WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, June 23, 2008

ทำไมยุทธวิธีก่อม็อบล่อให้ยิงที่ พล.ต. จำลอง ใช้ กับรัฐบาลสมัคร จึงไม่ได้ผล

บทความ โดย ลูกชาวนาไทย


ยุทธวิธีการใช้ม็อบต่อต้านกับรัฐบาลพลเรือนนั้น มันไม่มีทางได้ผลหรอกครับท่าน "แม่ทัพจำลอง ศรีเมือง" มันเป็นการใช้ยุทธวิธีที่ผิดประเภท

ผมเพิ่งตกผลึกทางความคิดเมื่อคืนนี้เองว่าทำไม คนที่ชำนาญทางยุทธวิธีอย่าง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง" จึงล้มเหลวในการต่อสู้กับรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช

จุดสำคัญมันอยู่ที่ "ยุทธวิธี
ที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ใช้ ยุทธวิธีแบบนี้ (คือล่อให้ตี) มันจะใช้ได้ผลกับรัฐบาลทหารเท่านั้น แต่กับรัฐบาลพลเรือนแล้ว มันจะใช้ไม่ได้ผลอย่างสิ้นเชิงเลย แต่ พล.ต.จำลอง ก็ก็อบปี้ เอายุทธวิธีที่เคยใช้ได้ผลในช่วงพฤษภาทมิฬ ในการต่อต้านรัฐบาลทหารของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร มาใช้อีก ไม่ได้มีอะรพัฒนาขึ้นมาใหม่เลย เรียกว่าขั้นตอนต่างๆ เหมือนเดิมเด๊ะ

เราจะเห็นได้ว่า การล้อมปราบม็อบ การสลายม็อบ นั้นมักเกิดกับรัฐบาลทหาร หรือรัฐบาลที่มีรากฐานมาจากทหาร เช่น สมัยจอมพลถนอม 14 ตุลาคม 2516 สมัยสุจินดา พฤษภาทมิฬ 2535 และรัฐบาลทหารพม่า ในหลายๆ ครั้ง รวมทั้งรัฐบาลจีน ที่มักจะปราบม็อบ สลายม็อบด้วยการวิธีรุนแรง และทำให้เลือดนองแผ่นดินเสมอ

เพราะรัฐบาลทหารเหล่านี้ มักมีความอดทนต่อม็อบต่ำมาก และผู้มีอำนาจมักคิดในใจ รวมทั้งการตั้งกองบัญชาการ ขึ้นมาเพื่อสลายม็อบให้ได้ รากฐานความคิดของทหารคือ ม็อบคือภัยคุกคาม จะต้องปราบหรือสลาย ให้สิ้นซาก ต้องขับให้สลายให้ได้ และการสลายม็อบ รัฐบาลทหารมักจะใช้ กำลังทหารเป็นเครื่องมือสำคัญ คือ ผิดทั้งแนวคิดที่คิดสลายม็อบ ผิดทั้งการใช้กำลังทหาร

ทหารนั้นถูกฝึกมาให้ ฆ่าและทำลาย เป็นความเชี่ยวชาญของทหาร เมื่อรัฐบาลใช้ทหารให้ไปสลายม็อบ ทหารก็จะวางยุทธวิธี เหมือนรบกับข้าศึกว่า จะใช้กำลังเข้าบดขยี้ในขั้นตอนใด การสั่งทหารออกมารับมือกับม็อบ เราย่อมคาดการณ์ได้เลยว่า นองเลือดแน่ เพราะเครื่องมือที่ กองทหารเหล่านี้เอามาสลายม็อบ คือ ปืนกลยิงเร็ว รั้วลวดหนาม ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ควรใช้กับอริราชศัตรูของประเทศ ไม่ใช่เอามาทำลายล้างประชาชนของตนเอง


นอกจากนี้ ทหารมักหยิ่งในศักดิ์ศรีว่า "จะถอยไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว" เพื่อม็อบดันเข้ามา ทหารจะไม่ยอมถอย ไม่ยอมเปิดทางให้ เพราะคิดว่า การถอย การเปิดทาง คือความพ่ายแพ้ ชายชาติทหารจะไม่ยอมแพ้คนที่ไม่มีอาวุธเด็ดขาด มันเสียศักดิ์ศรี และทหารก็จะใช้กำลังอาวุธที่เหนือกว่าเข้าบดขยี้ม็อบในทันทีทันใด

และนั้นก็คือ ความพ่ายแพ้ทางการเมืองของรัฐบาลทหาร เพราะทันทีที่นองเลือดผลต่อเนื่องจะตามมาทันที

แต่รัฐบาลพลเรือนนั้นตรงกันข้าม รัฐบาลพลเรือนไม่ได้มีความคิดในใจตั้งแต่ต้นว่า จะสลายม็อบ หรือม็อบไม่ได้เป็นภัยคุกคามแต่ประการใด เมื่อมีม็อบก็ต้องมีการเจรจา ม็อบจะบุกยึดสถานที่ใด เป็นระยะเวลานานๆ รัฐบาล พลเรือน ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะเสียหน้าแต่ประการใด อยากยึด อยากอยู่นานๆ ก็อยู่ไป และรัฐบาลพลเรือน จะตั้งผู้แทนเข้าเจรจากับม็อบ และผู้เจรจาส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีอำนาจสั่งการใช้กำลังอยู่ในมือ ดังนั้น เมื่อเจรจาไม่สำเร็จ ก็เจรจากันต่อไปเท่านั้น ไม่ได้รู้สึกเสียหน้าแต่อย่างใด

กำลังที่รัฐบาลพลเรือนใช้ มักเป็นตำรวจ ตำรวจได้รับการฝึกให้ทำงานกับประชาชน ตั้งแต่เริ่มเข้ารับราชการ เพราะงานของตำรวจคือ การบริการประชาชน ตำรวจต้องเจรจากับประชาชนตลอดเวลา ต้องติดต่อ กับประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

ตำรวจต้องเผชิญหน้ากับผู้ต้องหาที่ยียวนกวนประสาทมากมาย ต้องเผชิญกับผู้ร้าย เผชิญกับการหลอกล่อ กับเกมตลอดเวลา ดังนั้น การเจรจากับม็อบ ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว ไม่ใช่ผู้ร้ายแต่ประการใด ตำรวจจึงรับมือได้ง่ายกว่ามาก

เมื่อม็อบบุกเข้ามา ตำรวจถอย ก็ไม่ได้ถือว่าเสียศักดิ์ศรีแต่อย่างใด ตำรวจไม่ได้ถูกสอนให้ "รักษาพื้นที่ไว้ แม้ตัวจะตายก็ตาม" ตำรวจถูกสอนให้เจรจากับคน ไม่ใช่ป้องกันพื้นที่ การถอยจึงทำได้ง่ายๆ เพื่อไปเปิดที่ใหม่

ดังนั้น การรับมือกับม็อบ โดยตำรวจจะไม่มีการเสียเลือดเนื้อแต่อย่างใด อย่างมากก็ตีกันบาดเจ็บหัวร้างข้างแตกกันไปบ้าง แต่ไม่มีการยิงกันแบบเลือดนองแผ่นดินอย่างแน่นอน


ยุทธวิธีที่ พล.ต.จำลอง เคยใช้ได้ผล กับรัฐบาลสุจินดา ในการยั่วยุเพื่อให้เกิดการนองเลือด เพื่อให้มี "นายหน้า" มาพาจำลองกับนายกฯ สมัครไปให้พ่ออบรมสั่งสอน จึงไม่มีทางเกิดขึ้นได้


พล.ต.จำลอง ใช้ยุทธวิธีที่เหมือนกัน กับศัตรูที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ใช้ยุทธวิธีเดียวกับที่เคยใช้กับศัตรูอีกกลุ่มหนึ่งได้ผล มาใช้กับศัตรูอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีพื้นฐานพฤติกรรมที่แตกต่างกัน

รัฐบาลพลเรือน ไม่มีความจำเป็นอันใดที่จสลายม็อบ ไม่ได้ใจร้อนเหมือนรัฐบาลทหาร ที่ต้องการกำจัดม็อบให้สิ้นซากเสียโดยไว รัฐบาลพลเรือนไม่แคร์ หากตึกโดนม็อบเผา เพราะโดนเผา ก็ประมูลสร้างใหม่ได้ เป็นการสร้างงาน สร้างรายได้เสียอีก

ดังนั้น พล.ต.จำลอง จึงเป็นผู้ที่ หลงกับดักความสำเร็จของตนในอดีต แล้วเอายุทธวิธีเดิมๆ ที่ตนเคยใช้สำเร็จในสงครามในอดีต มาใช้กับสงครามครั้งใหม่ กับศัตรูใหม่

แม่ทัพที่ยึดติดกับความสำเร็จของตนในอดีต เช่นนี้ จะเป็นอันตรายต่อกองทัพอย่างยิ่ง เพราะเขาจะไม่ยอมเปิดใจ รับอะไรใหม่ๆ เลย และยุทธวิธีของเขานั้น ศัตรูทุกคนก็คาดการณ์ออก ต่อให้เป็นนายทหารจบใหม่ ก็เดาออกว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง จะใช้ยุทธวิธีใดอีก ในขั้นตอนต่อไป

ม็อบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เราจะเห็นว่า พล.ต. จำลองจะทำเหมือนเดิมทุกอย่าง เช่น การนั่งอยู่ท่ามกลาง กลุ่มผู้หญิงและเด็ก เพื่อไม่ให้ หน่วยคอมมานโด ชาร์จ เข้าถึงตัวได้โดยง่ายๆ (แต่ครั้งนีไม่มีคอมมานโดคนไปสนใจ)


การล้มรัฐบาลสมัคร โดยยุทธวิธีใช้ม็อบกดดัน มันไม่มีทางสำเร็จแล้วล๊ะครับ ต่อให้ม็อบอยู่ยาวนานเป็นเดือนเป็นปีก็ตาม เพราะเมื่อรัฐบาลพลเรือน ไม่ปราบม็อบ การนองเลือด ก็ไม่มี และผลต่อเนื่องของการนองเลือดก็จะไม่มี การใช้เป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหารก็ไม่เกิดขึ้นได้ หรือการสร้างกระแสประณาม ก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้

และ "คนกลางบ้านสี่เสา" ก็จะแต่งตัวเก้อ ไม่มีโอกาสเป็นนายหน้า พา พล.ต.จำลอง ไปพบใครอีก

ผู้กำกับคนเดิม ฉากเหมือนเดิม แต่นี่มันเป็นปี 2008 แล้ว ไม่มีใครโง่ เดินตามเกมของ พล.ต. จำลองไม่ทันหรอกนะครับ

ผมไม่เชื่อว่า พล.ต. จำลองจะฉลาดกว่าทุกคนในประเทศนี้ จำลองก็แค่คนหัวดื้อ ซึ่งในบางสถานการณ์การใช้คนหัวดื้อ ดันทุรังก็ได้ผล บางสถานการณ์ หัวดื้อและดันทุรังไปมันก็ไม่มีประโยชน์ ทำให้เสียหายหนักขึ้นไปอีก

สุดท้ายเกมการเมือง "หากไม่มีรัฐประหาร" มันก็จะไปตัดสินกันที่สภา

ประธานาธิบดีมาปากัล คอโรโยแห่งฟิลิปปินส์ เผชิญหน้ากับม็อบมาหลายปีแล้ว ก็ไม่เห็นม็อบจะล้มล้างลงไปได้เลย เพราะไม่มีทหารทำรัฐประหาร ดังนั้น เมื่อมีม็อบก็ต้องเจรจา ไม่เจรจา ม็อบก็ต้องรอ และหากคนเจรจาไม่ตกลง ม็อบก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะม็อบไม่มีอำนาจบังคับให้รัฐบาลต้องทำตาม เมื่อรัฐบาลไม่ทำตามม็อบ การขู่ว่าจะเผาสถานที่ราชการ ก็ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด เมื่อสมัครไม่ลาออก ม็อบก็ได้แต่แสดงความ "บ้าคลั่ง" ฟาดงวงฟาดงาไปเท่านั้น แต่ก็ไม่มีปืนไปจี้ให้สมัครลาออกได้

ยกเว้นว่า "ม็อบนั้นจะเป็น ฐานเสียงของรัฐบาล" รัฐบาลกลัวเสียคะแนนเสียง เช่นม็อบชาวนาเรียกร้องเรื่องข้าว รัฐบาลก็จะยอมเจรจา

แต่ม็อบพันธมิตร ไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคพลังประชาชน ตรงกันข้ามเป็นศัตรูทางการเมืองกันด้วยซ้ำ

ผมจึงไม่เห็นประโยชน์ที่จะไปเจรจา และหากไม่เจรจา ม็อบก็ทำอะไรเราไม่ได้ นอกจากคลั่งเผาสถานที่ราชการ หากเป็นอย่างนั้น ก็ใช้คอมมานโด บุกจับแกนนำ และตั้งข้อหา ก่อจลาจล

ผมคิดว่าม็อบที่หน้าทำเนียบรัฐบาลขณะนี้ เป็นม็อบน่าสงสารที่สุด มองอนาคตไม่เห็น และหาทางลงไม่ได้เลย


จาก thaifreenews