ที่มา ไทยรัฐ
นับตั้งแต่มีประเทศไทยมา วิกฤติการเมืองที่แปรสภาพเป็นวิกฤติบ้านเมือง ไม่รุนแรงและถลำลึกขนาดนี้ นับตั้งแต่ การยึดอำนาจ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา เกิดเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองหลายครั้ง ท่ามกลางความสงสัยในเรื่องของอำนาจนอกระบบและมาตรฐานความเป็นธรรม
การไล่ล่าระหว่างสองขั้วอำนาจทางการเมืองที่เรียกว่า ประชาธิปไตยอ่อนแอและเผด็จการซ่อนรูป ปรากฏชัดเจนและพยายามดึงเอาประชาชนเป็นตัวประกัน
เอาประเทศเป็นเดิมพัน
มีการปลุกระดมประชาชนให้เกิดความเกลียดชังซึ่งกันและกัน แตกแยก หวาดระแวงกลายเป็นลัทธิอุดมการณ์ที่ถูกเขียนขึ้นมาในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ระหว่างสีเหลืองกับสีแดง
ไม่ว่าจะมีสีอะไรเข้ามาร่วมแจมด้วยก็แล้วแต่เมื่อกลั่นกรองจนตกผลึกแล้วก็ จะเหลือสีเหลืองกับสีแดง เท่านั้นที่ต่อสู้ทางการเมืองกันมายาวนานและไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด จนในที่สุดก็ถึงเวลาที่คนไทยจับอาวุธเข่นฆ่ากันเอง
ประเทศไทยไม่ต่างจากบ้านป่าเมืองเถื่อน
ได้แต่หวังว่าฟางเส้นสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ จะเป็นหนทางที่จะปรองดองกันอย่างไรได้บ้าง ได้แต่ส่งความปรารถนาดีไปยัง นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หวังว่า นายกฯจะสวมวิญญาณประชาธิปไตยออกมาแก้ไขวิกฤติบ้านเมืองทั้งหมด
ระหว่างชีวิตคนไทย ระหว่างชีวิตของผู้บริสุทธิ์ ระหว่างอนาคต ของประเทศไทยและระหว่างอำนาจประชาธิปไตยกับเผด็จการ
กับการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่
จะเลือกอย่างไหน ระหว่างเก้าอี้นายกรัฐมนตรีกับชีวิตคนกลุ่มใหญ่ จะตัดสินใจอย่างไร ยุบสภาหรือลาออก นายกฯลงแล้วก็ขึ้นไปใหม่ได้ แต่ชีวิตคนฟื้นไม่ได้ อนาคตประเทศไทยฟื้นลำบาก
ปัญหาวันนี้จะจบลงทันทีโดยไม่ต้อง เสียเลือดเนื้อประชาชน ส่วนหนึ่งของประเทศ โดยการประกาศลาออกหรือยุบสภา ซึ่งง่ายกว่าการเหนี่ยวไกปืนซะอีก ถึงวันนี้รัฐบาลสามารถปราบปรามสลายการชุมนุมได้ รัฐบาลก็แพ้ ถึงรัฐบาลจะสามารถยืนหยัดได้เป็นรัฐบาลต่อไปอีกระยะ รัฐบาลก็แพ้อยู่ดี
เพราะต่อไปนี้ประเทศไทยจะไม่มีวันสงบสุข การบริหารประเทศก็ไม่มีวันสงบสุข อนาคตของประเทศไม่มีทางที่จะพัฒนารุ่งเรืองได้
ถ้ายังเกิดสงครามกลางเมืองอยู่อย่างนี้
คนเสื้อแดงไม่ใช่มีแค่สองสามคน แต่คนที่ยินดีจะประกาศตัวเป็นเสื้อแดงและคนที่เห็นด้วยกับการกระทำของคนเสื้อแดงมีจำนวนไม่น้อย รัฐบาลยิ่งปราบก็ยิ่งแพ้ โดยเฉพาะตัวนายกฯอภิสิทธิ์เองจะประกาศตัวว่าเป็นนายกฯของประเทศไทยได้อย่างไร จะบากหน้าไปพบประชาชนทั้งที่มือเปื้อนเลือดอยู่ได้อย่างไร.
หมัดเหล็ก
การไล่ล่าระหว่างสองขั้วอำนาจทางการเมืองที่เรียกว่า ประชาธิปไตยอ่อนแอและเผด็จการซ่อนรูป ปรากฏชัดเจนและพยายามดึงเอาประชาชนเป็นตัวประกัน
เอาประเทศเป็นเดิมพัน
มีการปลุกระดมประชาชนให้เกิดความเกลียดชังซึ่งกันและกัน แตกแยก หวาดระแวงกลายเป็นลัทธิอุดมการณ์ที่ถูกเขียนขึ้นมาในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ระหว่างสีเหลืองกับสีแดง
ไม่ว่าจะมีสีอะไรเข้ามาร่วมแจมด้วยก็แล้วแต่เมื่อกลั่นกรองจนตกผลึกแล้วก็ จะเหลือสีเหลืองกับสีแดง เท่านั้นที่ต่อสู้ทางการเมืองกันมายาวนานและไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด จนในที่สุดก็ถึงเวลาที่คนไทยจับอาวุธเข่นฆ่ากันเอง
ประเทศไทยไม่ต่างจากบ้านป่าเมืองเถื่อน
ได้แต่หวังว่าฟางเส้นสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ จะเป็นหนทางที่จะปรองดองกันอย่างไรได้บ้าง ได้แต่ส่งความปรารถนาดีไปยัง นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หวังว่า นายกฯจะสวมวิญญาณประชาธิปไตยออกมาแก้ไขวิกฤติบ้านเมืองทั้งหมด
ระหว่างชีวิตคนไทย ระหว่างชีวิตของผู้บริสุทธิ์ ระหว่างอนาคต ของประเทศไทยและระหว่างอำนาจประชาธิปไตยกับเผด็จการ
กับการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่
จะเลือกอย่างไหน ระหว่างเก้าอี้นายกรัฐมนตรีกับชีวิตคนกลุ่มใหญ่ จะตัดสินใจอย่างไร ยุบสภาหรือลาออก นายกฯลงแล้วก็ขึ้นไปใหม่ได้ แต่ชีวิตคนฟื้นไม่ได้ อนาคตประเทศไทยฟื้นลำบาก
ปัญหาวันนี้จะจบลงทันทีโดยไม่ต้อง เสียเลือดเนื้อประชาชน ส่วนหนึ่งของประเทศ โดยการประกาศลาออกหรือยุบสภา ซึ่งง่ายกว่าการเหนี่ยวไกปืนซะอีก ถึงวันนี้รัฐบาลสามารถปราบปรามสลายการชุมนุมได้ รัฐบาลก็แพ้ ถึงรัฐบาลจะสามารถยืนหยัดได้เป็นรัฐบาลต่อไปอีกระยะ รัฐบาลก็แพ้อยู่ดี
เพราะต่อไปนี้ประเทศไทยจะไม่มีวันสงบสุข การบริหารประเทศก็ไม่มีวันสงบสุข อนาคตของประเทศไม่มีทางที่จะพัฒนารุ่งเรืองได้
ถ้ายังเกิดสงครามกลางเมืองอยู่อย่างนี้
คนเสื้อแดงไม่ใช่มีแค่สองสามคน แต่คนที่ยินดีจะประกาศตัวเป็นเสื้อแดงและคนที่เห็นด้วยกับการกระทำของคนเสื้อแดงมีจำนวนไม่น้อย รัฐบาลยิ่งปราบก็ยิ่งแพ้ โดยเฉพาะตัวนายกฯอภิสิทธิ์เองจะประกาศตัวว่าเป็นนายกฯของประเทศไทยได้อย่างไร จะบากหน้าไปพบประชาชนทั้งที่มือเปื้อนเลือดอยู่ได้อย่างไร.
หมัดเหล็ก