คอลัมน์: โต๊ะข่าวประชาทรรศน์
การอภิปรายของฝ่ายค้านในวันที่ผ่านมา ใครอย่ามากล่าวหาเด็ดขาดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่มีข้อมูล เพราะตลอดเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ออกมาเปิดประเด็น โดยเฉพาะกรณีเขาพระวิหาร มากไปด้วยสาระ
แต่เป็นสาระทางประวัติศาสตร์ เมื่อคราวเสียเขาพระวิหารจากการแพ้คดีความที่ศาลโลก ที่มี ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช แห่งพรรคประชาธิปัตย์ เป็นหนึ่งในทีมทนายความ
แถมยังย้อนความไปก่อนหน้านั้นอดีกราว 50 ปี เมื่อคราวมีการทำแผนที่เขตแดนในบริเวณดังกล่าว
ขณะเดียวกันญัตติ ที่ระบุเอาไว้ว่าจะเป็นการอภิปราย นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ทำไมทำมากลับเป็นการออกมาแก้ต่าง ปกป้องอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
จนฟังไปฟังมาก็ยังไม่เห็นข้อชัดเจนว่ารัฐบาลนี้จะมีความผิดในกรณีเขาพระวิหารที่ตรงไหน
หากจะเลวจะร้ายสุดๆ ก็คงเป็นการที่ไม่ยอมออกหน้าทวงคืน หรทืออุทธรณ์ต่อศาลโลก ซึ่งหากจะเป็นความบกพร่องของรัฐบาล ก็เป็นความบกพร่องอันเดียวกันกับหลายต่อหลายรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่เว้นแม้แต่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ถึง 2 ครั้ง 2 หน
ยังไม่รวมถึงคราวที่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล และอีกหลายครั้งที่คนของพรรคประชาธิปัตย์ เป็น รมว.ต่างประเทศ
และนอกเหนือไปจากความพยายามกล่าวหารัฐบาลในเรื่องเขาพระวิหาร ที่พยายามชี้ชวนให้ประชาชนทั้งบ้านทั้งเมืองเข้าใจผิด
เป็นการพูดจาที่ส่อให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา ที่มีนักธุรกิจไทย ไปลงทุนมูลค่ามหาศาล เป็นการเผาบ้านเผาเมืองตัวเอง
นอกเหนือไปจากนั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นข้อกล่าวหาที่เป็นนามธรรม อย่างเช่น ไร้ฝีมือ เอาคนไม่มีความรู้เข้ามาทำงาน เอานักเลงมาทำงาน แต่กลับไม่กล้าชีชัดว่าเป็นใคร
รวมทั้งยังไม่มีการแจกแจงว่าคนที่พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอ้างว่าเขาไม่มีความรู้นั้น ได้ทำงานตกหล่น บกพร่อง สร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นในบ้านในเมืองอย่างไรบ้าง
จนอาจจะพอตั้งข้อสังเกตุได้ว่าการที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พยายามลากเอาเรื่องประวัติศาสตร์มาอวดภูมิความรู้ด้วยหวังว่าจะมีคนตามทันไม่กี่คนนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพราะไม่มีข้อมูลใหม่ หรือไม่มีข้ออมูลอะไรที่จะชี้ความผิดของรัฐบาลได้อย่างนั้นหรือเปล่า
หรือการที่ออกมากลาวหาความบกพร่องของฝ่ายบริหารอย่างเลื่อนลอย จะเพราะพยายามดิสเครดิต ลดความชอบธรรม เพื่อหวังทำลายรัฐบาล และสร้างโอกาสให้ตัวเองสามารถเข้ามาบริหารประเทศ ด้วยหนทางใดหนทางหนึ่งอย่างัน้นหรือเปล่า
เพราะเมื่อฟังคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรี แล้ว สิ่งที่ผู้นำฝ่ายค่านพูดก็แทบจะหมดราคา
แม้ว่าจะพูดด้วยลีลาประสา “สมัคร” แต่เนื้อหาก็ครบถ้วน ทั้งควงามสัมพันธ์กับนานาชาติ ที่เดินทางไปพบปะมาแล้ว 8 ประเทศ จนเป็นผลด้านความร่วมมือต่อเนื่อง ทั้งด้านการค้าขาย การแลกเปลี่ยความรู้ และเปลี่ยนเทคโนโลยี ไปจนถึงความร่วมมือในการแก้ปัญหาพลังงาน
และที่สำคัญที่ผมเชื่อว่าเป็นคำพูดของนายกรัฐมนตรี ที่คนฟังเข้าใจและเห็นภาพชัดเจนที่สุดก็คือว่า “ขนาด 4 เดือนยังทนไม่ได้ต้องของเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็คงจะรอให้ถึง 4 ปีไม่ไหว”
ยอมรับว่าคำพูดทิ้งท้ายคำชี้แจงของท่านายกฯ โดนใจมากที่สุด เพราะอาการกระเหี้ยนกระหือรือขแองปะชาธิปัตย์ ตามศัพท์แสงท่านายกฯ ไม่สามารถมองได้เป็นอย่างอื่น
การสอดประสานกันของม็อบหน้าทำเนียบรัฐบาล ท่วงท่าของ สว.รากตั้ง จากกรรมการรากเหง้าเผด็จการ และพรรคประชาธิปัตย์ ฝ่ายค้านเพียงหนึ่งเดียว ก็ชวนให้คิดได้อย่างนั้น
และในช่วงเย็นอีกหนึ่งคนที่ออกมาย้ำความ “หาเรื่อง” ของพรรคประชาธิปัตย์ ก็คือ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ออกมากล่าวหารัฐบาล กล่าวหากระทรวงการต่างประเทศ ว่าเพิกเฉยต่อการดูแปลเรื่องเขาพระวิหาร
จนตัว ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ เอง ก็คงจะลืมไปแล้วว่าตัวเองก็เคยนั่งเก้าอี้ รมว.ต่างประเทศ มาก่อน สามารถแสดงบทบาททวงคืนเขาพระวิหารได้ อย่างที่กำลังต่อว่าต่อขานคนอื่น
แต่ทำไมไม่ทำ หรือว่าท่านมัวเอามือไป “กำ” เอาปากไป “อม” อะไรไว้ จึงเพิ่งจะมาคิดออก เพิ่งหวงแหนเขาพระวิหารกันจนน้ำลายไหล ในวันที่ตัวเองตกกระป๋อง และมีพรรคการเมืองอื่นเข้ามาบริหารประเทศ
การอภิปรายไม่ไว้วารงใจรัฐบาลยังจะมีในวันนี้อีกวัน ผมไม่แน่ใจว่าจะมีเนื้อหาสาระอะไรมาถล่มรัฐบาลได้มีน้ำหนักกว่าวันที่ผ่านมาบ้าง หรือจะเปิดหน้าให้รัฐบาลสอนมวยเป้นคำรบสอง ก็คงเป็นเรื่องที่จะต้องติดตามกันต่อไป
และนอว่าหากมีข้อมูลใดๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง รัฐบาลก็ควรอย่างยิ่งที่จะต้องน้อมรับเอาไปจัดการ แก้ปัญหาอย่างไม่คิดเขา คิดเรา
จะกลัวก็แต่ว่าหาก “ทำการ” ไม่สำเร็จในเวทีนี้ ปชป. จะหวนกลับไปใช้เวทีนอกสภา สร้างความวุ่นวายให้บ้านเมืองไม่รู้จบ เพราะแม้รัฐบาลจะเปิดเวทีให้ซักฟอกกันเต็มเหนี่ยว แต่บทบาทของผู้คนพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังพัวพันกับม็อบพันธมิตรฯ ไม่เลิก
เรียกว่าทำอย่างไรก็ได้ เพื่อให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เป็นนายกฯ อย่างนั้นหริอเปล่า...!?
บิ๊กโบ๊ต