WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, January 24, 2008

เปิดใจ3ว่าที่‘ท่านประธานที่เคารพ'

วาระเลือกประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ในการประชุมสภานัดแรกเป็นไปตามโผพรรคพลังประชาชน นายยงยุทธ ติยะไพรัช ได้เป็นประธานสภาฯ ส่วนรองประธานสภาฯ คนที่ 1 และ 2 เป็นของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ และพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ตามลำดับ
นายยงยุทธ อดีตรมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ เป็น 1 ในแกนนำพรรคไทยรักไทย ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไว้วางใจและเชื่อมือ ถูกทหารต้องเข้าควบคุมตัวในคืนรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 แต่เมื่อกลไกต่างๆ เปิดช่องให้มีการดำเนินการทางการเมืองได้ นายยงยุทธ กลับมาเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนพรรคพลังประชาชน รวมถึงการนั่งในตำแหน่งประธานสภาฯ ครั้งนี้
ขณะที่นายสมศักดิ์ สร้างชื่อจากการทำหน้าที่รองประธานสภาฯ มาก่อนเมื่อปี 2540 จนได้ฉายา ขุนค้อน ที่เพื่อนสมาชิกยึงนึกภาพสมัยทุบค้อนสงบความปั่นป่วนในสภาฯ หนนี้แม้เจ้าตัวอยากนั่งเก้าอี้บริหารมากกว่าแต่ด้วยประสบการณ์ ประกอบกับพรรคพลังประชาชนต้องการให้การคุมเสียงในสภาฯ ราบรื่น นายยงยุทธ จึงขอร้องให้มาช่วยงาน
ส่วนพ.อ.อภิวันท์ ส.ส.นนทบุรี พรรคพลังประชาชน เป็นอดีตคนติดตามพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ย้ายเข้ามาสังกัดพรรคไทยรักไทยสมัยยุบรวมพรรคความหวังใหม่ บทบาทเริ่มเข้าตานายใหญ่เมื่อร่วมเป็น 1 ในผู้ประสานงานกลุ่มคนรักทักษิณไม่เอาเผด็จการ ภาคกลาง และเป็นอดีตแกนนำแนวร่วมประชาชนต่อต้านเผด็จการ (นปก.)
เป็น 3 ประสานจากพรรคพลังประชาชนที่ถูกจับตาว่าจะกลายเป็นเผด็จการรัฐสภาหรือไม่ ซึ่งว่าที่ท่านประธานที่เคารพ แต่ละคน เปิดใจถึงการทำหน้าที่ใบเบื้องต้นไว้ ดังนี้
ยงยุทธ ติยะไพรัช
ว่าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร
การเลือกตำแหน่งประธาน-รองประธานสภาฯ ที่มีเสียงแตกจนหลายฝ่ายเป็นห่วงว่าจะส่งผลต่อการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น คิดว่าไม่เป็นปัญหา เรื่องนี้อย่าตกใจ เพราะโดยธรรมชาติของส.ส.ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในการลงมติ
ที่สำคัญความคิดเห็นที่แตกต่างกันในลักษณะอย่างนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะมีนัยยะสำคัญอะไรที่จะทำให้ประชาชนต้องตกใจ เพราะคิดว่าการเลือกประธานสภาฯ จะเป็นอีกอย่าง คือคะแนนเสียงท่วมท้น แต่เมื่อเลือกนายกฯ ก็จะเป็นอีกอย่าง ดังนั้น ไม่น่ามีปัญหา
ส่วนการประสานงานกับพรรคร่วมรัฐบาล นับจากวันนี้ไปผมคงต้องทิ้งภารกิจในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพรรคพอสมควร เพราะถ้าหากยังไปเกี่ยวพันกับการจัดตั้งรัฐบาลอาจถูกติฉินนินทาได้ว่าไม่เหมาะไม่ควร ถูกมองว่าไม่เป็นกลาง โดยมารยาทจากวันนี้เป็นต้นไปผมจะรับรู้การจัดตั้งรัฐบาลให้น้อยลง เพราะฉะนั้นการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ผมจะไม่ทำ
การคุมเสียงพรรคร่วมรัฐบาลในการลงมติต่างๆ ทุกอย่างจะดำเนินการโดยที่ไม่ฝืนธรรมชาติ น้ำไหลเราก็อย่าไปทวนกระแสให้เป็นไปตามธรรมชาติ ซึ่งในพระราชดำรัสอยากเห็นความปรองดอง ความสามัคคี ใช้เวทีสภาปรึกษาหารือกัน เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง
ถ้าสภากลายเป็นสถานที่แสดงความคิดเห็นไม่ได้หรือเป็นสถานที่ที่ไม่ได้รับคำแนะนำที่ดี เราจะเสียโอกาส ฉะนั้น ผมคิดว่าบรรยากาศการประชุมเราไม่น่าจะต้องควบคุมอะไรมาก ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กลไกและข้อบังคับของสภา มีการอะลุ้มอล่วย จะไม่ทำตามใจประธานสภาฯ
การทำงานในสภาไม่ต้องห่วงเรื่องความไม่เป็นธรรม แต่ต้องให้โอกาสกับพรรคฝ่ายค้านอย่างมาก เพราะการแสดงความคิดเห็นของฝ่ายค้านแม้เป็นเสียงข้างน้อยก็ถือว่าสำคัญ อะไรที่เป็นประโยชน์รัฐบาลก็ต้องรับฟัง เพื่อประโยชน์ของประชาชนให้มากที่สุด
ผมได้คุยกับว่าที่รองประธานสภาฯ ทั้ง 2 ท่าน ปล่อยใจให้สบาย ให้เป็นกลาง อะไรที่ควรเป็นไปก็ให้เป็นไปตามนั้น วันนี้จะเห็นบรรยากาศว่าสมาชิกอะลุ้มอล่วยกัน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ขอพูดอะไรมาก เพราะต้องรอพระบรมราชวินิจฉัยให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ก่อน จากนั้นเมื่อได้ทำหน้าที่แล้วจึงจะออกความคิดเห็น ถ้าวันนี้ออกความคิดเห็นเหมือนว่าผมได้ทำงานแล้วก็คงไม่เหมาะสม ซึ่งวันนี้ที่ประชุมกันก็มาดูงานด้านธุรการ ข้อกฎหมาย เพื่อเตรียมความพร้อมในการเริ่มทำงาน
ส่วนถ้าได้รับการโปรดเกล้าฯ แล้วจะนัดประชุมเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์นี้เลยหรือไม่นั้น ถ้าจะให้ตอบตามตารางก็เป็นเช่นนั้น แต่ต้องหลังจากได้รับการโปรดเกล้าฯ แล้ว เรื่องนี้จะต้องหารือร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล สมาชิกและในส่วนที่เกี่ยวกับความพร้อมของประธานสภาฯ
ถ้ามีรัฐบาลเร็วบ้านเมืองก็จะได้ประโยชน์ จะได้หายอึมครึม หลุมดำจะได้หมดไป เดินหน้าเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศชาติได้
สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์
ว่าที่รองประธานสภาฯ คนที่ 1
การกลับมาทำหน้าที่อีกครั้งก็เหมือนผมได้กลับมายืนอยู่ที่บ้านเก่า รู้สึกดีใจและตั้งใจจะทำงาน ถ้าถามความรู้สึกก็อยากเปลี่ยนมาทำหน้าที่ฝ่ายบริหารบ้าง เพราะว่าเคยทำหน้าที่นี้มา 4 ปีแล้ว คือในปี 2540 สมัยที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภา เพราะตอนนี้รู้สึกเบื่องานการเมือง
แต่เมื่อพรรคพรรคพลังประชาชนขอร้อง โดยเฉพาะนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ประธานสภาขอร้องให้มาช่วยงาน เพราะวันนี้ท่านมีภารกิจมากจึงอยากให้งานสภาออกมาดีๆ และเห็นว่าผมเคยมีประสบการณ์ในการทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมสภามาพอสมควร จึงคิดว่าเหมาะสมที่จะมาช่วยงานกัน
การทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ส่วนตัวเห็นว่าควรยึดข้อบังคับเป็นหลัก การแม่นข้อบังคับจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้การทำงานและการควบคุมการประชุมสภาเป็นไปด้วยดี บรรยากาศราบรื่น เพราะถ้าประธานไม่มีความรู้เบื้องต้นหรือไม่พยายามเรียนรู้ก็จะลำบากในการควบคุมสมาชิก
สำหรับผมการทำหน้าที่ที่ผ่านมาและการกลับมาทำหน้าที่ครั้งนี้จะไม่ยึดตัวบทกฎหมายเป็นหลักอย่างเดียว แต่ต้องผสมผสานระหว่างข้อบังคับกับความยืดหยุ่นในงานสภา อะไรที่อะลุ้มอล่วยกันได้ หากข้อยุติได้ก็ควรจะเสียสละร่วมกัน
หากปล่อยให้บกพร่องหรือหลวมมากไปก็ไม่ดี จะถูกต่อว่าได้ แต่หากแข็งมากก็จะถูกกล่าวหาว่าเผด็จการ อะไรที่ดูพอเหมาะกับสถานการณ์ก็จะยึดแนวทางนี้
ส่วนพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ว่าที่รองประธานสภาคนที่ 2 ที่เพิ่งจะเข้ามาทำหน้าที่ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติอีกคนนั้น เท่าที่คุยเบื้องต้น ก็น่าจะไปด้วยกันได้ดี
สำหรับการใช้ค้อน จนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของผมจนได้ฉายา ขุนค้อน ครั้งนี้ อาจไม่จำเป็นต้องนำค้อนมาควบคุมการประชุม เพราะเห็นจากบรรยากาศการประชุมวันแรกทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านน่าจะทำงานร่วมกันได้ดี แต่ค้อนก็เป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในข้อบังคับการประชุมที่ประธานในที่ประชุมสามารถหยิบมาใช้ได้ทุกเมื่อ ถือเป็นกติกาหนึ่งของการประชุมหากหาข้อยุติไม่ได้
ค้อนนี้ก็มีอยู่บนบัลลังก์ตลอดกว่า 70 ปีมาแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมี เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่มีใครหยิบขึ้นมาใช้ คนทำหน้าที่ประธานต้องรู้จักใช้ดุลพินิจและอำนาจของตนเอง
เปรียบเหมือนกับทหารที่มีอาวุธ หากใช้อาวุธไม่เป็นไม่มีประโยชน์ จะไม่เกิดความไว้วางใจของสมาชิกเมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้นและไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ คนเป็นประธานต้องมีสิ่งที่ทำให้สมาชิกมีความเคารพยำเกรง
ตอนนี้ประชาชนคาดหวังการเมืองสูงมาก ผมอยากให้สภาอยู่ได้ยาว อยากให้สภามีความต่อเนื่องในการทำงาน คิดว่าการทำงานครั้งนี้น่าจะเป็นไปด้วยความสบายใจ 3 ประสาน น่าจะไปด้วยกันได้ดี
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย
ว่าที่รองประธานสภาฯ คนที่ 2
การทำหน้าที่ของผมอยากจะสร้างสภาที่สมานฉันท์และจะเป็นสภาที่อภิปรายกันด้วยเหตุ ด้วยผล หลักการ และเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองเราก็จะร่วมกันทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความปรองดองในสภา
บรรยากาศในสภาเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนมองเราอยู่ มั่นใจว่าประธานและรองประธานสภาฯ พร้อมทำงานนี้อย่างเต็มที่ ดูจากบรรยากาศการประชุมวันแรกที่ประชุมวันนี้ก็น่ารัก เป็นบรรยากาศที่ดี และการประชุมก็มีการประนีประนอมกันทั้ง 2 ฝ่าย อย่าเรียกว่าเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลเลย เพราะพวกเราทุกคนร่วมมือร่วมใจกันทำงานเพื่อส่วนรวม ถือเป็นสิ่งที่ดีงาม
คิดว่าสมาชิกทุกฝ่ายจะให้ความเชื่อมั่นในเรื่องความเป็นกลางเป็นอย่างดี วันนี้สังเกตได้ว่าผมเป็นคนเดียวที่ไม่มีใครเสนอชื่อแข่งขัน ก็แสดงว่าพี่น้องพรรคประชาธิปัตย์ให้ความไว้วางใจเราด้วย ก็ต้องขอบคุณ
ทั้งนี้ ประธานและรองประธานทั้ง 2 คนขอให้มั่นใจได้ว่าเราจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย โดยรักษากติกามารยาทตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ และให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ในอนาคตเชื่อมั่นว่าสมาชิกสภาไม่น่าจะมีการป่วนกัน ถ้าเราทำอะไรด้วยเหตุผลก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะป่วนกัน เพียงแต่ต้องเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านมีโอกาสมากกว่าฝ่ายรัฐบาล ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ
และผมเชื่อมั่นในตัวเองว่าการทำหน้าที่ของผมจะไม่เอียงแน่นอน