพ.ต.ท.ทักษิณ เคยบวชเรียนศึกษาพระธรรม มาแล้ว จึงคิดว่าท่านจะไม่บวชแน่ อย่างไรก็ตามยอมรับว่าได้มีแกนนำและส.ส.บางส่วนเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ตามรายงานข่าวจริงแต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องขอตำแหน่ง แต่ไปเพราะคิดถึง
เมื่อถามถึงรายงานข่าวที่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ มีส่วนสำคัญในการตัดสินใจเลือกรมว.กลาโหม นายนพดล กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เป็นการคาดเดาไปเอง พ.ต.ท.ทักษิณ วางมือแล้ว ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง กับการจัดสรรคณะรัฐมนตรี ตนขอให้ยุติการปล่อยข่าวเพราะพรรคพลังประชนจะถูกกล่าวหาว่าเป็นนอมินีอีก พ.ต.ท.ทักษิณ
เพียงแต่คาดหวังให้บ้านเมืองสงบและเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนสาเหตุที่เลื่อนการเดินทางกลับจากเดิม ในเดือนเม.ย.เป็นเดือนพ.ค.นั้น ไม่ถือว่าเป็นการเลื่อนเพราะกำหนดการยังคาบเกี่ยวกันและยังเกี่ยวข้อง กับกระบวนการทางศาลตามที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาอดีตนายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อศาลว่า ต้องใช้เวลาในการตรวจเอกสารประมาณ 3 เดือน อย่างไรก็ตามต้องพิจารณาในประเด็นความปลอดภัยด้วย
เมื่อถามถึงกรณีพล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. และในฐานะปฏิบัติหน้าที่ประธาน คมช.ระบุสเปกรมว.กลาโหมคงรเป็นทหารเพราะจะเข้าใจกิจการภายในกองทัพได้ดีกว่า นายนพดล กล่าวว่า ตนไม่ขอวิจารณ์ ทั้งนี้เชื่อว่าหากรัฐบาลบริหารงานด้วยความซื่อสัตย์ ไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ก็เชื่อว่าทหารอาชีพส่วนใหญ่จะไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติ ส่วนท่านพล.อ.อ.ชลิต อีกไม่นานก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว