WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, July 4, 2008

แจ้งความ‘สมเกียรติ’บังอาจหมิ่นสถาบัน

* 'จำลอง' ขัดคำสั่งศาลขึ้นเวทีปลุกม็อบขัดขืน
แจ้งความดำเนินคดี “สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” บังอาจหมิ่นเบื้องสูงบนเวทีพันธมิตรฯ ทั้งยังส่อสร้างความเข้าใจผิดต่อสถาบัน ระบุพูดย้ำหลายครั้งหลายหน ทั้งยังถ่ายทอดผ่าน ASTV และเว็บไซต์ค่าย “ผู้จัดการ” ตำรวจนางเลิ้ง รับลูกดำเนินการรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมก่อนตั้งกรรมการพิจารณาคดี เผยมีประชาชนไม่พอใจเตรียมทยอยเข้าแจ้งความทั่วประเทศ ขณะที่ “จำลอง” ขัดคำสั่งศาล ขึ้นเวทีป่าวประกาศปลุกระดมม็อบให้เตรียมพร้อมขัดขืนหากเจ้าหน้าที่เข้ารื้อเต็นท์และเวที ผบ.สส.ติงไม่ฟังศาลบ้านเมืองจะไร้หลัก ขณะที่พันธมิตรฯ ยังดื้อด้าน เตรียมงัดมาตรการดาวกระจายออกมาตอบโต้

แม้ว่าศาลแพ่งจะมีคำสั่งคุ้มครองครูและนักเรียนโรงเรียนราชวินิตมัธยม และประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยให้มีการเปิดถนนให้สมารถสัญจรได้สะดวก และงดใช้เครื่องขยายเสียงในช่วงเวลาเรียนหนังสือ รวมทั้งต่อมาศาลแพ่งยังได้ยกคำร้องที่กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ขอให้ยกเลิกความคุ้มครองดังกล่าว โดยอ้างถึง ม.63 และอ้างถึงความปลอดภัยของผู้ชุมนุมไปแล้วก็ตาม

แต่ก็ยังปรากฏว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ยังคงดื้อด้านปักหลักชุมนุม โดยไม่สนใจต่อคำสั่งศาล แม้ว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำจะเคยแถลงต่อศาลในการเบิกความขอให้เพิกถอนความคุ้มครองว่า หากศาลเห็นควรให้เปิดถนนก็เท่ากับให้เลิกการชุมนุม ก็จะเลิกเวทีทันที

โดยในช่วงเช้าวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้มีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะเข้าสลายการชุมนุม โดยเข้ารื้อเต็นท์ต่างๆ ที่กีดขวางถนน เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งศาล พล.ต.จำลอง ก็ได้มีทีท่าตระบัดสัตย์ชัดแจ้ง ด้วยการออกมาปลุกระดมผู้ร่วมการชุมนุมให้ออกมาขัดขืนเจ้าหน้าที่ตำรวจ และความเห็นของศาลแพ่ง โดยระบุให้ทุกคนรักษาเต็นท์ของตัวเองไว้ให้ดี พร้อมกับเกณฑ์พวกการ์ดหัวเกรียนมาห้อมล้อมเวที เพื่อตั้งหลักขัดขืนอย่างเต็มที่

รอฟังคำสั่งศาลอีกครั้ง7ก.ค.
กรณีดังกล่าว นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคพลังประชาชน ในฐานะทนายความ กล่าวถึงพฤติกรรมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ต้องรอคำสั่งศาลตัดสินเรื่องการขัดคำสั่งศาลของกลุ่มพันธมิตรฯ อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ ว่าศาลจะสั่งให้มีการดำเนินการต่ออย่างไร เนื่องจากในขณะนี้ทนายความของโจทก์ คืออาจารย์และนักเรียนโรงเรียนราชวินิต ได้ยื่นขอให้ศาลมีการพิจารณาไตร่ตรองการละเมิดดังกล่าวแล้ว

การกระทำของ พล.ต.จำลอง และกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ดำเนินการโดยตลอดและถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยการชุมนุมนำสิ่งของมากีดขวางการจราจรเท่ากับว่ากลุ่มพันธมิตรฯ กระทำการความผิดตามกฎหมายอาญา ก็ต้องรอดูว่าศาลจะพิจารณาอีกครั้งอย่างไร

“คุณจำลองกำลังขัดขวางเจ้าหน้าที่ การขัดคำสั่งศาลเป็นการกระทำผิดกฎหมาย แสดงความไม่เคารพต่อคำสั่งศาล สังคมต้องร่วมกันพิจารณา คนที่จะเข้าไปร่วมชุมนุมก็ต้องคิดแล้วว่าสมควรหรือเปล่า” นายศุภชัยกล่าว

แจ้งจับ “สมเกียรติ” หมิ่นเบื้องสูง
ขณะเดียวกัน นายศุภชัย ใจสมุทร พร้อมด้วย นายธนชาติ ธรรมโชติ ทนายความ ยังได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ดำรงค์พงษ์ เพ็ชรสุวรรณ พนักงานสอบสวน(สบ.3) สน.นางเลิ้ง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กับพวก ในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยได้มอบหลักฐานเป็นซีดีบันทึกการปราศรัยของ นายสมเกียรติ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา

นายศุภชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยตามปกติ โดยเฉพาะนายสมเกียรติ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 5 แกนนำ ได้กล่าวปราศรัยตำหนิครูโรงเรียนราชวินิตที่ไปฟ้องศาล เพื่อให้เปิดทางให้กับนักเรียน โดยบอกว่าพันธมิตรฯ กำลังทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ สงสัยว่าอาจารย์ที่ไปฟ้องศาลเป็นพวกเขมร นอกจากนี้ยังกล่าวถ้อยคำจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง โดยนายสมเกียรติ กล่าวว่า โรงเรียนราชวินิตมัธยม เป็นโรงเรียนของสมเด็จฮุนเซน ซึ่งสมเด็จฮุนเซน เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา

แนะเว็บไซต์ที่เผยแพร่ปิดตัวเอง
“นายสมเกียรติได้พูดเน้นย้ำ 2-3 ครั้ง ซึ่งได้ออกอากาศสดทางสถานีโทรทัศน์ ASTV นอกจากนั้นได้นำเทปคำปราศรัยดังกล่าวไปเผยแพร่ สามารถเปิดฟังได้ที่คลื่นยามเฝ้าแผ่นดิน และเว็บไซต์
www.managerradio.com ผมรู้สึกว่ามันมากเกินไป ถ้าผมเป็นเว็บมาสเตอร์ผมจะรีบปิดเว็บไซต์นี้โดยทันที เพราะเป็นการแสดงให้เห็นว่าเป็นสิ่งไม่เหมาะสม”

นายศุภชัย กล่าวว่า โรงเรียนราชวินิตมัธยม ถือกำเนิดขึ้นโดยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานที่ดินให้เป็นที่ตั้งโรงเรียน ขณะเดียวกันก็ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญ พระมหามงกุฎเปล่งรัศมีมีเลขลำดับรัชกาลในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน เป็นตราประจำโรงเรียน แสดงให้เห็นว่าโรงเรียนราชวินิต เป็นโรงเรียนของพระเจ้าอยู่หัว

ทั้งนี้ นายศุภชัย กล่าวย้ำว่า การกระทำดังกล่าวถือว่าทำให้ประชาชนทั่วประเทศเข้าใจว่าโรงเรียนราชวินิตมัธยมเป็นโรงเรียนในสมเด็จฮุนเซน ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา กรณีนี้จึงเข้าข่ายความผิดหมิ่นเบื้องสูง ทั้งนี้ อยากให้ทางเจ้าของเว็บไซต์ หากมีความจงรักภักดี ให้ทำการปิดเว็บไซต์ดังกล่าว เพื่อที่โทษหนักจะกลายเป็นเบา

ตำรวจจ่อตั้งทีมพิจารณาคดี
“วันนี้ผมได้รับชัยชนะในการฟ้องร้องต่อศาล แต่ทางพันธมิตรฯ โกรธผมและด่าทอผมบนเวที ซึ่งผมคิดว่าถ้าด่าผมอย่างเดียวไม่มีปัญหา แต่ว่าถ้อยคำดังกล่าวที่หมิ่นนั้นผมยอมไม่ได้
วันนี้มีประชาชนที่ฟังพันธมิตรฯ พูดบนเวทีแล้วหงุดหงิดกันมาก แต่ประชาชนไม่กล้ามาพูด เพราะพวกท่านดุดัน พวกท่านมีกองทัพธรรม”

นายศุภชัย กล่าวว่าอยากให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ช่วยดำเนินคดี โดยเฉพาะที่มีประชาชนร้องเรียนไปจำนวนมากกว่า 400 เรื่อง ซึ่งตนก็คิดว่าท่านทำงานเต็มที่ ตำรวจมีความตั้งใจ ซึ่งตนพยายามมองโลกในแง่ดีไว้ก่อน อย่างน้อยท่านก็ยังเป็นมิตรกับประชาชน

“วันนี้พันธมิตรฯ ต้องประเมินตัวเอง เพราะว่าบรรดาครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่ออกมาต่อสู้เป็นผู้หญิงทั้งนั้น ซึ่งผมซึ้งใจมาก ที่เห็นครูบางท่านบอกว่าการเป็นครูถือเป็นแม่คนที่สองของลูกศิษย์ ดังนั้นจะต้องต่อสู้เพื่อลูกศิษย์ด้วย ผู้หญิงตัวเล็กๆ วันนี้โดนแรงเสียดทานเยอะมาก แต่ต้องมาต่อสู้กับบุรุษร่างบึกบึนกันทั้งนั้น โดยเฉพาะ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่ต้องคิดให้หนักว่ากำลังสู้กับผู้หญิงอยู่ น่าจะละอายใจบ้าง”

ด้าน พ.ต.ท.ภูเษศ เส้นขาว รอง ผกก.สส.สน.นางเลิ้ง กล่าวว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนรับเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าวไว้ พร้อมรับมอบหลักฐานซึ่งเป็นซีดีบันทึกคำปราศรัยของนายสมเกียรติ ไว้ตรวจสอบ ขณะเดียวกันก็จะทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนที่จะนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาระดับสูง เพื่อตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาคดีดังกล่าวต่อไป

ชี้“จำลอง”ส่อจงใจขัดคำสั่งศาล
ด้าน นายคณิน บุญสุวรรณ นักกฎหมาย กล่าวถึงกรณีที่พันธมิตรฯ ยังไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งศาล ว่าเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่จะใช้ดุลพินิจในการที่จะปฏิบัติต่อกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะคำสั่งศาลยังไม่ครอบคลุมการกระทำของกลุ่มชุมนุมทั้งหมด ทั้งนี้ เพราะศาลจะตัดสินและออกคำสั่งได้เท่าที่โจทก์ฟ้องมาเท่านั้น

หากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถใช้ดุลพินิจของตัวเองได้ ก็ต้องยื่นถามต่อศาลอีกครั้ง เพื่อให้ศาลสั่งตัดสิน โดยหลักการการชุมนุมเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่การชุมนุมนั้นจะต้องไม่เป็นการรอนสิทธิของคนอื่น เท่าที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุมกันในขณะที่กำลังล่วงล้ำเสรีภาพของคนอื่น และมีการอภิปรายที่เข้าข่ายเหยียดหยามผู้อื่นโดยเจตนา

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการกระทำของ พล.ต.จำลอง ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวันที่ 2 และช่วงสายของวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่าเป็นการละเมิดอย่างชัดเจนแล้วหรือไม่ นายคณิน กล่าวว่าการกระทำดังกล่าวแม้ไม่ได้ใช้เวลานานนับชั่วโมง แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ศาลสั่งห้ามไว้ จึงเป็นการขัดต่อคำสั่งศาลได้

“ต้องมีการบันทึกภาพ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือประชาชนผู้พบเห็นผ่านเข้าไปในช่วงเวลานั้น ก็ให้บันทึกภาพไว้พร้อมระบุวันเวลาที่แน่ชัด สามารถเข้ายื่นฟ้องต่อศาลได้ ส่อความผิดต้องโทษอาญา เพราะเป็นที่แน่ชัดทางกฎหมายอยู่แล้วว่าผู้ใดละเมิดคำสั่งศาลต้องถูกลงดทษตามกฎหมายหรือตามดุลพินิจของศาล”

ทนายชี้รอศาลตัดสินให้ชัดดีที่สุด
นายคณิน กล่าวต่อไปว่าการชุมนุมครั้งนี้ไม่ใช่การชุมนุมทั่วไปแต่มีนัยทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวพัน จึงยากต่อการจะออกคำสั่งใดๆ เรียกได้ว่าการชุมนุมครั้งนี้เป็นสงครามยืดเยื้อ ต้องให้ศาลพิจารณาตัดสินอีกครั้งจะเป็นการดีกว่า อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ถึงกับเป็นความผิดกฎหมายอาญาเพียงอย่างเดียว เพราะไม่ว่าศาลจะออกคำสั่งอย่างไร กลุ่มพันธมิตรฯ ก็ยังคงยื่นคำอุทธรณ์ต่อไป

หากกล่าวในเรื่องของการดึงดันให้มีการชุมนุมต่อไปนั้น นายคณิน กล่าวว่าการชุมนุมหากไปชุมนุมกลางท้องนาก็ไม่มีปัญหา ในกรณีนี้กลุ่มชุมนุมได้ชุมนุมตามกฎหมายขั้นพื้นฐานก็จริง และโดยปราศจากอาวุธก็จริง แต่ก็ไปกระทบสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น ซึ่งนั้นเป็นความผิด

ในกรณีที่ศาลออกคำสั่งให้เปิดถนน ดังนั้นกลุ่มพันธมิตรฯ จะต้องรื้อถอนสิ่งก่อสร้างที่กีดขวางถนนทั้งหมด แต่กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ทำ เนื่องจากกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่คิดอย่างง่ายเช่น หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสอง ถ้ากลุ่มพันธมิตรฯ คิดและตีความคำสั่งศาลอย่างนั้นก็จบ แต่ตอนนี้กลุ่มพันธมิตรฯ คิดหนึ่งบวกหนึ่งเป็นอะไรก็ไม่รู้ ดังนั้นจึงเห็นว่าเจ้าหน้าที่ไม่ควรจะใจร้อนรีบเข้าไปรื้อถอนของกลุ่มชุมนุม เพราะจะเป็นการเข้าทางของกลุ่มชุมนุม ซึ่งกลุ่มชุมนุมจะอ้างได้ว่าเจ้าหน้าที่เข้าไปละเมิดสิทธิ์ของพวกเขาก่อน ก็สามารถฟ้องกลับได้

จะเห็นได้ว่าขณะนี้อยู่ในระหว่างกระบวนการของศาลตัดสินพิจารณา เพราะฉะนั้นหากเจ้าหน้าที่กระทำการใดๆ ลงไป เท่ากับว่าไปล่วงล้ำพวกกลุ่มชุมนุมทันที ก็จะกลายเป็นว่าเดินตามเกมกลุ่มพันธมิตรฯ

ห่วงพันธมิตรหวังให้เกิดการปะทะ
“คนพวกนี้เขาไม่ยอมเพลี่ยงพล้ำหรอก เขาไม่ธรรมดา เพราะสั่งให้กอดเสาให้แน่น ก็กอดอย่างสงบ แล้วเจ้าหน้าที่จะทำอย่างไร แต่ทางที่ดีที่สุดต้องให้มีการบันทึกทุกอย่างไว้ทั้งหมดว่าละเมิดศาลอย่างไร แล้วส่งศาลว่าเขาดื้อแพ่ง อาจจะใช้เวลานานหน่อย แต่เป็นผลดีกับทางรัฐ”

นายคณิน กล่าวเพิ่มเติมต่อกรณีที่ทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะยื่นเรื่องอุทธรณ์อีกครั้งในวันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม นี้ว่า ทางโจทก์หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนำหลักฐานการละเมิดของกลุ่มพันธมิตรฯ หลังจากศาลออกคำสั่งมาแสดงให้เห็นว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งใจดื้อแพ่ง และโจทก์ต้องเกาะติดไปตลอดไม่ว่าทางฝ่ายกลุ่มพันธมิตรฯ จะฟ้องกี่ศาลต่อกี่ศาลก็ตาม
หากมองในแง่นักกฎหมายแล้ว ถือว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ยังมองไม่เห็นบทสรุป ยังมองทางลงของกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้ เพราะกลุ่มดังกล่าวมีท่าทีสร้างให้ยืดเยื้ออยู่แล้ว แต่หากถามถึงชัยชนะของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าเป็นอย่างไร ก็อาจเป็นไปได้ว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ต้องการให้เกิดการปะทะกัน ให้มีเลือดตกยางออก ถึงจะเป็นที่พอใจและชัยชนะของกลุ่มพันธมิตรฯ

นายทองใบ ทองเปาด์ ทนายความแมกไซไซ แสดงความเห็นส่วนตัวกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ตีความคำสั่งศาลว่า ต้องเปิดการจราจรและงดใช้เครื่องขยายเสียงในช่วงเวลา 07.30-16.30 น. ว่า ศาลมีคำสั่งอย่างไรก็ต้องทำตามนั้น ใครไม่ทำตามต้องถือว่าละเมิดคำสั่งศาล แต่หากพันธมิตรฯ อ้างว่าตีความตามความเข้าใจก็สามารถทำได้

ขณะเดียวกัน ครูและนักเรียนโรงเรียนราชวินิตมัธยม ได้ส่งทนายความร้องศาลขอตั้งพนักงานบังคับคดี เพื่อดำเนินการตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เนื่องจากพันธมิตรฯ ยังชุมนุมกันต่อเนื่องและปิดถนนอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนกับคำสั่งศาล

“บุญสร้าง” แนะพันธมิตรฟังศาล
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์กรณีเดียวกันว่าทุกฝ่ายก็จะต้องฟังคำสั่งศาล จะไปบอกว่าศาลเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ ถ้าไม่เชื่อฟังคำสั่งศาล สังคมจะหมดท่า ทุกคนจะต้องทราบ และเคารพ เพราะถือว่าศาลเป็นสถาบันที่จะต้องเชื่อฟัง เพราะคำสั่งศาลถือเป็นที่สิ้นสุดแล้วของบ้านเมือง ต้องให้ความเคารพเชื่อฟังเป็นกติกา ถึงจะไม่ชอบก็จะต้องปฏิบัติตาม ถ้าไม่ปฏิบัติตามก็จะเป็นตัวอย่างของคนทั้งหลาย และบ้านเมืองจะไม่มีอะไรศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้นอะไรที่ศักดิ์สิทธิ์ก็ควรจะรักษาเอาไว้ให้มากที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนกลุ่มพันธมิตรฯ จะไม่เชื่อฟัง และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า "เรื่องนี้เขาคงมีวิธีการว่าจะทำอย่างไร เราเป็นทหารเราก็จะต้องเชื่อฟังในสิ่งที่เขาบัญญัติไว้ สิ่งที่ยกย่องเราก็จะต้องยกย่อง ไม่ใช่ว่าเราจะไปทำอะไรให้มันต่ำลงไปหมดบ้านเมืองก็จะเดือดร้อน" เมื่อถามว่า ปัญหาในบ้านเมืองขณะนี้จะหาทางลงได้หรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า การจะลงหรือไม่ลงมันอยู่ที่คนที่จะลงหรือไม่ลง เรื่องนี้ในฐานะ ผบ.ทหารสูงสุด ตนไม่สามารถพูดได้ ถ้าจะพูดก็พูดได้น้อยกว่าประชาชน ไม่ใช่ว่าจะพูดอะไรก็ได้

เล่นแง่ขอบรรทัดฐานการชุมนุม
ขณะที่บรรดาแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ยังคงมีท่าทีเช่นเดิม คือปากก็ออกมาพูดว่าพร้อมทำตามคำสั่งศาล แต่ก็พยายามตะแบงและหลบเลี่ยงอยู่ตลอดเวลา

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การเปิดถนนของกลุ่มพันธมิตรฯ นั้นถูกต้องตามคำสั่งของศาลแล้ว โดยในวันที่4 ก.ค. การไต่สวนคดีที่มีการร้องขอให้พันธมิตรฯ เปิดถนนตลอด 24 ชั่วโมงนั้น พันธมิตรฯ ก็จะไปให้การ และไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ในวันจันทร์ก็พร้อมที่จะน้อมรับคำตัดสินของศาล ทั้งนี้ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ขอให้คู่ความจบที่คำสั่งของศาลด้วย เพราะเชื่อว่าอาจจะไม่ยุติง่ายๆ เนื่องจากมีการเมืองอยู่เบื้องหลัง แต่การตัดสินหลายๆ คดีในเดือนนี้ น่าจะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้น ส่วนกรณีที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นเวทีและใช้เครื่องขยายเสียงในเวลาต้องห้ามนั้น พล.ต.จำลอง จะไปชี้แจงกับตำรวจด้วยตัวเองในวันพรุ่งนี้

นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ประเด็นใหญ่ที่จะอุทธรณ์คือ เรื่องเสรีภาพการชุมนุมเปิดเผยโดยปราศจากอาวุธ ตามมาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญ ว่ามีขอบเขตแค่ไหน อย่างไร เพราะหากคำสั่งของศาลแพ่งเป็นบรรทัดฐาน ต้องนึกถึงภาพการชุมนุมในอนาคต ถ้ามีคนร่วมเป็นหมื่นหรือแสนคน การจะปิดถนนหรือใช้เครื่องขยายเสียงอาจจะทำไม่ได้เลยหากใช้ประเด็นนี้เป็นบรรทัดฐาน

ท้าทายประกาศงัด “ดาวกระจาย”
นอกจากนี้ หลักปฏิบัติกับหลักกฎหมายควรจะไปด้วยกัน เช่น กลุ่มชุมนุมเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยจึงปิดถนน เนื่องจากมีการแฝงตัวจากฝ่ายตรงข้ามเข้ามาตลอดเวลา แต่ศาลบอกว่าไม่ใช่เหตุผลทางกฎหมาย รวมทั้งเรื่องของเขตอำนาจศาลว่าควรเป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลแพ่ง เพื่อหาข้อยุติที่ชัดเจน ท้ายที่สุดหากจะมีการยืนยันคำสั่งเดิม ก็ขอให้ได้ข้อยุติที่เป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย วางบรรทัดฐานไม่ให้เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 63 เป็นหมันไป

ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ย้ำ การเปิดการจราจรบริเวณที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ สะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบฯและ ถ.พิษณุโลก พันธมิตรฯเคารพและปฏิบัติตามคำสั่งของศาลแพ่งอย่างเคร่งครัด ศาลตัดสินอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น ขณะที่ยุทธการดาวกระจาย จะดำเนินการอย่างไรนั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่จะมีกิจกรรมดังกล่าวภายใน 3-4 วันนี้ อย่างแน่นอน คงจะต้องรอการประชุม 5 แกนนำพันธมิตรก่อน ทั้งนี้ รวมไปถึงกรณีที่พันธมิตรอาจมีการนัดชุมนุมใหญ่หรือ ยุทธการเป่านกหวีด ในวันอาทิตย์นี้หรือไม่ด้วย