WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, July 2, 2008

ยัง “ดื้อแพ่ง”

คอลัมน์: บทบรรณาธิการ

สังคมคนหมู่มากย่อมต้องมีกฎเกณฑ์ กติกา เป็นที่ตั้ง มีกระบวนการยุติธรรมเป็นหลักชัย เพื่อใช้ขจัดข้อพิพาท ข้อขัดแย้ง ที่เกิดในสังคม ในการควบคุมพฤติกรรมของมนุษย์ และมีสภาพบังคับใช้

ศาลแพ่ง ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคดี หมายเลขดำที่ 3604/2551 เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2551 ระหว่าง นางวรรธนันท์ พรวนต้นไทร เป็นโจทก์ที่ 1 กับพวกรวม 10 คน และมีจำเลยคือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับพวกรวม 6 คน ขอคุ้มครองชั่วคราวกรณีฉุกเฉิน

“…อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254 (2) จึงมีคำสั่งให้จำเลยทั้งหกกับพวกเปิดพื้นที่จราจรบนถนนพระราม 5 และถนนพิษณุโลก ให้โจทก์ทั้งสิบ รถยนต์โดยสารสาธารณะ (รถเมล์) และประชาชนสามารถผ่านไปมาได้โดยสะดวก และห้ามมิให้จำเลยทั้งหกกับพวก ใช้เครื่องขยายเสียงในลักษณะที่เป็นการรบกวนการเรียนการสอนของโรงเรียนราชวินิตมัธยม ในวันจันทร์ถึงศุกร์ ระหว่างเวลา 07.30-16.30 นาฬิกา ไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าคดีจะถึงที่สุด หรือศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น คำขออ่านนอกจากนี้ ให้ยกให้คำสั่งศาลนี้มีผลทันที”

คำพิพากษาที่เกิดขึ้นมานี้ ถือเป็นหลักประกันที่ดีให้กับประชาชน ที่ได้รับผลกระทบ ได้รับความเดือดร้อน อันเนื่องจากการชุมนุมของ “กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ซึ่งเกิดขึ้นมายาวนานกว่า 38 วันแล้ว ทั้งที่จริงแล้ว มีความเดือดร้อนที่แจ้งไปยังตำรวจอีก 400 เรื่องด้วยกัน ซึ่ง ตำรวจ ในฐานะพนักงานชั้นต้นของกระบวนการยุติธรรม ยังไม่ได้ทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน มัวแต่ไป ล้อมรั้วปกป้องกลุ่มผู้ชุมนุม โดยละทิ้งความเดือดร้อนของประชาชนกลุ่มอื่นๆ ที่ไปร้องเรียนก่อนหน้านี้

หากจะพิจารณา คำพิพากษานี้ได้ระบุชัดเจน ถึงสิทธิเสรีภาพของการชุมนุม ที่ได้กำหนดในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2550 ที่กลุ่มคนพวกนี้ออกมาปกป้องนักปกป้องหนาว่า เป็นฉบับที่ดีเลิศประเสริฐศรี จะแก้ไขก็แก้ไขไม่ได้ ศาลแพ่งท่านได้ระบุไว้อย่างชัดเจน

“…แม้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 63 วรรคหนึ่ง จะบัญญัติว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ” และวรรคสองบัญญัติว่า “การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้...” แต่บทบัญญัติในวรรคสองดังกล่าวก็มีข้อยกเว้นไว้ว่า “...เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะในกรณีการชุมนุมสาธารณะ และเพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ...” ซึ่งหมายความว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ และรัฐจะจำกัดเสรีภาพในการชุมนุมดังกล่าวมิได้ เว้นแต่เฉพาะในกรณีการชุมนุมสาธารณะ หากการชุมนุมนั้นทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน เกินที่ควรคิดหรือเกินความคาดหมายได้ว่า เป็นไปตามปกติและเหตุอันควร บทบัญญัติรัฐธรรมนูญดังกล่าวจึงบัญญัติยกเว้นไว้ในทำนองว่า ให้จำกัดเสรีภาพในการชุมนุมนั้นได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ”

คำพิพากษาของศาลแพ่ง ที่ได้เมตตาเขียนเหตุผลด้านต่างๆ อธิบายความให้แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งหมายถึง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับพวกรวม 6 คน และผู้คนในบ้านเมือง 63 ล้านคน ได้นำไปทำความเข้าใจเอาไว้อย่างชัดเจน

จึงไม่มีประโยชน์ใดๆ จากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ในการที่จะใช้เทคนิคทางกฎหมายมาชะลอการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาคุ้มครองชั่วคราว ตามที่ศาลแพ่งได้เมตตากรุณาตัดสินข้อพิพาทนี้

คำพิพากษานี้มีความชัดเจน คือให้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดถนนให้ผู้คนสัญจรไปมาได้โดยสะดวก ซึ่งไม่ได้กำหนดเวลา นั่นหมายถึงทั้งกลางวันและกลางคืน และ ห้ามใช้เครื่องขยายเสียงในเวลา 07.30-16.30 น. ในวันจันทร์-วันศุกร์

ใครก็ตามที่ไม่ยอมรับและทำตามคำพิพากษาศาลแพ่ง ในการคุ้มครองฉุกเฉิน ทั้งกาย วาจา ใจ นั่นแหละที่จะทำให้ผู้คนในสังคมเห็นได้ว่า เขาเหล่านั้นมีนิสัยเป็นอย่างไร อยู่ในแวดวงพระก็ไม่รับกฎของสงฆ์ มีเรื่องราวใหญ่โตกับมหาเถรสมาคม มาอยู่เป็นคน ก็ทำให้สังคมปั่นป่วนแตกแยก เพราะไม่รับกฎเกณฑ์กติกาประชาธิปไตย นี่แหละคนที่ไปสนับสนุนจะได้หูตาสว่างกันเสียที...