WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, July 2, 2008

คุกคามครูราชวินิต นร.กลัวASTVดักถ่าย

* ด่าขรมม็อบตะแบงศาลเปิดถนนแค่บางเวลา
ครูราชวินิตมัธยม เผยหลังศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองให้พันธมิตรฯ เปิดถนนและงดใช้เครื่องขยายเสียงในเวลาเรียน กลับต้องโดนคุกคามอย่างหนัก ทั้งบนเวทีปราศรัยม็อบข้างถนน โทรศัพท์ลึกลับด่าทอ ข่มขู่ด้วยถ้อยคำหยาบคาย แถมในเว็บไซต์ผู้จัดการยังเต็มไปด้วยถ้อยคำจิกด่า ขุดข้อมูลส่วนตัวมาเขียน ในขณะที่หน้าโรงเรียนยังมี ASTV มาคอยดักถ่ายนักเรียนจนเป็นที่หวาดผวา ด้านม็อบพันธมิตรฯ ยังดื้อด้านยอมเปิดถนนแค่รถลอดได้ ชาวบ้านด่าขรมรถไม่หายติด แถมตะแบงร้องศาลเพิกถอนคำสั่งคุ้มครอง อ้างหน้าด้านๆ คำสั่งศาลขัดแย้ง รธน.มาตรา 63 จ่อให้กรมบังคับคดีจัดการเด็ดขาด

* ศาลแพ่งสั่ง“สนธิ”หยุดพูดพาดพิง“ทักษิณ”
ภายหลังศาลแพ่งได้พิจารณาคำร้องของครู-นักเรียน โรงเรียนราชวินิตมัธยม ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการปิดถนนชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยให้เปิดพื้นที่จราจรบนถนนพระราม 5 และถนนพิษณุโลก ให้รถเมล์และประชาชนสามารถเดินทางได้โดยสะดวก และห้ามใช้เครื่องขยายเสียงรบกวนการเรียนการสอนระหว่างเวลา 07.30-16.30 น. ในวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ นั้น

พันธมิตรดื้อด้านไม่รื้อเวที
ปรากฏว่าในวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรฯ ยังคงไม่ยอมรื้อเวทีออกไปจากพื้นผิวจราจรตามคำสั่งศาล แต่ได้เปิดช่องทางให้รถผ่านได้เพียงบางส่วน ทำให้การจราจรยิ่งติดหนักขึ้น เพราะประชาชนเข้าใจว่ามีการเปิดเส้นทางดังกล่าวตามปกติแล้ว นอกจากนี้กลุ่มพันธมิตรฯ ยังพยายามเล่นแง่ตีความข้อกฎหมาย โดยจะมีการเปิดเส้นทางเฉพาะช่วงที่ศาลระบุให้งดใช้เครื่องขยายเสียง และยังมีการคัดค้านต่อศาลโดยกล่าวหาว่าศาลพิพากษาขัดรัฐธรรมนูญด้วย

รวมไปถึงยังปรากฏว่ามีการคุกคามครู-นักเรียน ที่ร่วมกันเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับตัวเองในรูปแบบต่างๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ การเปิดข้อมูลส่วนตัว และเปิดให้คนเข้ามาด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายบนเว็บไซต์ หรือการตะโกนแซวและต่อว่าในเวลาที่ครูและนักเรียนเดินผ่าน ทั้งยังมีช่างภาพ ASTV เข้าไปบันทึกภาพในโรงเรียนโดยไม่รู้วัตถุประสงค์ที่แน่ชัดด้วย

ครูโอดถูกโทร.จิก-ด่าบนเว็บ
ทางด้าน นางวรรธนันท์ พรวนต้นไทร อาจารย์จากโรงเรียนราชวินิตมัธยม หนึ่งในโจทก์ที่ยื่นฟ้องร้องดังกล่าว เปิดเผยว่าหลังจากที่มีคำสั่งคุ้มครอง ทำให้ตนได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีคนโทร.เข้ามาก่อกวน ทั้งด่าสารพัด จนตอนนี้แทบจะไม่กล้ารับโทรศัพท์มือถือ แค่นั้นยังไม่พอยังมีคนเขียนด่าตนในเว็บต่างๆ มากมาย ทำให้รู้สึกเสียใจเพราะสิ่งที่ตนทำไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมืองเหมือนที่กลุ่มคนบางพวกพยายามใส่ร้าย หรืออ้างว่าตนไปรับเงินจากใครก็ตาม การที่ใครก็ตามไม่เข้าข้างพวกเขา จะถือว่าเป็นการทรยศต่อชาติหรือ ตนไม่อยากให้มีการชุมนุมใกล้ๆ กับบริเวณที่มีโรงเรียน ก็เพราะว่ามันทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน

จากการดำเนินการของตนและครูท่านอื่นๆ ไม่ได้ทำผิดอะไร ในเมื่อตนก็เรียกร้องสิทธิของตนตามรัฐธรรมนูญ เพราะการกระทำของคนกลุ่มนี้ได้สร้างเดือดร้อนให้กับคนอื่นไปทั่ว ออกมาชุมนุมปิดถนนซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะ สิ่งที่ตนทำขึ้นเพียงเพราะเห็นว่านักเรียนและครูผู้ปกครองได้รับความเดือดร้อน หากจะชุมนุมก็น่าจะไปหาสถานที่ที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนหมู่มาก การมาปราศรัยบนเวที สิ่งที่นำมาพูดที่เป็นข้อเท็จจริงต่างๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นความจริงหรือเปล่า สิ่งที่เด็กๆ สามารถซึมซับไปได้ ทั้งคำพูดที่หยาบคาย โดยเด็กๆ ไม่รู้ว่าความจริงแท้เป็นอย่างไร การซึมซับไปนานวันเข้า อาจจะนำไปสู่พฤติกรรมที่ก้าวร้าวได้

ASTVดักรอนร.-คุกคามครูบนเวที
ทางด้านนางธาราริน บุตรแสงดี อาจารย์ โรงเรียนราชวินิตมัธยม กล่าวว่าแม้จะมีการเปิดเส้นทางบางส่วน แต่โดยส่วนตัวก็ยังมีความรู้สึกหวาดกลัวอยู่ ซึ่งในตอนเช้าวันที่ 1 กรกฎาคม ก็มีทีมงานจากสถานีโทรทัศน์ ASTV ได้มาดักรอเพื่อขอสัมภาษณ์คณะกรรมการนักเรียนที่เดินทางไปให้กำลังใจครูที่ศาล แต่ในเบื้องต้นตนยังไม่ทราบว่าจะมาขอสัมภาษณ์เรื่องอะไร ส่วนตัวก็มีความกังวลอยู่ และนักเรียนบางคนก็รู้สึกกลัว

ขณะที่ พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุ เนื่องจาก พบว่า มีความพยายามพูดจาดูหมิ่น และยั่วยุตำรวจบนเวทีปราศรัย ขณะเดียวกันยังพบว่า มีการพูดจาในลักษณะคุกคามผู้ที่เดือดร้อนจากการชุมนุม และได้ร้องต่อศาลแพ่ง ในลักษณะที่เสียหายบนเวทีปราศรัยด้วย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม

ถ่อย!ด่าครูบนเว็บไซต์ผู้จัดการ
ขณะเดียวกันยังพบว่ายังพบว่าเว็บไซต์ผู้จัดการ ได้มีคนเข้าไปโพสต์ข้อความไว้โดยไม่มีการกลั่นกรอง เป็นถ้อยคำโจมตี ด่าทอ ครูและผู้เสียหายที่ไปร้องเรียนต่อศาล

คุณ tom “นางวรรธนันท์ พรวนต้นไทร..ฟ้อง พันธมิตร..เป็นครู ประจำชั้น ม.1โรงเรียนราชวินิตมัธยม ถือกำเนิดขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นที่ดินจำนวน 6 ไร่ 3 งาน 34 ตารางวา ที่อยู่181 ถนนพิษณุโลก แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 ช่วยส่ง ไปรษณีย์บัตร ไป เตือน สติ กันหน่อย ไม่รัก ในหลวง เลย”

คุณรู้บ้าง “ให้รัฐบาลออกกฏหมายให้คนหุบปาก ห้ามเดินขบวน ห้ามชุมนุมปิดถนน ห้ามคัดค้าน ห้ามฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจสิครับ ... ออกกฎหมายให้รัฐบาลทำอะไรก็ได้ที่อยากจะทำ ทำสิครับ แล้วพันธมิตรฯจะถอยเอง ... วางแนวทางให้ครูเลิกสอนเรื่องประชาธิปไตย เลิกสอนเรื่องสิทธิ เสรีภาพครับ... สอนให้นักเรียนเรียนอย่างเดียว แล้วไปแข่งกันทำงานอย่างเดียวพอครับ ทำเลยครับ... ผมอยากเห็นบ้านเมืองเป็นเผด็จการมาก ผมกับพันธมิตรฯ จะได้ไม่เหนื่อยครับ ผมก็เบื่อ ไม่ใช่ไม่เบื่อ... ออกกฎหมายมาเลยครับ จะได้กลับบ้านกันสักที แล้วปล่อยให้นักการเมืองมันเล่นให้บ้านเมืองบรรลัยกันให้เต็มที่เลย...ดีมั้ย โอเคมั้ยครับ ถ้าครูยังแยกไม่ออก ยังสอนเด็กแค่เรื่องสิทธิ เสรีภาพไม่ได้ .. ก็ไม่สมควรเป็นครูครับ get มั้ย”

ความคิดเห็นที่ 10 (ไม่ลงชื่อ) มีคนบอกว่า E...เห็นแก่ตัวนี่เป็นเมียทหาร แต่ไม่รู้อยู่สายไหน???...มีนอกมีในแน่... คุณ Lala “เห็นชื่อนี้ทีไรแล้วมัน เจ็บปวดหัวใจ เป็นครูที่ไร้ราคา โดยเฉพาะในช่วงที่บ้านเมืองต้องการผู้นำที่สามารถชี้นำทางให้เยาวชน รู้ถูก รู้ผิด เกี่ยวกับการบ้านการเมือง แต่คุณครูผู้นี้ สั่งสอนให้ลูกศิษย์ห่วงแต่ความสะดวก สบาย สิทธิของคุณน่ะมี แต่เมื่อเทียบกับสิทธิของประชาชนแล้ว คุณเคยชั่งบ้างไหม ว่าอันไหนมันหนักหนาสาหัสกว่ากัน ขอบคุณสำหรับที่อยู่แล้วอีเมล จะส่งไปทุกวันเลย

บังอาจอ้างคำสั่งศาลขัดรธน.
หลังมีคำสั่งศาลนอกจากกลุ่มพันธมิตรฯ จะออกอาการดื้อแพ่งไม่เปิดเส้นทางให้รถสัญจรได้อย่างสะดวกแล้ว ก็ยังพากันแห่ไปยังศาลแพ่งเพื่อขอไต่สวนฉุกเฉินให้ศาลระงับหรือแก้ไขคำสั่ง เพื่อให้พันธมิตรฯ เปิดถนนพระราม 5 และถนนพิษณุโลก ตามที่ศาลมีคำสั่งคุ้มครอง

โดยระบุว่าคำสั่งศาลดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 63 ที่บัญยัติว่าบุคคลย่อมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ มาตรา 27 ที่ว่าสิทธิและเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญนี้รับรองไว้โดยชัดเจน โดยปริยาย โดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ย่อมได้รับความคุ้มครองและผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมถึงองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐโดยตรงในการตรากฎหมาย

การใช้บังคับกฎหมาย และการตีความกฎหมายทั้งปวง และมาตรา 29 ที่ว่าการจำกัดสิทธิเสรีภาพของบุคคล ที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้จะกระทำมิได้เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติ แห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อการที่รัฐธรรมนูญนี้กำหนดไว้ และเท่าที่จำเป็น และจะกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพนั้นมิได้

นอกจากนี้ยังอ้างว่าคดีนี้เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โดยพรรคพลังประชาชนมอบหมายนายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรค มาดำเนินการ มีนายเมธี ใจสมุทร น้องชาย เป็นทนายความ จึงน่าจะเป็นเจตนาทางการเมืองในการสลายการชุมนุม มิได้เสียหกายนจริงตามที่ฟ้อง

ขณะเดียวกันยังอ้างว่าการชุมนุมดังกล่าว เป็นไปตามมาตรา 70 ในการปกป้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ซัดพันธมิตรอ่านก.ม.ไม่แตก
ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทำการยื่นคำร้องเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ของครูโรงเรียนราชวินิตมัธยม ซึ่งอ้างคำสั่งดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 63 โดยระบุว่า พันธมิตรฯควรที่จะวิเคราะห์กฎหมายให้ละเอียดถี่ถ้วนกว่านี้ โดยมาตรา 63 (2) ได้บัญญัติไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า ในกรณีที่มีการชุมนุมต้องไม่สร้างความเดือดร้อน และกระทำโดยความสงบเรียบร้อย แต่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลใช้อ้างไม่ได้ เพราะเห็นชัดว่า ครู นักรียน และประชาชนอีกมากมายเดือดร้อนจากการกระทำดังกล่าวกันถ้วนหน้า

ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่าการดำเนินการสั่งคุ้มครองครูและนักเรียนนั้น พรรคพลังประชาชนเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และพาดพิงว่า ตนให้ นายเมธี ใจสมุทรผู้เป็นน้องชายรับเป็นทนายว่าความให้ฝ่ายโจทย์นั้น รองโฆษกพรรคพลังประชาชนกล่าวว่า การกระทำของกลุ่มพันธมิตร ยังเป็นการแสดงความดูถูกฝ่ายโจทย์ โดยกล่าวหาว่าใช้สิทธิโดยไม่สุจริต และกล่าวในทำนองว่ามีส่วนได้ส่วนเสียทางการเมือง ซึ่งหากไม่ได้รับความเดือดร้อนจริง คงไม่ทำการอาจหาญต่อสู้กับกลุ่มพันธมิตรฯได้ พร้อมกันนี้ยังเป็นการละเมิดสิทธิในหน้าที่ของนายเมธี ผู้เป็นน้องชายที่มีอาชีพเป็นทนายความ ซึ่งสามารถที่จะว่าความให้ใครก็ได้หากได้หากได้รับการว่าจ้าง เพราะครอบครัวตนก็เป็นตระกูลนักกฎหมายทั้งสิ้น การทำเช่นนี้เหมือนเป็นการขว้างหินไปทั่ว

แนะโจทก์แถลงต่อศาลเพิ่มได้
นอกจากนี้ ยังมีปราการสำคัญคือ พฤติกรรมการกล่าวพาดพิงของพันธมิตรฯ และไม่ยอมรับการตัดสินของศาล ถือเป็นการดูถูกอย่างไม่บังควร เพราะศาลมีดุลพินิจในการพิจารณาคดี ไม่ได้มองในความสัมพันธ์ของตัวบุคคล ซึ่งหากกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจริงก็ต้องยอมรับในการตัดสินของศาล และเคารพกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย

“ การที่พันธมิตรฯไม่ยอมเปิดเส้นทางการจราจรทั้งหมดนั้น ไม่ได้ เพราะศาลสั่งมาแล้ว ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และครบถ้วน ซึ่งหากท้ายสุดแล้วโจทก์ยังได้รับความเดือดร้อนอยู่ ก็มีสิทธิยื่นคำร้องแถลงต่อศาลได้ เพื่อให้พิจารณาพฤติกรรมของพันธมิตรฯ ส่วนการที่อ้างว่าเป็นเรื่องทางการเมืองนั้น อยากถามกลับว่า คิดได้แค่นี้หรือไง ศาลมีอำนาจมีดุลพินิจ คงไม่มองว่าทนายเป็นพี่หรือเป็นน้องกับใคร เป็นการขว้างหิน ตระกูลผมทนายทั้งนั้น นี่คือการดูถูกอย่างไม่บังควร เป็นการตะแบง เหมือนอยากผูกขาดกับอำนาจศาล หรือกระบวนการยุติธรรม แต่เพียงผู้เดียว เพราะเมื่อเวลาศาลเห็นด้วยก็ประกาศชัยชนะ แต่พอคนอื่นที่เดือดร้อนจะทำบ้างกลับไม่พอใจ” นายศุภชัยกล่าว

โทรด่าม็อบขรมผ่านรายการวิทยุ
นายชินวัฒน์ หาบุญพาด ประธานวิทยุชุมนุมคนแท็กซี่และ นายกสมาคมผู้พิทักษ์ผลประโยชน์ผู้ขับรถแท็กซี่ เปิดเผยว่าหลังจากที่พันธมิตรฯได้รับทราบคำสั่งศาลแพ่งที่ความคุ้มครองชั่วคราวกับผู้ที่เดือดร้อนจากการชุมนุมนั้น โดยเปิดถนนให้รถยนต์ได้สัญจรได้เป็นช่วงเวลา ซึ่งไม่ได้เป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องตามคำสั่งศาลเลยแม้แต่น้อย และยังคงสร้างปัญหาให้กับการจราจรที่บริเวณดังกล่าวอยู่เช่นเดิม

ซึ่งมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอยู่ โดยโทรศัพท์ร้องทุกข์ผ่านเข้ามาในรายการที่ตนจัดเป็นประจำจำนวนมาก โดยการกระทำของพันธมิตรฯยังคงดำเนินการเปรียบเสมือนเจ้าของถนน สั่งเปิดและปิดการจราจรเป็นเวลา โดยส่วนมากจะเป็นการเปิดถนนเพื่อให้นักเรียนและผู้ปกครองได้สัญจรเพื่อส่งลูกหลานให้มาโรงเรียน และหลังจากนั้นจะปิดถนนเพื่อกลับมาชุมนุมต่อ โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับประชาชนที่ใช้ถนนรายอื่นเลย

นายชินวัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า เรื่องดังกล่าวคงต้องฝากให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวดกวดขันกับการกระทำของพันธมิตรฯมากขึ้นกว่านี้เพราะมีอำนาจของศาลให้จัดการได้อย่างเต็มที่แล้ว อย่ามั่วแต่ปล่อยละเลยให้การกระทำของพันธมิตรฯ เย้ยศาลอยู่อย่างนี้เลย

“ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้อย่างชัดเจนแล้วว่า พันธมิตรฯจงใจขัดคำสั่งศาลและประชาชนที่เดือดร้อนยังมีอีกมา ผู้มีส่วนรับผิดชอบรีบเข้ามาจัดการอย่างจริงจังเสียที อย่าเอาเวลาที่มีไปดูแลม็อบเลย” นายชินวัฒน์ กล่าว

รอกรมบังคับคดีจัดการเด็ดขาด
ด้าน พ.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. ดูแลงานด้านจราจร กล่าวว่า เมื่อเวลา 07.30 น. กลุ่มพันธมิตรฯ ยอมเปิดเส้นทางการจราจร โดยผู้ชุมนุมได้นำแผงเหล็กที่กั้นบริเวณหน้าเวทีที่ปิดช่องทางการจราจรอยู่ออกมาไว้บนทางเท้าเพื่อเปิดการจราจรแยกยมราช จนถึงแยกนางเลิ้ง ทำให้การจราจรสะดวกขึ้น ส่วนการจราจรอีกหนึ่งช่องทางยังมีเต็นท์กลุ่มผู้ชุมนุมกีดขวางการจราจรและยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมนอนพักอาศัยอยู่จึงไม่สามารถผ่านได้ ส่วนเส้นทางถนนพระราม 5 ผ่านวัดเบญจมบพิตรฯ สามารถเปิดช่องทางการจราจรได้ทางเดียว

พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะประสานกับทางกรมบังคับคดีเพื่อดำเนินการเปิดการจราจรให้มากกว่านี้ตามคำสั่งของศาลที่ให้เปิดการจราจรให้รถสามารถผ่านได้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่สัญจรไปมา แต่ในขณะนี้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลง

ขณะเดียวกันที่ห้องพิจารณาคดี 710 ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำสั่งร้องขอคุ้มครองชั่วคราวในคดีดำที่ 3675/2551 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กับพวก เรื่องละเมิด กรณีที่นายสนธิ ปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ พาดพิง โดยศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามเฉพาะนายสนธิ กล่าวพาดพิงถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ในทางเสียหาย โดยศาลเตรียมส่งหมายแจ้งให้จำเลยทราบต่อไป