WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, July 3, 2008

พอที...พันธมิตร

คอลัมน์: โต๊ะข่าวประชาทรรศน์

แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อ้างรัฐธรรมนูญกันจนเปรอะ ที่ว่าเปรอะนั้น ก็เพราะมีความพยายามจะให้เกิดประโยชน์กับกลุ่มของตัวเองเท่านั้น จนมองข้ามความคุ้มครองที่คนอื่นควรได้รับตามรัฐธรรมนูญด้วยเหมือนกัน
เมื่อศาลแพ่งมีคำสั่งออกมา กลุ่มพันธมิตรฯ ก็ยังดื้อด้าน ยื่นคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉิน หวังให้ศาลยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ที่ให้เปิดเส้นทางให้มีการสัญจรไปมาอย่างสะดวก และการงดใช้เครื่องขยายเสียงในเวลาที่มีการทำการเรียนการสอน ตามคำร้องขอของนักเรียนและครูโรงเรียนราชวินิตมัธยม ที่ได้รับความเดือดร้อน ได้รับความไม่สะดวก อันเป็นผลกระทบจากการชุมนุม

ผลคือ ศาลยกคำร้องที่จำเลยขอให้ศาลยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้เปิดถนน โดยระบุว่า เป็นคำสั่งที่ผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 63 เรื่องการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการชุมนุม

ศาลเห็นว่า การที่ศาลมีคำสั่งดังกล่าว ไม่ได้เป็นการห้ามหรือจำกัดเสรีภาพ แต่เป็นการสั่งให้มีการเปิดการจราจรบนถนนเพื่อให้ประชาชนสัญจรไปมาได้ เป็นการปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตามมาตรา 63 เหมือนกัน

และที่อ้างว่าต้องปิดถนนโดยรอบที่ชุมนุม เนื่องจากเกรงว่า กลุ่ม นปก. จะมาก่อเหตุทำร้ายประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมนั้น ศาลเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เหตุผลทางกฎหมายที่ยกมากล่าวอ้าง

นี่ถือเป็นการถูกตบหน้าฉาดใหญ่ อันเป็นผลมาจากการที่มักทำอะไรเอาแต่ใจตัวเองจนเคยตัว ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขบวนการจ้องล้มรัฐบาล ที่ออกมาชุมนุมประท้วงอย่างสะเปะสะปะ ไร้ทิศทาง หาจุดหมายไม่เจอ ได้แต่ควานหาประเด็นมาโจมตีรัฐบาลไปวันๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่า วันนี้ทำให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองตามมาแล้ว

แทนที่จะเกิดความสำนึก รู้ผิดรู้ถูก กลับ “ดิ้น” ที่จะให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีก

หลายคนในกลุ่มเริ่มถอดใจ คิดแยกตัวออกมา กลับไปบ้านใครบ้านมันกันแล้ว

โอกาสที่รัฐบาลจะได้ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ตามที่ได้แถลงนโยบายไว้ต่อสภาก็ต้องสะดุดไป
สิ่งที่ถูกวางเป็นนโยบายเร่งด่วน เพื่อฟื้นสภาพเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ที่เป็นผลงานอัปยศของรัฐบาล คมช. ทิ้งเอาไว้

ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มศักยภาพกองทุนหมู่บ้าน การจัดสรรงบประมาณตามขนาดประชากร หรือที่เรียกว่า เอสเอ็มแอล ให้ครบทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน สานต่อธนาคารประชาชน สนับสนุนสินเชื่อให้ผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อม และวิสาหกิจชุมชน การพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและยากจน เอาแค่นี้แหละเป็นตัวอย่าง

ถามว่า เมื่อรัฐบาลได้ทำเรื่องเหล่านี้ ใครได้ประโยชน์ ถ้าไม่ใช่พี่น้องประชาชนที่รอคอยโอกาสนี้อยู่ ประชาชนที่เลือกให้รัฐบาลมาบริหารประเทศ มาแก้ปัญหา มาสร้างคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาให้ดีขึ้น

แต่...รัฐบาลก็ถูกกลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งหน้าตั้งตาขับไล่ เป็นกำแพงที่มาขวางการทำงานเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้เป็นไปอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทั้งๆ ที่มีความพร้อม ให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจให้เข้ามาทำหน้าที่

ปรากฏการณ์ “หน้าแตก” ของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ศาลยกคำร้องในครั้งนี้ ควรที่จะฉุกคิดได้แล้วว่า สิ่งที่กลุ่มพันธมิตรฯ ทำไปนั้น ถูกต้องเหมาะสมหรือไม่อย่างไร

การช่วงชิงอำนาจและหาผลประโยชน์ที่ทำมานั้น มีใครสักกี่คนที่ยอมรับ เมื่อเทียบกับความเสียหายที่ประเทศชาติได้รับ

มีการคาดการณ์กันว่า กลุ่มพันธมิตรฯ จะเก็บฉากกลับไปในเวลาอีกไม่นานนัก เพราะพี่น้องประชาชนที่มีความเป็นธรรมในหัวใจ ต้องการเห็นความสงบเรียบร้อยเกิดขึ้นในสังคม

ได้เห็นถึงธาตุแท้และสันดานของกลุ่มคนที่มาสร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นในสังคม

วันนี้ความปรองดองสมานฉันท์ เป็นสิ่งที่ต้องทำให้เกิดขึ้น ให้เห็นเป็นรูปธรรม เป็นจริงโดยเร็วที่สุด เพื่อมาร่วมกันแก้ปัญหาของชาติ สร้างเสถียรภาพทั้งด้านการเมืองการปกครอง สังคม และเศรษฐกิจ ที่บอบช้ำหนักไปจากที่รัฐบาล คมช. ทิ้งไว้ให้เสียอีก

ประโยชน์สุขก็จะต้องเกิดกับประชาชนโดยรวม จึงไม่มีเหตุผลที่จะหาเรื่อง หรือสร้างสถานการณ์ให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นในสังคมอีก นอกเสียจากว่ามี “เจตนาพิเศษ” ที่แอบแฝงอยู่

การที่ออกมาประกาศในการชุมนุมประท้วงว่าเป็นการ “กู้ชาติ” นั้น จะเป็นไปได้จริงหรือ เพราะพฤติกรรมมันสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง นอกเสียจากจะเป็นการ “กู้ชื่อ” เพื่อให้ชื่อเสียงเรียงนามยังคงติดปากคุ้นหูพรรคพวกของตัวเองเท่านั้น

ถ้าอย่างนั้นคงไม่ต่างอะไรกับการที่ สุนัขเอาหนังสิงโตมาคลุมเอาไว้ พวกมองผิวเผินไม่ใช้วิจารณญาณ ก็อาจเข้าใจผิดได้

เพราะที่จริงเป็นเพราะ ขี้เรื้อนเต็มตัว จึงต้องปกปิดความจริงที่น่าอดสูนี้ก็เท่านั้น

บิ๊กโบ๊ต