คอลัมน์: โต๊ะข่าวประชาทรรศน์
แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อ้างรัฐธรรมนูญกันจนเปรอะ ที่ว่าเปรอะนั้น ก็เพราะมีความพยายามจะให้เกิดประโยชน์กับกลุ่มของตัวเองเท่านั้น จนมองข้ามความคุ้มครองที่คนอื่นควรได้รับตามรัฐธรรมนูญด้วยเหมือนกัน
เมื่อศาลแพ่งมีคำสั่งออกมา กลุ่มพันธมิตรฯ ก็ยังดื้อด้าน ยื่นคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉิน หวังให้ศาลยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ที่ให้เปิดเส้นทางให้มีการสัญจรไปมาอย่างสะดวก และการงดใช้เครื่องขยายเสียงในเวลาที่มีการทำการเรียนการสอน ตามคำร้องขอของนักเรียนและครูโรงเรียนราชวินิตมัธยม ที่ได้รับความเดือดร้อน ได้รับความไม่สะดวก อันเป็นผลกระทบจากการชุมนุม
ผลคือ ศาลยกคำร้องที่จำเลยขอให้ศาลยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้เปิดถนน โดยระบุว่า เป็นคำสั่งที่ผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 63 เรื่องการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการชุมนุม
ศาลเห็นว่า การที่ศาลมีคำสั่งดังกล่าว ไม่ได้เป็นการห้ามหรือจำกัดเสรีภาพ แต่เป็นการสั่งให้มีการเปิดการจราจรบนถนนเพื่อให้ประชาชนสัญจรไปมาได้ เป็นการปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตามมาตรา 63 เหมือนกัน
และที่อ้างว่าต้องปิดถนนโดยรอบที่ชุมนุม เนื่องจากเกรงว่า กลุ่ม นปก. จะมาก่อเหตุทำร้ายประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมนั้น ศาลเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เหตุผลทางกฎหมายที่ยกมากล่าวอ้าง
นี่ถือเป็นการถูกตบหน้าฉาดใหญ่ อันเป็นผลมาจากการที่มักทำอะไรเอาแต่ใจตัวเองจนเคยตัว ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขบวนการจ้องล้มรัฐบาล ที่ออกมาชุมนุมประท้วงอย่างสะเปะสะปะ ไร้ทิศทาง หาจุดหมายไม่เจอ ได้แต่ควานหาประเด็นมาโจมตีรัฐบาลไปวันๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่า วันนี้ทำให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองตามมาแล้ว
แทนที่จะเกิดความสำนึก รู้ผิดรู้ถูก กลับ “ดิ้น” ที่จะให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีก
หลายคนในกลุ่มเริ่มถอดใจ คิดแยกตัวออกมา กลับไปบ้านใครบ้านมันกันแล้ว
โอกาสที่รัฐบาลจะได้ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ตามที่ได้แถลงนโยบายไว้ต่อสภาก็ต้องสะดุดไป
สิ่งที่ถูกวางเป็นนโยบายเร่งด่วน เพื่อฟื้นสภาพเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ที่เป็นผลงานอัปยศของรัฐบาล คมช. ทิ้งเอาไว้
ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มศักยภาพกองทุนหมู่บ้าน การจัดสรรงบประมาณตามขนาดประชากร หรือที่เรียกว่า เอสเอ็มแอล ให้ครบทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน สานต่อธนาคารประชาชน สนับสนุนสินเชื่อให้ผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อม และวิสาหกิจชุมชน การพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและยากจน เอาแค่นี้แหละเป็นตัวอย่าง
ถามว่า เมื่อรัฐบาลได้ทำเรื่องเหล่านี้ ใครได้ประโยชน์ ถ้าไม่ใช่พี่น้องประชาชนที่รอคอยโอกาสนี้อยู่ ประชาชนที่เลือกให้รัฐบาลมาบริหารประเทศ มาแก้ปัญหา มาสร้างคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาให้ดีขึ้น
แต่...รัฐบาลก็ถูกกลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งหน้าตั้งตาขับไล่ เป็นกำแพงที่มาขวางการทำงานเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้เป็นไปอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทั้งๆ ที่มีความพร้อม ให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจให้เข้ามาทำหน้าที่
ปรากฏการณ์ “หน้าแตก” ของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ศาลยกคำร้องในครั้งนี้ ควรที่จะฉุกคิดได้แล้วว่า สิ่งที่กลุ่มพันธมิตรฯ ทำไปนั้น ถูกต้องเหมาะสมหรือไม่อย่างไร
การช่วงชิงอำนาจและหาผลประโยชน์ที่ทำมานั้น มีใครสักกี่คนที่ยอมรับ เมื่อเทียบกับความเสียหายที่ประเทศชาติได้รับ
มีการคาดการณ์กันว่า กลุ่มพันธมิตรฯ จะเก็บฉากกลับไปในเวลาอีกไม่นานนัก เพราะพี่น้องประชาชนที่มีความเป็นธรรมในหัวใจ ต้องการเห็นความสงบเรียบร้อยเกิดขึ้นในสังคม
ได้เห็นถึงธาตุแท้และสันดานของกลุ่มคนที่มาสร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นในสังคม
วันนี้ความปรองดองสมานฉันท์ เป็นสิ่งที่ต้องทำให้เกิดขึ้น ให้เห็นเป็นรูปธรรม เป็นจริงโดยเร็วที่สุด เพื่อมาร่วมกันแก้ปัญหาของชาติ สร้างเสถียรภาพทั้งด้านการเมืองการปกครอง สังคม และเศรษฐกิจ ที่บอบช้ำหนักไปจากที่รัฐบาล คมช. ทิ้งไว้ให้เสียอีก
ประโยชน์สุขก็จะต้องเกิดกับประชาชนโดยรวม จึงไม่มีเหตุผลที่จะหาเรื่อง หรือสร้างสถานการณ์ให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นในสังคมอีก นอกเสียจากว่ามี “เจตนาพิเศษ” ที่แอบแฝงอยู่
การที่ออกมาประกาศในการชุมนุมประท้วงว่าเป็นการ “กู้ชาติ” นั้น จะเป็นไปได้จริงหรือ เพราะพฤติกรรมมันสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง นอกเสียจากจะเป็นการ “กู้ชื่อ” เพื่อให้ชื่อเสียงเรียงนามยังคงติดปากคุ้นหูพรรคพวกของตัวเองเท่านั้น
ถ้าอย่างนั้นคงไม่ต่างอะไรกับการที่ สุนัขเอาหนังสิงโตมาคลุมเอาไว้ พวกมองผิวเผินไม่ใช้วิจารณญาณ ก็อาจเข้าใจผิดได้
เพราะที่จริงเป็นเพราะ ขี้เรื้อนเต็มตัว จึงต้องปกปิดความจริงที่น่าอดสูนี้ก็เท่านั้น
บิ๊กโบ๊ต