ที่มา Thai E-News
โดย คุณ อ่างขาง
ที่มา เวบบอร์ด ประชาไท
6 กันยายน 2552
เสียงในเทปที่เป็นเสียงของนายกฯอภิสิทธิ์ แน่ชัดว่ามีการตัดต่อ แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ว่า ตัดต่อหรือไม่ มันอยู่ที่ว่า
1. ตัดต่อช่วงไหน เสียงช่วงที่ถูกตัดออกไป และต่อเข้ามา ได้เปลี่ยนเนื้อหาหรือไม่
2.เสียงที่นายกฯอ้างว่า เอามาจากรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทย” แล้วเอามาตัดต่อนั้น แท้จริงใช่เสียงเดียวกันไหม
ทั้งสองประเด็นนี้ ยังถกเถียงกันไม่มีข้อยุติ ฝ่ายที่สนับสนุนนายกฯ ได้บอกกล่าวทางสื่อออกมาว่า เป็นการตัดต่อเป็นคำๆ และเสียงที่อยู่ในรายการเชื่อมั่นประเทศไทย ก็เป็นเสียงเดียวกันที่ปรากฏอยู่ในเทป ช่วงจังหวะในการตัดต่อมีถึง 56 ครั้ง
ส่วนของฝ่ายค้าน เอาเอกสารและผู้เชี่ยวชาญมาพิสูจน์ การตัดต่อในครั้งนี้ไม่เกิน 10ครั้ง และเสียงที่ใช้ในรายการที่นายกฯอ้างถึง ก็ไม่ใช่ เป็นคนละครั้งในการพูด เนื้อหาที่ออกมาในช่วงก่อนการตัดต่อ ยังสามารถถอดใจความได้ครบ
ผลพิสูจน์เชื่อว่ายังมีการดำเนินการต่อไป ยังไม่จบง่ายๆ แน่
มาดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกันดีกว่า ก่อนหน้านี้ มีอะไรเกิดขึ้น ในช่วงที่เทปอ้างถึง เมื่อครั้งสงกรานต์เลือดที่ผ่านมา
1. มีฉากการถ่ายทำ นายกฯอภิสิทธิ์ นั่งอยู่ในรถ ถูกคนเสื้อแดงไล่ทุบอย่างบ้าคลั่ง
นายกฯ นั่งอยู่ในรถจริงหรือไม่ที่กระทรวงมหาดไทย ทั้งที่ข่าวที่ออกทางสื่อสาธารณะอย่างน้อย 4 ช่อง ในช่วงเกิดเหตุ ได้แก่ เอเอสทีวี เนชั่น ทีวีไทย และช่อง11 รายงานตรงกันในช่วงนั้นว่า นายกฯได้หลบออกมาก่อนแล้วทั้งสิ้น
แต่ นายกฯเองและทีมงานไม่ได้แก้ข่าวเลย เพียงแต่ออกมายืนยันในภายหลังว่า ตนเองอยู่ในรถคันนั้น และใครกันแน่ เป็นคนที่ทุบรถนายกฯ มีภาพถ่ายให้เห็นชัดเจน ทำไมรัฐบาลจึงไม่จับกุม
2. มีฉากประชาชนออกมาล้อมศาล เพื่อกดดันให้ปล่อยตัวแกนนำแท้จริง ใช่กดดันศาลหรือไม่
ภาพที่ออกมา เป็นการปิดถนน ไม่ได้เข้าไปในเขตุรั้วศาลเลย ที่ไปก็เพราะจะขอประกันตัวและให้กำลังใจแกนนำเท่านั้น แต่การพูดของนักข่าวหญิงทีวีช่อง11 ต่างหาก ที่ประโคมข่าวว่า ม็อบเสื้อแดงไปล้อมศาล
3. มีฉากประชาชนออกมายึดรถถังกลางกรุง เป็นฉากเหมือนในภาพยนตร์สารคดีที่เกิดจลาจล ในหลายประเทศ
หลังประกาศ พรบ.ฉุกเฉินอย่างร้ายแรงแล้ว มีเศษรถถังออกมาวิ่งกลางกรุงแค่ 4 คัน โดยไม่มีเหตุอันควร ไม่รู้จะมาวิ่งทำไม และเศษรถถังทั้ง 4 คัน วิ่งอยู่บนถนนดีๆ ก็ยกให้คนเสื้อแดง เอาไปขับเล่นซะอย่างนั้น
4. มีฉากม็อบยึดอาวุธสงครามของทางราชการ พร้อมกระสุนมากมายในหัวค่ำวันนั้น
อยู่ดีๆ ก็มีทหารเอาอาวุธสงคราม พร้อมเครื่องกระสุนมาทิ้งไว้ให้มากมาย อย่างง่ายๆ กับคนเสื้อแดง ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง คล้ายกับว่า คนเสื้อแดงปล้นอาวุธสงครามเอาไป
5. มีฉากจับกุมผู้วางเพลิง กำลังจะไปเผาธนาคารใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในหัวค่ำวันนั้นเช่นเดียวกัน
มีการจับกุมคนที่กำลังจะไปเผาสำนักงานใหญ่ ของธนาคารกรุงเทพฯ ด้วยค่าจ้าง 5,000 บาท ทันทีที่โดนจับ ก็รับสารภาพสิ้น
6. มีฉากประชาชนเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส เพราะปิดถนน อาจจะทำให้คนตายได้ เพราะไม่ได้มาโรงพยาบาลแถบนั้น ที่ทีวีช่อง 11 เปลี่ยนพิธีกรใหม่โดยฉับพลัน
พิธีกรหญิงนั่งสัมภาษณ์อยู่เรื่องเดียว รพ.เดือดร้อน คนใกล้จะตาย เพราะปิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ คนแก่หัวใจจะวายบ้าง คนจะคลอดลูกบ้าง แก๊สอีอกซิเจนหมดบ้าง หมอต้องเข็นรถลงมาส่งคนไข้เองบ้าง จิปาถะแล้วแต่จะแต่งเรื่องขึ้นมา เหมือนละครน้ำเน่า
7. เที่ยงคืนในคืนนั้นเอง หลังประกาศ พรก.ฉุกเฉินอย่างร้ายแรงไปแล้ว
นายกฯ รองนายกฯ และขุนศึกทุกเหล่าทัพ ออกทีวีหน้าสลอน ถ้าใครสังเกตให้ดี ผบ.ทบ.และเสธทบ. นั่งไม่อยู่สุข ขณะที่นายกฯประกาศ เหมือนกับว่า “ทำไมต้องกระทำกับประชาชนถึงขนาดนั้น”
ทั้งหมดนี้ ถ้านำมาร้อยเรียงกันเป็นลำดับ จะเห็นอะไร ที่ชัดจริงๆ
ถ้า..ในวันนั้น คนเสื้อแดงไม่สามารถควบคุมกันเองได้ และทุกคนใจร้อน หรือมีนิสัยเกเร ชอบใช้ความรุนแรง เฉกเช่นม็อบเสื้อเหลืองแล้ว เรื่องนี้จะเกิดอะไรขึ้น
สมมุติว่า ถ้าเหตุการณ์เป็นไปอย่างที่พวกเขาเขียนบทไว้ หรืออย่างที่ปรากฏเสียงในเทป
เมื่อ..คนเสื้อแดงยึดเศษรถถังได้แล้ว ด้วยความคึกคะนอง ด้วยความโกรธแค้น ด้วยความมุทะลุ ไม่มีสมอง ไม่เห็นแก่ประเทศชาติของตนเอง หรืออาจจะมีไส้ศึกแอบแฝงมา แน่นอนว่า หนึ่งในเศษรถถัง 4 คันนั้น ต้องตรงดิ่งไปที่กรมทหารราบที่11 เพื่อที่จะไปจับตัวนายกรัฐมนตรี อย่างชนิดตายเป็นตาย อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ขอเพียงให้ได้จับตัวนายกฯ มาเท่านั้น
ท่านคิดว่า จะเกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องเดาก็รู้ว่า เศษรถถังคันที่วิ่งไปนั้น จะเป็นอย่างไร คงเหลือแต่ซาก ถูกทหารถล่มเละตุ้มเป๊ะ ด้วยหลากหลายอาวุธ
และภาพเหตุการณ์ทั้งหมด จะถูกถ่ายทอดออกไปทั่วโลกซ้ำๆ กันอยู่อย่างนั้นว่า “กบฏไทย ยึดรถถังจะเข้าจับตัวนายกฯ แล้วถูกป้องกันเอาไว้ได้”
เศษรถถังอีกสามคันที่เหลือ คาดว่าจะไปที่ กรมประชาสัมพันธ์ เอเอสทีวี และกระทรวงการต่างประเทศ ที่เป็นโจทย์โดยตรงของคนเสื้อแดงและทั้งหมด ก็เป็นเหตุให้ทหารต้องออกมาขัดขวาง เกิดการต่อสู้กัน ยิงกันสนั่นกรุงอย่างแน่นอน สร้างความชอบธรรมให้กับการสลายม็อบในครั้งนั้นของรัฐบาล ทั้งทหารที่เป็นคนไทยด้วยกัน ก็อาจจะตายเพราะการสร้างเรื่องนี้ ประชาชนทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องก็ตายไปด้วย
แน่นอนคนเสื้อแดงไม่เหลือแน่ๆ กระจุยด้วยกระสุนนานาชนิด หรือบางที อาจจะปล่อยให้เศษรถถัง ที่ยังคงใช้งานได้บางคัน เข้าไปถล่มเอเอสทีวีให้พินาศไปก่อน แล้วทหารจึงค่อยออกมาปราบอีกทีก็เป็นได้
ทั้งนี้ให้ดูเจตนาหลังสงกรานต์เลือด จากนั้นอีกสองวัน ได้เกิดอะไรขึ้นที่ เอเอสทีวี เอง เดาว่า..สุดท้าย แกนนำม็อบคนเสื้อแดง ไม่ต้องพูดถึง “ไม่ตายภายในวันนั้น ก็เลี้ยงไม่โต” ด้วยความชอบธรรมของรัฐบาล
ส่วนประชาชนที่มาชุมนุม ก็โดนกวาดเรียบ ด้วยสารเคมีต่างๆ รวมทั้งลูกตะกั่ว เหมือนฉีดยาไล่ฆ่ามด ปลวก “ใครตายก็ตาย ไม่ตายก็รักษากันไป”
เล่นกันอย่างสะบักสะบอมถ้วนหน้า เอาบาดแผลกลับไปฝากคนที่อยู่ในหมู่บ้าน ให้เป็นตัวอย่าง “ที่หลังอย่าเผยออีก” แล้วก็ส่งตัวกลับบ้าน ด้วยการภาคทัณฑ์ตามมาอีกมากมาย
แต่ กลุ่มคนเสื้อแดง กลับไม่ทำเช่นนั้น แถมยังส่งเศษรถถังคืนให้ด้วย เรื่องนี้ จึงไม่อาจเกิดขึ้นได้
เมื่อ..คนเสื้อแดงส่งเศษรถถังคืนไป ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ "แผนสอง” ในวันนั้น จึงถูกกำหนดขึ้น
หัวค่ำของคืนวันนั้นเอง ทหารจำนวนหนึ่ง มาจากปราจีนฯ ที่ส่วนหนึ่งเป็นผู้เข้าปรามม็อบเอง แกล้งโง่เอาอาวุธสงคราม พร้อมกระสุนเต็มอัตราศึก มาทิ้งไว้ให้กับคนเสื้อแดง ที่สามเหลี่ยมดินแดง
หวังว่า..ในตอนรุ่งเช้าวันนั้น คนเสื้อแดงจะเอามาต่อสู้กับทหาร เมื่อเข้ามาปราบการชุมนุม คงมีการปะทะกันอย่างดุเดือด ล้มตายกั้นทั้งสองฝั่ง ทั้งชาวบ้านและนักข่าว
แต่..ก็ไม่เป็นเช่นนั้นอีก คนเสื้อแดง มีสติและวุฒิภาวะสูง จึงออกข่าว แล้วนำอาวุธทั้งหมดไปมอบให้ที่สถานีตำรวจลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
เรื่องทั้งหมดจึงผิดคาด ทหารไม่สามารถหาสาเหตุเอาอาวุธ มาฆ่าประชาชนได้ เมื่อหน้ามืด ไม่รู้จะสร้างหลักฐานอันเป็นการใส่ร้ายประชาชนได้อย่างไร จึงใช้กำลังอย่างหน้าด้านๆ ยิงประชาชนซะเลย ไม่ต้องมีเหตุก็ได้
และในเช้ามืดวันนั้น เราจึงได้เห็นทหารเอาอาวุธสงคราม เข้าถล่มประชาชนฝ่ายเดียว ล้วนๆ ไม่มีแม้แต่รถดับเพลิง แก๊สน้ำตา ให้เห็นแม้แต่น้อย
ยิงไปเก็บศพไป เอารถน้ำตามล้างเลือดไป อย่างเมามัน คนเจ็บส่วนหนึ่ง ก็นำส่งรพ.เป็นพิธี ถ้าเข้าใกล้มีคนเห็นเยอะ ยิงไม่ถนัด ก็ลงประชาทัน ไอ้โอ๊บรวมกันสหบาทา ศพที่เก็บไป บางทีก็ร้อนรน พี่น้องเราบางคนยังไม่ตาย ก็เก็บเอาเขาขึ้นรถไปด้วย
จึงมีหลักฐานและพยานกลับมาบอกกล่าวให้ได้ฟังกัน เพียงรอเวลา ว่าซักวัน เมื่อประเทศนี้ เกิดความยุติธรรม พี่น้องที่เป็นศพไปแล้วสูญหายไป จะได้คืนกลับมา เอามาทำพิธีกันต่อไป
บางศพไม่มีร่องรอยการถูกยิง แต่กลับไปโผล่ที่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา เหมือนเขาเหล่านั้นไม่ใช่มนุษย์ที่ร่วมโลกเกิดในแผ่นดินนี้
การตายของผู้ชุมนุมน้อยกว่าที่คิด เพราะเป็นการยิงฝ่ายเดียว ไม่มีการตอบโต้
ในตอนสายของวันนั้นเอง จึงมีเหตุเรื่อง การยิงมัสยิด การเผารถเมล์ การเอารถแก๊สมาขวางถนน เพื่อให้ดูว่าเลวร้ายแบบสุดๆ กำลังเผาบ้านเผาเมือง มิหนำซ้ำ ยังจ้างม็อบชนม็อบ แล้วฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปอีกสองคน เพื่อให้สมเหตุสมผลมากขึ้น ที่ได้กระทำการอันหยาบช้า ไล่สังหารประชาชนที่บริสุทธิ์ในสามเหลี่ยมดินแดงวันนั้นแล้ว
นำเรื่องทั้งหมดมาปะติดปะต่อกับเรื่องที่จัดฉากเอาไว้ ทั้งปิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทั้งปิดศาล ทั้งเตรียมไปเผาธนาคารใหญ่ ให้เป็นเรื่องเป็นนิยาย ใส่ร้ายประชาชนที่เสียภาษีให้กับพวกเขา เหมือนจินตนาการที่ได้ขีดเขียนเอาไว้แล้ว
สื่อทั้งหมด อยู่ในอุ้งมือของรัฐบาลในขณะนั้น ไม่มีอะไรที่ฝ่ายคนเสื้อแดงแก้ตัวออกไปได้เลย มีแต่เพียงข้อความในอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ที่สามารถเล็ดลอดออกไปได้ แต่ก็เล็กน้อยมาก
ข้อความในเทป ทั้งหมดนั้น เมื่อนำมาประมวลแล้วบอกว่า “ใช่เลย” เหมือนอย่างที่นายกฯอภิสิทธิ์พูดไว้ทุกประการ
มีคำพูดตอนหนึ่ง ที่ไม่มีในเทป แต่มีคนบอกกล่าวมา “ตายซักล้านคน ก็ไม่เห็นเป็นอะไร เพราะคนไทยมีตั้ง63 ล้านคน ยังเหลืออีกตั้ง 62 ล้านคน”
คำพูดนี้ถูกถ่ายทอดออกมาสู่สมอง ท่านผู้นำ เมื่อเมษายน 2552 ที่ผ่านมา
มีความพยายามที่จะอธิบายความต่อไปว่า จีนเคยทำมาแล้ว พม่าเคยทำมาแล้ว กลุ่มโลกที่3 มีมากมาย ที่ เราไม่ค่อยรับรู้ โคโซโว อิรัก ชาวเคิร์ก หลายประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกัน อัฟริกา ล้วนตายหมู่มาแล้วทั้งนั้น
เรื่องปัญหาภายในประเทศ ทั่วโลกอาจจะประณามแค่ประเดี๋ยวประด๋าว ที่สุดเมื่อผลประโยชน์ลงตัว มันก็ไม่มีอะไรที่สำคัญ คนไทยที่เหลือ เราต้องกดหัวให้อยู่ ปิดหูปิดตาให้มิด และการเสนอข่าวต้องให้ไปในทิศทางเดียวกันให้หมด สื่อใดออกนอกคอก ให้ใช้อำนาจมืดจัดการได้ทันที
ฝ่ายเสธฯที่มีหน้าที่ กลั่นกรอง รับทราบเห็นดีเห็นงามด้วยกับแผนนี้ และเอาปฏิบัติการทหารเข้ามาประยุกต์ใช้ เพิ่ม รายละเอียด ลับลวงพราง เข้ามา ต้องมีการสร้างเหตุ ต้องมีการต่อสู้ มีการก่อวินาศกรรม มีการเผาบ้านทำลายเมือง มีการวางแผนฆ่าผู้นำประเทศ ต้องมีเหตุให้เชื่อได้ว่า ประเทศเข้าสู่กาลวิบัติแล้ว รัฐจำเป็นต้องออกมาปกป้องการกระทำเช่นนั้น เพราะถ้าไม่ทำ คนส่วนใหญ่ของประเทศจะต้องเดือดร้อนทั้งหมดนี้ ต้องสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาเสริม ให้สื่อต่างชาติและคนในประเทศได้เห็น ได้รับความเห็นชอบจากท่านผู้นำ และอนุมัติแผนนี้ ให้นำมาใช้ ผู้รับปฏิบัติโดยตรงคือ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง
Killing Thai-land เกือบจะได้เห็นเป็นประวัติศาสตร์แล้ว ด้วยพระบารมีของ “องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ที่สิงสถิตอยู่ที่หน้าทำเนียบ ที่เหล่าพสกนิกร ได้อัญเชิญพระองค์ท่าน ให้สิงสถิตไว้ เหตุการณ์นี้จึงผ่านพ้นมาได้ด้วยสติของแกนนำ จึงเป็นเหตุให้พี่น้องเราไม่ต้องล้มตายเป็นใบไม้ร่วง ด้วยพี่น้องของเราเองที่มีความอดกลั้นได้สูง จึงไม่ตกหลุมพราง ที่พวกเขาขุดล่อเอาไว้
ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เพราะโชคชะตา แต่เป็นเพราะการกระทำของคนทั้งสิ้น
“ใครคิดดีย่อมได้ดี”
เทปนี้แค่ตัวอย่าง กำลังมีหลักฐานอื่นๆ ตามมาอีกหลายละรอก ให้เตรียมตัวรับให้ดี
“คนที่คิดฆ่าคนบริสุทธิ์ได้เป็นร้อยเป็นพันคน มันไม่ใช่คน”
และ คนที่คิดเช่นนั้น จุดจบจะเป็นเช่นไร คอยติดตามครับ สวรรค์มีตาแล้วงานนี้
====================================
หมายเหตุเพิ่มเติม คลิปลำดับเหตุการณ์ สงกรานต์เลือด ความจริงที่ถูกบิดเบือน !!!!! ชม/ดาวโหลดได้ที่ ลิงก์ (โดย newskythailand.com )