WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, March 22, 2009

อภิปรายไม่ไว้วางใจแค่การเมือง"ยกแรก" "ชุมนุมใหญ่เสื้อแดง-โฟนอิน"ยกต่อไป

ที่มา เดลินิวส์

ตลอด 2 วันของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทยที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็น “หัวหอก” ไม่สามารถทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้แน่นอน นั่นเป็นเพราะ “ข้อมูล” ที่นำมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ ล้วนเป็นข้อมูลเก่า ที่เนื้อหาส่วนใหญ่ ล้วนเป็นเรื่องที่ปรากฏเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้แล้วทั้งสิ้น

จะมี “เข้าตา” ที่สุดก็กรณี “เงินบริจาค 258 ล้านบาท” ที่แม้จะเป็น “เรื่องเก่า” แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือเป็นเรื่องเก่าที่ “น่ากังขา” เป็นอย่างยิ่ง

ต้องยอมรับว่า การชี้แจงของ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง แม้จะไม่เกี่ยวกับการทำหน้าที่รัฐมนตรี แต่ในฐานะอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์นั้น ก็ไม่ได้ทำให้สังคมหายสงสัย แต่การชี้แจงช่วงสุดท้ายที่ระบุว่า

“ผมขอยืนยันว่าหากพบในภายหลังว่า ผมเข้าไปมีส่วนร่วมกระทำความผิดตามที่กล่าวว่า เพียงแค่ศาลรับฟ้องผมหรือหน่วยงานอิสระที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องชี้ว่ามีมูลว่าผมกระทำความผิด ผมยินดีที่จะยุติบทบาทและหน้าที่ทางการเมืองในทุกตำแหน่งทันที โดยไม่ต้องรอให้กระบวนการยุติธรรมขั้นสุดท้ายตัดสินเพราะผมมีสปิริตทางการเมืองเพียงพอ ทำไมผมถึงกล้าเอาชีวิตทางการเมืองของผมมารับรองเช่นนี้ก็เพราะผมมั่นใจในความบริสุทธิ์ของผมตลอดระยะเวลาในการทำงานทั้งเป็นฝ่ายค้านและรัฐบาล ผมไม่เคยมีพฤติกรรมอย่างที่ท่านกล่าวหาแม้แต่น้อย”

จะเป็นการ “ตัดตอน” ความรับผิดชอบเพื่อไม่ให้ถึงตัวนายอภิสิทธิ์ หรืออย่างไรไม่รู้ได้ แต่ที่นายประดิษฐ์ “แอ่นอก” พร้อมจะรับผิดชอบ หากผู้มีหน้าที่ตามกฎหมายไม่ว่าจะเป็น กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ คณะกรรมการการเลือกตั้ง จะ “ชี้มูล” ว่ามีความผิดจริงนั้นมันเปิดทางเพราะการแบไต๋ทางการเมืองออกมาเช่นนี้ แน่นอน “มือเชือด” อาชีพอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม ย่อมไม่ปล่อยให้ “โอกาสทอง” หลุดมือไปแน่

เพราะการจะหวังให้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทั้ง 5 คนต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยเสียง “ไม่ไว้วางใจ” นั้น ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน ลำพังเสียงพรรคเพื่อไทยที่มี 182 เสียงคงไม่สามารถทำอะไรรัฐบาลได้ เพราะอย่างไรเสียงไม่ไว้วางใจก็คงไม่เกิน “กึ่งหนึ่ง” หรือไม่เกิน 223 เสียงไปได้

เต็มที่ก็หวังจะให้เกิด “รอยร้าว” เกิดแรงกระเพื่อมในพรรคร่วมรัฐบาล จนนำไปสู่การปรับคณะรัฐมนตรี เพราะธรรมชาติของการอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกครั้งจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง และยิ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงมากเท่าไรก็จะยิ่งส่งผลกระทบต่ออายุของรัฐมากเท่านั้น

หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ “จบลง” สิ่งที่ฝ่ายค้านจะได้ รัฐมนตรีที่ถูก “ไม่ไว้วางใจ” มากที่สุดซึ่งก็คือรัฐมนตรีที่ได้เสียง “ไว้วางใจ” น้อยที่สุดนั่นเอง

การที่ ร.ต.อ.เฉลิม ในฐานะประธานคณะทำงานอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคเพื่อไทย จะแถลงพร้อมแสดงเอกสารอีกครั้งโดยยืนยันว่าเอกสารทั้งหมดเป็นเอกสารจริง

“เอกสารหลักฐานทั้งหมดจะมอบให้ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย รวบรวมและนำส่ง กกต. ให้พิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์เหมือนที่เคยทำไว้กับพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชนในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งยืนยันว่าข้อมูลของผมเป็นของจริงและมีรายละเอียดมากกว่าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งให้ กกต. กว่า 5 เท่า ซึ่งครั้งนี้บอกได้เลยว่า กกต. เอาจริง นอกจากนี้หากบุคคลที่ออกมาชี้แจง นำคำชี้แจงเหล่านี้ไปให้การในชั้นศาล รับรองว่าติดคุกทั้งหมด”

เป็นความมั่นใจของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่แทบจะไม่ได้เห็นมานานหลายปีแล้ว ครั้งนี้น่าจะกลบเสียง “ครหา” “เด็กเลี้ยงแกะ” ได้อย่างสบาย

เงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ หากเป็นเรื่องจริง การตรวจสอบอย่างถูกต้องตรงไปตรงมา มันไม่ใช่แค่การ “ยุบพรรคการเมือง” เท่านั้น แต่จะส่งผลถึงการ “ยุบสภา” หรือเกิดการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองขึ้นอีกครั้ง หรือจะส่งผลไปไกลถึงการต้องมาตั้งหลักทางการเมืองกันใหม่ เพราะเมื่อถึงวันนี้การเมืองไทยแทบจะไร้บุคลากรทางการเมืองเลย ถึงวันนี้ “การเมืองใหม่” ก็คงจะเกิดขึ้นได้เสียอีก เพราะนักการเมืองตามระบบเก่าถูก “เก็บเข้ากรุ” หมดแล้ว

แต่ที่น่าคิดอย่างหนึ่ง จะเป็นไปได้หรือไม่ที่พรรคการเมืองอย่างพรรคประชาธิปัตย์ จะ “อุบไต๋” ไว้เล่นในโอกาสหน้า เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องปรากฏเป็นข่าว แกนนำพรรคประชาธิปัตย์หรือผู้ที่เกี่ยวข้องหลายคนแทบจะ “ปิดปาก” ไม่แสดงความคิดเห็น อย่างมากที่สุดทั้งนายอภิสิทธิ์และนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ก็ระบุ แค่ว่า ไม่เกี่ยวข้องกับกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบัน

ในทางการเมืองมองได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ “จนแต้ม” จนต้องซื้อเวลาหาทาง ออกกันเอาในวันข้าง ....หน้า กับปล่อยให้คู่ ......ต่อสู้ทางการเมือง “ตายใจ” แล้ว “เอาคืน” ทีหลัง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้ไม่น่าจะใช่การมีข้อมูลแล้วเก็บไว้ แต่น่าจะขอเวลาตั้งหลักมากกว่า

อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เที่ยวนี้ รัฐบาลไม่เหนื่อย แต่งานนี้ที่เหนื่อยก็คือ “พรรคประชาธิปัตย์”.