“หมอเลี้ยบ” พร้อมรับตำแหน่ง รมว.คลัง หากมีคนในพรรคเสนอชื่อ ชี้ภาวะเศรษฐกิจทรุด รับมือลำบาก อาจต้องขอคำชี้แนะจาก “ทักษิณ” ขณะที่ภาคเอกชน ย้ำต้องการมืออาชีพ เพราะปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน มีความสลับซับซ้อน “เฉลิม” ยันไม่มีการเช็คบิลแน่ และยังไม่มีการพูดถึงเก้าอี้ มท.1
น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 22 มกราคมส ที่ผ่านมา ว่า ตนเองมีความพร้อมหากได้รับเลือกจากพรรคให้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยยอมรับว่า มีผู้เสนอชื่อให้เข้ามานั่งเก้าอี้ดังกล่าว แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนที่จะมีข้อสรุปผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ในคณะรัฐมนตรี เนื่องจากจะมีการหารือหลังจากได้ตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะทูลเกล้าฯ เสนอรายชื่อแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า
“ถ้าได้รับมอบหมาย ถึงเวลาที่ต้องรับผิดชอบ ผมก็พร้อมที่จะทำ และเชื่อว่า ทำงานได้ ถึงจะมีคนสบประมาท ก็ไม่มีปัญหา ในสมัยที่ทำเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค ตอนที่เป็น รมว.สาธารณสุข ก็ยังผ่านมาได้ แต่ผมก็ไม่ได้ทำงานคนเดียว แต่มีทีมงานที่ช่วยอยู่เบื้องหลัง”
เลขาธิการพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า ได้มีการทาบทามคนนอกเข้ามาทำงานด้านเศรษฐกิจ ซึ่งอยู่ระหว่างการตัดสินใจ โดยอาจจะเข้ามารับตำแหน่ง รมว.คลัง หรือตำแหน่ง รมช.คลัง
นพ.สุรพงศ์ ยอมรับว่า การหาคนมานั่งตำแหน่ง รมว.คลัง ในตอนนี้เป็นเรื่องค่อนข้างยาก เนื่องจากมีข้อจำกัดในด้านกฎหมายที่ห้ามรับตำแหน่งในสถาบันการเงิน หรือบริษัทเอกชน หลังจากที่พ้นตำแหน่ง และบรรยากาศทางการเมืองตอนนี้ ทำให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถไม่ต้องการเข้ามาเปลืองตัว หรือกลัวว่าจะถูกเช็กบิลทีหลัง
นพ.สุรพงษ์ กล่าวอีกว่า พรรคมีจุดมุ่งหมายสำคัญที่จะเข้ามาเร่งรัดทำงานเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดภายใน 6 เดือน โดยยอมรับว่าปัญหาขณะนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นผลกระทบมาจากภายนอกเป็นหลัก ทั้งปัญหาซับไพรม์ ราคาน้ำมัน และค่าเงินหยวน ขณะที่ในประเทศ ค่าเงินบาทยังมีปัญหา การส่งออกยังไม่ชัดเจนว่าจะเติบโตได้มากน้อยเพียงใด
นพ.สุรพงษ์ ยังกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ ว่า หากตนเองได้รับตำแหน่งแล้ว ก็มีแนวคิดจะขอคำปรึกษางานด้านเศรษฐกิจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หากมีช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพราะเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ที่มีความคิดนอกกรอบในการคิดแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
“ถ้ามีโอกาสและเวลาที่เหมาะสมก็จะขอคำปรึกษางานด้านเศรษฐกิจจากอดีตนายกรัฐมนตรี เพราะหลายครั้งที่ทำงานร่วมกันได้เห็นว่าท่านมีความคิดนอกกรอบที่นำมาใช้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ”
ขณะเดียวกัน บรรดานักธุรกิจ และนักลงทุน ต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ หน้าตาทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่อย่างกว้างขวาง โดย นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาต จำกัด กล่าวว่า โผรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่คลอดออกมา โดยเฉพาะรายชื่อผู้มาดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ อาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่กดดันบรรยากาศการลงทุน เพราะปรากฏรายชื่อของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ควบตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์
“สำหรับข่าวที่ หมอเลี้ยบ จะมาดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง นั้น มองว่า ยังไม่ใช่บุคคลที่ตลาดทุนคาดหวัง และเชื่อมั่นในการเข้ามาบริหารงานด้านเศรษฐกิจให้มีประสิทธิภาพสูงสุดได้จริง”
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนยังห่วงการจัดตั้งรัฐบาลผสม และขอให้รัฐบาลเร่งสร้างความเชื่อมั่นภายใน 3-6 เดือน โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่น ขณะนี้พบว่าการทาบทามคนนอกให้เข้ามาเป็นรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจยังมีปัญหา ในเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติที่เข้มงวดของรัฐธรรมนูญใหม่ ทำให้ผู้มีความรู้ความสามารถแวดวงธุรกิจ ต้องคิดอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเข้ามาดำรงตำแหน่ง
ส่วนกระแสข่าว นพ.สุรพงษ์ จะมาดำรงตำแหน่งขุนคลังนั้น ถ้าอยากเข้ามานั่งจริงๆ ก็ต้องใช้ทีมเศรษฐกิจที่ต้องเก่งระดับสุดยอดมากๆ เนื่องจาก นพ.สุรพงษ์ ยังไม่มีภาพบริหารการเงินการคลัง
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เห็นว่า ตำแหน่ง รมว.คลัง มีความสำคัญมากไม่น้อยกว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งการหาบุคคลที่มีความเหมาะสมค่อนข้างยาก และมีข้อจำกัด แต่ส่วนตัวอยากให้บุคคลที่มีความเข้าใจเรื่องตลาดทุน เพราะตลาดทุนมีบทบาทสำคัญเป็นแหล่งระดมทุนให้กับนักธุรกิจ และเป็นแหล่งออมเงินของประชาชน
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข. กล่าวว่า ให้น้ำหนักกับทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ถึงร้อยละ 75 เพราะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ โดยเฉพาะนโยบายระดับรากหญ้า ดังนั้น ทีมเศรษฐกิจจะต้องสรรหาบุคคลที่มีความสามารถ
นายสมหมาย ภาษี อดีต รมช.คลัง กล่าวภายหลังการเดินทางมาเยี่ยมข้าราชการกระทรวงการคลัง โดยระบุว่า ได้ฝากให้ข้าราชการกระทรวงการคลังประสานงานร่วมกับรัฐบาลชุดใหม่เพื่อดำเนินโครงการต่างๆ ให้ดี และเชื่อว่า ทุกคนมีฝีมือการทำงานอยู่แล้ว จึงไม่น่ามีปัญหา
“สำหรับสิ่งที่รัฐบาลชุดใหม่โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ และขุนคลังคนใหม่เข้ามาบริหารงานด้านเศรษฐกิจนั้น ในภาพรวมแล้วมองว่าเศรษฐกิจไทยไม่มีปัญหามากจนเกินไป ดังนั้น ในการทำงานของรัฐบาลต้องไม่ทะเลาะหรือขัดแย้งกันมากเกินไป เพราะจะหวังให้ รมว.คลัง คนเดียวมาแก้ไขคงไม่ได้ ต้องช่วยกันทำงานเป็นทีม เชื่อว่าก็น่าจะช่วยคลี่คลายเศรษฐกิจได้
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าว รมว.คลัง มีความสำคัญมากกว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะจะมีบทบาทสำคัญในการดูแลเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในภาวะที่ชะลอตัว ดังนั้น รมว.คลัง ต้องเป็นที่ยอมรับมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก มีบารมี และมีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ให้การเมืองเข้ามาแทรกแซง โดยต้องกล้าดำเนินนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจและประเทศ เพื่อประโยชน์ในระยะยาว ไม่ใช่ดำเนินเฉพาะนโยบายประชานิยมและที่สำคัญจะต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์ และไม่มีความทะเยอทะยานทางการเมือง
ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีอื่นๆ นั้น นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านั้นว่ากล่าวถึงการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีว่า เบื้องต้นได้มีการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลในส่วนของตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ลงในรายละเอียดเพราะอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก โดยหลังจากนี้อีก 2-3 วันจะมีการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งหลังจากนั้นจึงจะมีบทสรุปที่ชัดเจนออกมาอีกครั้งหนึ่ง
นพ.สุรพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการแบ่งจะแบ่งตามสัดส่วน เบื้องต้น ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล 315 คน จะแบ่งได้อยู่ที่สัดส่วน 9 คนต่อรัฐมนตรี 1 คน ส่วนรายละเอียดนั้นจะมีการพูดคุยอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่งหลังจากเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว ทั้งนี้ ทิศทางของ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเบื้องต้นตรงกัน คือ ต้องการให้มีการแก้ไขปัญหาของประเทศและหาบทสรุปร่วมกัน ดังนั้น โผรัฐมนตรีที่เป็นข่าวเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นของแหล่งข่าว เพราะขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนใดๆ หากสังเกตดูจะพบว่าแต่ละสัปดาห์จะมีการเปลี่ยนโผรัฐมนตรีอยู่ตลอดเวลา
ส่วนตำแหน่ง รมว.คลัง นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า การเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปส่งผลให้คนนอกหลายคนกังวลใจ รวมถึงการมีกฎหมายที่กำหนดให้มีการตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งหลายครั้งทำให้คนนอกกังวลใจ นอกจากนี้ การเมืองที่มีการทำลายล้างกันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนที่มีความสามารถไม่มั่นใจต่อสถานการณ์ สำหรับบุคคลที่เหมาะสมกับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั้น พรรคพลังประชาชนอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยจะเป็นบุคคลที่ทำนโยบายของพรรคมาตังแต่ต้น แต่ยังไม่ปรากฏต่อหน้าสื่อ นอกจากนี้ยังมีทีมงานอีกหลายคนที่อยู่เบื้องหลัง
เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั้นต้องเป็นผู้นำและกล้าตัดสินใจ พรรคพลังประชาชนไม่ได้คิดว่าจะมีรัฐมนตรีคลังเพียงคนเดียวที่ดูแลแก้ปัญหาทั้งหมด แต่มีการจัดสรรทีมงานเพื่อแก้ปัญหา โดยทีมเศรษฐกิจจะมีทั้งคนในพรรคพลังประชาชนและนักวิชาการที่พร้อมเข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศ โดยทุกคนต่างรู้ว่าต้องทำงานหนัก เมื่อพรรคพลังประชาชนได้เข้ามาบริหารประเทศ สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดสำหรับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศคือรัฐบาลต้องสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากขณะนี้นักลงทุนต่างชาติมีเงินแต่ไม่กล้าลงทุน เนื่องจากปัญหาสถานการณ์การเมือง
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 6 กล่าวถึงการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่า ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย หรือกระทรวงกลาโหมตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น ขึ้นอยู่กับมติของพรรค โดยตนก็พร้อมทำหน้าที่ทุกตำแหน่งอยู่แล้ว
ร.ต.อ.เฉลิม ยืนยันด้วยว่า เลือกพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาลแล้วจะไม่มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมในคดีความแตกต่างของครอบครัวชินวัตร และจะไม่มีการโยกย้ายผู้บัญชาการทหารบก หรือล้างแค้นใครทั้งสิ้น ทั้งยังไม่มีการยกเลิกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ด้วย
“ยังเรียกไม่ได้ว่าเป็น “มท.1” เพราะการปราศรัยของตนประกาศมาตลอดว่าอยากเป็นมท.1 อีกทั้งในพรรคก็ยังไม่ได้พิจารณา วันนี้ยังไม่ใช่ คำตอบสุดท้ายยังไม่มี ต้องให้มีการเลือกประธานสภาฯก่อน แต่ยืนยันว่ายังไม่มีการพิจารณาตำแหน่งในครม. มีเพียงตำแหน่งเดียวที่ชัดเจนคือ นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ยังไม่รู้ว่าจะควบเก้าอี้รมว.กลาโหมหรือไม่ ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าใครจะเป็น แต่ชื่อของตนบางครั้งก็มีชื่อโผล่ไปเป็นรมว.ยุติธรรม ซึ่งผมยืนยันว่า ยังไม่ยุติ ส่วนที่มีข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณรับปากว่าจะให้เก้าอี้มท.1 นั้นก็ไม่จริง ท่านทักษิณไม่ได้มาเกี่ยวข้องด้วย และผมก็ไม่ใช่ Play Maker แต่อย่างใด” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องตั้งกรรมการมาเช็คบิลใครนั้น คงไม่มี ในพรรคไม่มีใครอาฆาตมาดร้ายจะไปลงโทษใคร รวมถึงข่าวที่พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาบวชนั้น ก็ไม่ทราบ แต่สมัยที่ท่านเป็นนายกฯ ท่านถูกลอบสังหารถึง 5 ครั้ง แต่ยืนยันว่า กลับนะกลับมาแน่
ทางด้าน นายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ซึ่งมีข่าวว่าจะได้รับการคาดหมายให้ดำรงตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่า พรรคประชาราชจะได้คุมกระทรวงสาธารณสุขว่า ตนยังไม่แน่ใจว่าได้ข้อยุติแล้วว่า กระทรวงสาธารณสุขจะมอบหมายให้พรรคประชาราช เพราะกระทรวงนี้มีงบประมาณสูงถึง 6-7 หมื่นล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวเรื่องการจัดโผครม.ออกมา 2 สูตร โดยสูตรที่ 1 ระบุว่า นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช จะได้เก้าอี้รมว.สาธารณสุข ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จะได้ตำแหน่งรมว.มหาดไทย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเป็นรองนายกรัฐมนตรี ควบรมว.วัฒนธรรม ทั้งนี้เป็นการโยกมาจาก รมว.ยุติธรรม เพื่อป้องกันข้อครหาเรื่องคดีต่างๆ ของพ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว
สำหรับรมว.ยุติธรรม เป็นของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ พี่ชายของพล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ขณะที่ตำแหน่งหลักอื่นๆ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ควบ รมว.กลาโหม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.คลัง นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกฯ ควบ รมว.พาณิชย์ นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรคมัชิมาธิปไตย เป็น รมว. แรงงาน
ขณะที่โผครม.สูตรที่ 2 ระบุว่า นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกฯ และรมว.ยุติธรรม นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ นายนพดล ปัทมะ รมว.ศึกษาธิการ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.การคลัง พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ รมว.กลาโหม นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.การคลัง ส่วนนายสมพงษ์อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรค นายสุธา ชันแสง ยังต้องรอการเจรจากับพรรคต่างๆ ให้ลงตัวก่อน จึงจะได้รับตำแหน่งที่ขอไว้ โดยนายสมพงษ์แสดงความต้องการเป็น รมว.พาณิชย์ ดังนั้น นายมิ่งขวัญอาจจะเป็นรองนายกฯ เพียงตำแหน่งเดียว และอาจดึงนพ.สุชัย เจริญรัตนกุล กลับมาเป็น รมว.สาธารณสุข
สำหรับกระทรวงคมนาคมคนในสายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ คือ นายศรีสุข จันทรางศุ กับคนสาย นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล คือ นายสันติ พร้อมพัฒน์ นั้นกำลังเจรจากันอยู่ และหากตกลงกันไม่ได้ก็จะต้องนั่ง รมว.หนึ่งคน ส่วนอีกคนจะเป็น รมช.
ส่วนที่มีข่าวว่านายสมัครจะเป็น รมว.กลาโหมนั้นเป็นแค่ข่าว ปล่อย เพราะนายสมัครรู้ดีว่าหากดำรงตำแหน่งนี้มีปัญหาแน่ ฉะนั้น เก้าอี้นี้จะเป็นของ พล.อ.เรืองโรจน์ หรือไม่ก็เป็นพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตามคำขอของกองทัพ
ส่วนโควตาของพรรคชาติไทยมี 5 ตำแหน่ง ดังนี้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นรองนายกฯ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายประภัตร โพธสุธน รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมช.ศึกษาธิการ
โควตาพรรคเพื่อแผ่นดินมี 4 ตำแหน่ง ดังนี้ นายสุวิทย์ คุณกิตติ เป็นรองนายกฯและรมว.เทคโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) นายวัชระ พรรณเชษฐ์ รมว.อุตสาหกรรม นายจิรายุ วสุรัตน์ รมช.การคลัง นอกจากนี้ พรรคอาจได้โควตา 1 รมช.มหาดไทย ด้วย
โควตาพรรครวมใจไทยชาติพัฒนามี 3 ตำแหน่ง ดังนี้ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส่วนพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรค ที่ขอเป็นรองนายกฯ พรรคอาจมอบตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯให้แทน ส่วน รมว.พลังงาน เป็นโควตาของ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ
โควตาพรรคมัชฌิมาธิปไตยมี 2 ตำแหน่ง ดังนี้ นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เป็นรมว.แรงงาน พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รมช.มหาดไทย หรือรมช.เกษตรฯ ส่วนพรรคประชาราช 1 ตำแหน่ง คือ นางอุไรวรรณ เทียนทอง เป็น รมช. มหาดไทย หรือ รมว.การพัฒนาสังคมและควมมั่นคงของมนุษย์
รายงานข่าวกล่าวว่า บางพรรคที่ได้โควตารัฐมนตรีน้อย เช่น พรรคเพื่อแผ่นดิน ต่อรองขอเก้าอี้ประธานบอร์ดรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ให้ แกนนำพรรคที่โดนตัดสิทธิการเมือง 5 ปีด้วย อาทิ ปตท. การบินไทย ทีโอที เป็นต้น เนื่องจากถือว่าประธานบอร์ดต่างๆ เปรียบเสมือนเก้าอี้รัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง