ก็ไม่ได้เหนือการคาดหมายแต่อย่างใด กับชัยชนะของรัฐบาลในศึกอภิปรายไม่ไว้ วางใจที่ชัวร์ยิ่งกว่า “ไฮโลเปิดถ้วยแทง”
ถ้าฟ้าไม่ถล่มดินไม่ทลาย ยากที่ฝ่ายค้านจะชนะโหวตในสภาฯ
แต่ไฮไลต์มันอยู่ตรงนัยสำคัญที่สะท้อนผ่านตัวเลขคะแนนไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีคนอื่น แน่นปึ้กอยู่ที่ 246 เสียง ในขณะที่ตัวเลขของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ วูบเหลือแค่ 237 เสียง
หายไปเนื้อๆ 9 คะแนน
และหนึ่งในนั้นเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์เองคือ นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส. ปราจีนบุรี ที่แสดงท่าทีชัดเจนตั้งแต่ต้น และอีกคนก็เป็นเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลคือนายณัฐวุฒิ สุขเกษม ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย
งดออกเสียง แหกโผไม่โหวตให้
เอาเป็นแต้มที่หายไป ไม่ว่าจะออกตัว กู้หน้ากันยังไง แต่โดยนัยทางการเมือง ศักดิ์ศรีในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถึงจะผ่านเกมโหวตไปได้ แต่ถ้าได้เสียงไว้วางใจน้อยกว่ารัฐมนตรีคนอื่นแค่แต้มเดียวก็มีความหมาย
“กษิต” กลายเป็น “ลูกเป็ดขี้เหร่”
ยิ่งเป็นอะไรที่ก็รู้กันอยู่แก่ใจ เหตุที่แต้มหายเพราะนายกษิตเป็นรัฐมนตรี “เด็กฝาก” โควตาม็อบพันธมิตรฯ ที่คนของพรรคประชาธิปัตย์เองก็พะอืดพะอม
กับการอุ้มกระเตง “ตัวถ่วง” ล่อทั้งบาทาฝ่ายตรงข้าม และปฏิกิริยาต่อต้านจากพวกเดียวกันที่ไม่เอาด้วยกับม็อบพันธมิตรฯ
จากปรากฏการณ์แต้มหายของ “กษิต” ย้ำสถานะ “จุดอ่อน” ชัดเจน
โดน “ล่อเป้า” หนักขึ้นแน่
แต่ที่ส่อเค้าว่าจะ “เบาตัว” แนวโน้มอยู่เหนือการ “แตะต้อง” ก็คือคิวของ “ปู่จิ้น” นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่รอบนี้มีคะแนนโหวตไม่ไว้วางใจน้อยที่สุดแค่ 167 เสียง
น้อยกว่านายกฯอภิสิทธิ์และรัฐมนตรีคนอื่น
โดยตัวเลขงดออกเสียงถึง 20 คน เว้นคิวของนายสามารถ แก้วมีชัย กับ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี ในฐานะรองประธานสภาฯ และนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคเพื่อไทย ที่มีบุญคุณค้างเก่ากันมา
นอกนั้น 7 ใน 10 เสียงของพรรคเพื่อไทย ไล่ชื่อตั้งแต่นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. นายกิตติ สมทรัพย์ ส.ส.ร้อยเอ็ด นายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี นายนิรมิต สุจารี ส.ส.ร้อยเอ็ด นายประเสริฐ บุญเรือง ส.ส.กาฬสินธุ์ นายอดิศักดิ์ โภคกุลกานนท์ ส.ส.ระบบสัดส่วน
งดโหวตแบบ “มีงาน”
แต่ทั้งหมดทั้งปวง นอกจากเรื่องของ “งูเห่า” ที่เตรียมย้ายรังเข้าซบพรรคภูมิใจไทย โดยคิวของนายชวรัตน์ มันก็สัญญาณทะแม่งๆตั้งแต่ชื่อของ มท.1 ถูกยัดใส่บัญชีเชือดนาทีสุดท้าย โดยที่ “สารวัตรเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หัวหน้าทีมเชือดฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย ออกอาการเซ็งๆแบบเสียไม่ได้
นั่นก็เพราะเบื้องหลังมีการยัดชื่อของ “ปู่จิ้น” ทั้งๆที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ รวมถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ก็ไม่ได้เห็นดีเห็นงาม หรือมีอาการค้างคาใจแต่อย่างใด
โดยสัมพันธ์ครั้งเก่าที่ยังไว้ไมตรี
แต่ว่ากันว่า ด้วยข้อหา “พ่อเสี่ยหนู” ลูกติดพันอาการแค้นฝังหุ่นที่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่ เมืองหลวงพรรคเพื่อไทย หมั่นไส้ลูกชายคือนายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตลูกน้องรองบ่อน ที่หันไปจับมือกับศัตรูคู่อาฆาตอย่างนายเนวิน ชิดชอบ
ปาดหน้าขึ้นชั้นใหญ่กว่า “ลูกพี่เก่า”
แถมล่าสุดยังกลับมาฉกเอานางศุภมาส อิศรภักดี มวยเบอร์ต้นๆของทีมเมืองหลวง ไปเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย ต่อหน้าต่อตา
แค้นนี้มันเลยต้องสะสาง
แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นคิวของ “ปู่จิ้น” ที่ฉกแต้ม “งูเห่า” สะท้อนอาการ “นอตหลวม” ของพรรคเพื่อไทย ที่ออกทะเลไปกันคนละทาง
และถึงที่สุดเลย ก็ไม่เว้นแม้แต่ทีมเมืองหลวงของ “เจ๊หน่อย” เอง ที่ร่ำๆกำลังวางแผนอพยพหนีบ้านเก่าไปหาชายคาพรรคใหม่ เพื่อความอยู่รอด
ไม่กล้ากอดคอเสี่ยงตายกับ “นายใหญ่” เหมือนกัน.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน