WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, June 23, 2008

บ้านเมืองก็ของผม

คอลัมน์ : โต๊ะข่าวประชาทรรศน์

เขียนถึงพันธมิตรฯ มาหลายครั้งหลายหน ด้วยความเป็นห่วงในเศรษฐกิจของบ้านเมือง ห่วงภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตาชาวโลก ห่วงพี่น้องคน กทม. ที่ต้องประสบปัญหาการจราจรหนักขึ้นยิ่งกว่าเก่า เพราะมีการชุมนุมยืดเยื้อขวางถนน และห่วงไปถึงเด็กๆ และเยาวชน ที่ได้รับผลกระทบต่อการเรียนหนังสือ ทั้งการเดินทางและเสียงที่ดังรบกวนทั้งวี่ทั้งวัน

และเคยฝากคำถามไปยังกลุ่มพันธมิตรฯ มาแล้วว่า ที่ออกมาเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลนั้น เป็นการทำเพื่อใครกันแน่ เป็นการทำเพื่อตัวเองและพวกพ้องเพียงไม่กี่คนหรือเปล่า

รวมไปถึงกลุ่มคนที่ออกมาร่วมชุมนุมนั้น ได้รู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนแบบเดียวกับกลุ่มพันธมิตรฯ หรือไม่ ถ้าเป็นจริงอย่างนั้น ทำไมมีคนเรือนหมื่นเฉพาะวันที่ประกาศระดมคนครั้งใหญ่ แต่ในยามปกติทำไมถึงได้มีคนมาร่วมชุมนุมเพียง 400-500 คน และล้วนแต่เป็นคนจากสันติอโศก

การที่พันธมิตรฯ อ้างว่า ประชาชนไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล ประชาชนต้องการให้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่งนั้น

คำว่า ประชาชน ของพันธมิตรฯ หมายความว่าอย่างไร เพราะผมเองก็เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง พ่อ แม่ ลูก เมีย ก็เป็นประชาชนอย่างที่พันธมิตรฯ กล่าวอ้าง แต่ก็ไม่เห็นมีใครเห็นด้วยกับวิธีการเกะกะระราน สร้างความเดือดร้อนไปทั่วดังที่เป็นอยู่ในขณะนี้

การกล่าวอ้างของพันธมิตรฯ จะถือว่าเข้าข่ายหลอกลวง กล่าวเท็จ ได้หรือไม่

แบบเดียวกับที่พยายามแอบอ้างบนเวทีว่า ประชาชนจากจังหวัดนั้น จังหวัดนี้ มาให้การสนับสนุน ทั้งที่มีคนจากแต่ละจังหวัดเดินทางมาจริงเพียงไม่กี่คน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพันธมิตรฯ จะมีคนที่เห็นเหมือนกันนับหมื่นคนก็จริง ผมว่าก็ยังไม่มากพอที่จะกล่าวอ้างและกดดันรัฐบาล เพราะฝ่ายบริหารได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชนนับล้าน ตามวิถีทางประชาธิปไตย

ดังนั้น ความพยายามในการกล่าวอ้างประชาชน กล่าวอ้างผู้คนจากจังหวัดต่างๆ จึงเป็นเพียงความพยายามสร้างราคา เป็นการให้ข้อมูลด้านเดียว โดยหลีกเลี่ยงถึงกระบวนการเลือกตั้ง ที่บ้านเมืองเรายอมรับการปกครองระบอบประชาธิปไตย มานานกว่า 70 ปี

แต่ขณะเดียวกัน เวลาที่พูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีผู้คนลงประชามติรับร่างฯ มากกว่า กลับออกมาเสนอตัวเลขทั้ง 2 ด้าน อ้างว่ามีประชาชนสนับสนุนรับร่างฯ ถึง 14 ล้านคน แต่คนที่ไม่รับร่างฯ มีเพียง 10 ล้านคน

ทั้งที่ทุกฝ่ายต่างก็รู้กันดีว่า การรับร่างรัฐธรรมนูญครั้งนั้น เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์บีบบังคับ เพราะหากไม่รีบรับร่างรัฐธรรมนูญ ก็ไม่รู้ว่าเมืองไทยจะต้องตกอยู่ภายใต้บรรยากาศเผด็จการไปอีกนานเท่าไร

ขณะเดียวกัน ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคน หรือแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์เอง ก็ออกมาบอกปาวๆ ว่า รับร่างไปก่อนแล้วค่อยแก้ไขกันภายหลัง โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในช่วงการหาเสียงว่า ถ้ามีโอกาสเข้ามาบริหารบ้านเมือง จะต้องให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

จริงอยู่ว่า ในระบอบประชาธิปไตย เราเคารพในเสียงข้างมาก แต่ถามว่าคะแนนเสียงที่มากกว่ากันเพียงเท่านั้น ท่ามกลางสถานการณ์บีบบังคับ ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีการให้ข้อมูลลวง มันเป็นความน่าภาคภูมิใจตรงไหน

และรัฐบาลนี้ก็ไม่ได้เดินหน้าแก้ไข รธน. แบบไม่มีเหตุไม่มีผล แต่ต้องถือว่าเป็นการรักษาสัจจะเสียด้วยซ้ำไป เพราะได้สัญญากับพี่น้องประชาชนเอาไว้ว่า จะเข้ามาแก้ไข รธน. ทันทีที่ได้เป็นรัฐบาล เท่านี้ก็เท่ากับเป็นการยืนยันชัดเจนแล้วว่า ประชาชนที่เลือกพรรคพลังประชาชนเข้ามาด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น เห็นดีเห็นงามที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ยังเปิดทางให้มีการทำประชามติ เพื่อฟังเสียงประชาชนให้เกิดความมั่นใจกันอีกครั้ง เป็นการฟังเสียงในบรรยากาศของการแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นอิสระ

แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้น กลุ่มพันธมิตรฯ ก็ยังแถกหาเรื่องหาราวกล่าวโทษรัฐบาลอยู่ร่ำไป

ทั้งๆ ที่หลายเรื่องราวที่ออกมากล่าวโทษรัฐบาล ไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย

ไม่ว่าจะเป็นการเช่ารถ 6 พันคันของ ขสมก. ที่เป็นเพียงแค่เริ่มต้นคิด กลับมีข้อกล่าวหาทุจริต

การเข้าไปดูแลเรื่องเขาพระวิหารไม่ให้ไทยเสียเปรียบเพื่อนบ้าน กลับถูกกล่าวหาเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน กล่าวหาว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่รักษาผลประโยชน์ของชาติ ไม่ยอมอุทธรณ์ต่อศาลโลก ทั้งที่ตลอดเวลา 45 ปี มีรัฐบาลมานับสิบ ก็ไม่ได้มีการหยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณา

แม้แต่สุดท้ายรัฐบาลจะยอมให้วุฒิสมาชิก และฝ่ายค้าน เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจทั้งที่เวลามีจำกัด ทั้งที่รัฐบาลเพิ่งทำงานมาได้ 4 เดือน พันธมิตรฯ ก็ยังออกอาการเหมือนเด็กเอาแต่ใจตัวเองว่า รัฐบาลตอบตกลงช้าเกินไป จนดูเหมือนว่าความพยายามยื่นญัตติดังกล่าวทั้งที่ความเป็นไปได้และความเหมาะสมมีน้อยมากนั้น แท้ที่จริงแล้วก็เพื่อเปิดช่องให้พันธมิตรฯ มีประเด็นออกมาโจมตีรัฐบาล

ผมคงไม่คิดจะขอร้องพันธมิตรฯ ให้ยุติการชุมนุม เพราะไม่เชื่อว่าคนพวกนี้จะเป็นคนที่พูดรู้เรื่อง หรือคิดถึงประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง

เพียงแต่อยากจะขอว่า อย่าอ้างความต้องการของประชาชน เพราะอย่างน้อยก็มีผมคนหนึ่งอยู่ในนั้น และผมไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำเช่นนี้เลยแม้แต่น้อย

ทางที่ดี พันธมิตรฯ ยืดอกพูดแบบลูกผู้ชายไปเลย ยังจะน่าภูมิใจกว่าว่าการชุมนุมไล่รัฐบาลในวันนี้เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อ สนธิ-จำลอง พร้อมด้วยพวกพ้องและลิ่วล้อเท่านั้น...!!

บิ๊กโบ๊ต