นายรังสรรค์ แสงสุข อดีตอธิการบดีรามคำแหง ชี้แจงว่า กรณีการสอบแทนกันเกิดขึ้นจริงแต่เป็นบุคคลอื่นที่ชื่อคล้ายนายสันติ พร้อมพัฒน์ คือ ชื่อนายสานติ พรมพัฒน์ และจับผู้ที่สอบแทน นายสานติ ได้ ชื่อ นายสวัสดิ์ และดำเนินคดีไปแล้ว ส่วนกรณี นายสันตินั้น เป็นข้อผิดพลาดของฝ่ายวินัย ซึ่งไม่ได้มีการสอบสวน และเสนอชื่อ นายสันติ มาให้ตนลงนามคัดชื่อออก เมื่อ นายสันติ ทราบเรื่องก็มาต่อว่ามหาวิทยาลัย ว่าไม่ได้มีการสอบสวนก่อน
นายรังสรรค์ กล่าวว่า ในปี 2542 เป็นปีที่ครบรอบ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สภามหาวิทยาลัย ได้ออกระเบียบว่าด้วยการล้างมลทินเนื่องในมหามงคลพระชนมพรรษา 6 รอบของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 2542 ในระเบียบระบุให้ล้างมลทินให้แก่บรรดานักศึกษาผู้ถูกลงโทษทางวินัย หรือผู้ถูกกล่าวหาว่าทำผิดวินัยนักศึกษา ให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกกล่าวหา หรือถูกลงโทษ หรือถูกลงทัณฑ์ ทางวินัย นายสันติ จึงใช้ช่องทางนั้นและได้รับโอนหน่วยกิตคืนมาทั้งหมด และจบการศึกษาในปี 2545
“ยืนยันว่า นายสันติ จบการศึกษาถูกต้อง มีทรานสคริปต์ครบถ้วน โดยการนิรโทษกรรมนักศึกษาในปี 2542 มีทั้งหมด 44 คน โดยที่เราไม่รู้ว่าเป็น นายสันติ หรือไม่ เพราะตอนนั้น ไม่มีใครรู้จัก นายสันติ และการล้างมลทินลักษณะนี้ก็สอดคล้องกับกฎหมายล้างมลทิน ซึ่งก็ล้างมลทินให้กับข้าราชการที่ทุจริตสามารถกลับเข้ารับราชการได้ และอีกประการหนึ่ง เป็นเพราะทางมหาวิทยาลัยไม่ได้ตั้งกรรมการสอบสวนนายสันติ อาจมีการกลั่นแกล้งกันหรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่ใครจะทะเลาะอะไรกัน ก็อย่ามาเอามหาวิทยาลัยรามคำแหงไปเป็นเหยื่อ ส่วนกรณีเป็นบอร์ดการบินไทยนั้น ขอให้ไปตรวจสอบว่า ในแต่ละปีอาจารย์และนักศึกษารามฯ ใช้บริการการบินไทยมากแค่ไหน เรื่องนี้อย่ามาดูถูกกัน และผู้แต่งตั้งผมก็คือ กระทรวงการคลัง”นายรังสรรค์ กล่าว