* ข้ออ้างม.63ฟังไม่ขึ้น-ชี้ต้องคุ้มครองปชช.
“พันธมิตร” หน้าแหก ศาลยกคำร้อง ที่ขอให้เพิกถอนความคุ้มครองกรณีบรรเทาความเดือดร้อนของครู-นักเรียน และประชาชน ให้เปิดเส้นทางจราจรบนถนนพระราม 5 และพิษณุโลก รวมถึงการงดใช้เครื่องขยายเสียงในเวลาเรียน รอดูสัจจะ “จำลอง ศรีเมือง” แถลงกลางศาล หากไม่ยกเลิกคำสั่งและจะไม่มีการชุมนุมเกิดขึ้นอีกในประเทศไทย ด้านทนายความนักเรียนราชวินิตมัธยม เข้าชี้แจงศาลแพ่งอีกครั้งกรณีที่ม็อบยังดื้อด้าน ทำตามคำสั่งศาลไม่ครบถ้วน จ่อส่งเรื่องให้พนักงานบังคับคดีจัดการขั้นเด็ดขาด หากยังตะแบงมีสิทธิ์เจอคุก ด้านตำรวจเชื่อคนมีการศึกษาน่าจะพูดจาเข้าใจง่ายๆ
* รอดูสัจจะ“จำลอง”แถลงต่อศาลจะเลิกชุมนุม
จากกรณีที่ศาลแพ่งได้มีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉินเป็นการชั่วคราว ตามที่ครูและนักเรียนโรงเรียนราชวินิตมัธยมร้องถึงความเดือดร้อนและผลกระทบจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยศาลแพ่งมีคำสั่งให้จำเลยทั้ง 6 คน ซึ่งเป็นแกนนำพันธมิตรฯ เปิดเส้นทางถนนพระราม 5 และถนนพิษณุโลก ให้รถประจำทางและประชาชนทั่วไปสัญจรได้โดยสะดวก พร้อมทั้งให้งดการใช้เครื่องขยายเสียงในช่วงเวลาที่มีการเรียนการสอน
โดยที่กลุ่มพันธมิตรฯ ก็ยังคงดื้อแพ่งเปิดเส้นทางจราจรเพียงบางช่องทางและบางเวลา รวมทั้งได้ยื่นขอให้ศาลแพ่งเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองดังกล่าว โดยอ้างสิทธิการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 รวมทั้งยังกล่าวหาว่าการร้องของครูและนักเรียนดังกล่าว มีการเมืองอยู่เบื้องหลัง ไม่ได้เกิดจากความเดือดร้อนที่แท้จริงนั้น
พันธมิตรหน้าแหกศาลยกคำร้อง
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำสั่งผลการไต่สวนฉุกเฉินกรณี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วย นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความแกนนำพันธมิตรฯ และ นายนิติธร ล้ำเหลือ กรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเพื่อขอไต่สวนฉุกเฉินให้ศาลระงับหรือแก้ไขคำสั่งเพื่อให้พันธมิตรฯ เปิดถนนพระราม 5 และถนนพิษณุโลก ตามคำร้องของครูและคณะผู้ปกครองโรงเรียนราชวินิตมัธยม ที่ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เมื่อ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา
โดยศาลพิเคราะห์คำเบิกความในชั้นไต่สวนของจำเลยแล้ว เห็นว่าที่จำเลยขอให้ศาลยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้เปิดถนน โดยกล่าวว่าเป็นคำสั่งที่ผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 63 เรื่องการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการชุมนุม ศาลเห็นว่าการที่ศาลมีคำสั่งดังกล่าว ไม่ได้เป็นการห้าม หรือจำกัดสิทธิเสรีภาพในการชุมนุม แต่เป็นการสั่งให้มีการเปิดการจราจร บนถนน เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรไปมาได้ เป็นการปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตามมาตรา 63 เช่นกัน
ส่วนที่จำเลยอ้างว่า สาเหตุที่ต้องปิดกั้นถนนโดยรอบสถานที่ชุมนุม เนื่องจากเกรงว่าจะมีกลุ่ม นปก.เข้ามาก่อเหตุทำร้ายประชาชน ที่เข้าร่วมชุมนุม ศาลเห็นว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เหตุผลทางกฎหมายที่จะยกมากล่าวอ้าง เพื่อให้ศาลมีคำสั่งเปลี่ยนเปลงคำสั่งเดิม จึงมีคำสั่งยกคำร้อง
ทนายม็อบจ่อยื่นตีความคำสั่งศาล
ด้าน นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรฯ กล่าวภายหลังศาลแพ่งมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินของฝ่ายพันธมิตรฯ ว่า ขั้นตอนต่อไปตนกำลังคัดสำเนาคำพิพากษาเพื่อนำไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะเชื่อว่าคำวินิจฉัยในวันนี้ไม่ตรงตามเจตนารมณ์กฎหมายรัฐธรรมนูญ แล้วอย่างนี้การใช้สิทธิชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธตามรัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นไม่ได้เพราะถูกกฎหมายแพ่งครอบงำ
นายสุวัตร ยืนยันว่า หลังเวลา 16.30 น. ในวันจันทร์ถึงศุกร์ การชุมนุมยังคงเป็นไปตามปกติ สามารถปิดถนนและใช้เครื่องขยายเสียงได้ ส่วนเสาร์-อาทิตย์ สามารถชุมนุมได้ทั้งวัน
รอดูคำสัตย์”จำลอง”ยกเลิกชุมนุม
อย่างไรก็ตามก่อนหน้าที่ศาลจะมีวินิจฉัยยกคำร้อง กลุ่มพันธมิตรฯ ได้เข้าเบิกความเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดย พล.ต.จำลอง ได้ขึ้นเบิกความว่ามูลเหตุของการชุมนุมเนื่องมาจากรัฐบาลต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 237 และ 309 เพื่อขัดขวางองค์กรอิสระไม่ให้ดำเนินการตรวจสอบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และหนีคดียุบพรรครวมทั้งทำให้กลุ่มอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี กลับเข้าสู่เส้นทางการเมืองได้
“สาเหตุที่ต้องปิดถนนโดยรอบสถานที่ชุมนุม เนื่องจากต้องดูแลความปลอดภัยให้ผู้ชุมนุม หลังจากมีกลุ่ม นปก. ซึ่งมีพฤติกรรมเป็นอันธพาลทำร้ายประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุม ซึ่งทนายจำเลยได้นำส่งแผ่นวีซีดีบันทึกภาพเหตุการณ์ที่กลุ่มต่อต้านไล่ทำร้ายพันธมิตรฯ ให้ศาลพิจารณาแล้ว”
พล.ต.จำลอง ยังเบิกความอีกว่า หากศาลไม่อนุญาตตามคำร้องฝ่ายจำเลย ขอยืนยันว่าในอนาคตจะไม่มีการชุมนุมเกิดขึ้นในประเทศไทยอีกแน่นอน เพราะการที่โจทก์ร้องขอต่อศาลให้เปิดถนนเท่ากับว่าเป็นการขอให้ยุติการชุมนุม ซึ่งศาลจะพิจารณามีคำสั่งอย่างไรก็รับได้ และหากศาลยกคำร้องของฝ่ายจำเลยก็รู้สึกดีใจที่จะได้กลับบ้าน ไม่ต้องมาลำบากบนท้องถนนอีก แต่หากศาลมีคำสั่งที่เป็นประโยชน์ต่อพันธมิตรฯ ก็จะทำหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมืองต่อไป
ม็อบดื้อส่อเข้าข่ายละเมิดศาล
ขณะเดียวกันในส่วนของทนายความครู นักเรียนโรงเรียนราชวินิตมัธยม ก็ได้เดินทางไปยังศาลแพ่งอีกครั้ง โดยนายธนชาติ ธรรมโชติ ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนราชวินิตมัธยม ให้สัมภาษณ์ว่า ได้เดินทางไปที่ศาลแพ่งเพื่อชี้แจงให้ศาลได้รับทราบถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ยังเพิกเฉยไม่ยอมเปิดถนนพิษณุโลกเป็นการถาวร ยังพยายามเปิดช่องทางเดินรถเป็นบางส่วนและเปิดเป็นเวลา ซึ่งดูเหมือนเป็นการจงใจขัดเจตนาของศาลที่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวแล้ว
โดยตนได้ยื่นขอให้ดำเนินการบังคับคดีเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางศาลจะสั่งไปยังเจ้าพนักงานบังคับคดี ให้เร่งไปประสานกับทางจำเลยให้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลอย่างเคร่งครัด ซึ่งที่ตนได้ดำเนินการในครั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ส่วนรวมที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องใช้เส้นทางดังกล่าวในการสัญจรกลับบ้านหรือไปทำงาน ซึ่งการที่พันธมิตรฯ ยังทำตัวละเมิดศาลอยู่นั้นเป็นการ ทำให้ประชาชนยังคงได้รับความเดือดร้อนอยู่เช่นเดิม
นศ.ป.โท จ่อร้องศาลคุ้มครองเพิ่ม
ซึ่งศาลได้รับทราบจากที่ตนได้มีการยื่นของบังคับคดีแล้ว ตนคิดว่าคงจะมีการดำเนินการโดยเร็วอย่างแน่นอน หากพันธมิตรฯยังคงปฏิบัติเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ศาลอาจจะพิจารณาว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ ซึ่งอาจหนักถึงขั้นสั่งจำคุกก็เป็นได้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลด้วย
นายธนชาติ กล่าวต่ออีกว่า หลังจากที่ตนได้ดำเนินการขอให้ศาลพิจารณาให้คุ้มครองชั่วคราวสำเร็จแล้วยังมีนักศึกษาปริญญาโท ของสถาบันใกล้เคียงที่ต้องเรียนหนังสือเวลากลางคืนได้รับความเดือดร้อนอย่างมากเช่นกัน มาปรึกษาว่าจะดำเนินการร้องขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อขอความคุ้มครองบ้างเช่นกัน ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมการและรอดูสถานการณ์อีกสักพัก
ตร.เตรียมเจรจาเปิดถนน 24 ชม.
ด้าน พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวภายหลังศาลแพ่งมีคำสั่งยกคำร้องของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวกรณีให้กลุ่มพันธมิตรฯ เปิดการจราจร และงดใช้เครื่องขยายเสียง ว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเข้าทำความเข้าใจกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าจะต้องมีการเปิดการจราจรบนถนนพิษณุโลกและพระราม 5 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้รถสัญจรได้ตามปกติ
ตนเชื่อมั่นว่าแกนนำจะปฏิบัติตามคำสั่งศาล และกติกาของสังคม เนื่องจากทุกคนเป็นคนดี มีการศึกษาและรักประเทศชาติ ส่วนการรื้อเวทีปราศรัยเป็นเรื่องของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่จะต้องดำเนินการ แต่พื้นผิวการจราจรต้องเปิดทั้งหมด ไม่ให้มีสิ่งกีดขวาง และหากกลุ่มพันธมิตรฯ จะใช้วิธีดาวกระจายเคลื่อนไปตามสถานที่ต่างๆ ก็ไม่รู้สึกเป็นห่วง ตำรวจได้เตรียมและปรับแผนรองรับสถานการณ์ไว้แล้ว
"ไชยวัฒน์" กล่าวหา ตร. จ้องรื้อเวที
ขณะที่ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ประธานสมัชชาประชาชนภาคอีสานฯ หนึ่งในแนวร่วมคนสำคัญของเวทีพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีที่ศาลยกคำร้องว่า ระหว่างที่ศาลมีคำวินิจฉัยคุ้มครองฉุกเฉินนั้นตนอยู่ต่างจังหวัด ซึ่งชาวบ้านในต่างจังหวัด ก็ยังฝากตนมาบอกว่า ให้สู้จนถึงที่สุด เพื่อความถูกต้องของบ้านเมือง ทั้งนี้ตนมองเจตนาของศาลว่า การชุมนุมที่ ถนนนางเลิ้ง อาจจะกระทบต่อการเรียนการสอนของโรงเรียน ศาลจึงเมตตา ให้หยุดการชุมนุมและใช้เครื่องขยายเสียง ระหว่างเวลา 07.30-16.30 น.
อย่างไรก็ตาม ตนในฐานะเป็นนักกฎหมายมีความเห็นส่วนตัวว่า น่าจะลดพื้นที่การชุมนุมลง และหันเครื่องขยายเสียงมาที่ถนนพิษณุโลก อย่างเดียว หากทำแบบนี้ได้ศาลก็น่าจะมีคำสั่งใหม่ เพราะที่มีปัญหานั้น คือถนนนางเลิ้ง มีสถานศึกษาหลายแห่ง นอกจากนี้ศาลยังไม่ได้สั่งให้รื้อถอนเวที ตำรวจจะใช้ดุลพินิจ แปลความเกินศาลได้อย่างไร หน้าที่ที่ควรทำตำรวจไม่ทำ กลับทำเกินหน้าที่ อย่างนี้ตำรวจไทยจะเอาอย่างไร เรื่องนี้ตำรวจอย่ากินยาผิด อย่าทำตัวเหมือน มท.1 อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วคงขึ้นอยู่กับ 5 แกนนำว่าจะตัดสินใจอย่างไร