ที่มา ประชาไท
กรุงเทพฯ
วันเสาร์ที่ 15 พฤษภา 2010 เวลา 12:15 น EDT
(สำนักข่าวรอยเตอร์ส)- กลุ่มควันคละคลุ้งจากการเผายางครอบคลุมถนนสายใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ถนนที่เคยคับคั่งด้วยการจราจรที่ติดขัด ขณะนี้ได้ถูกประดับด้วยลวดหนามเพื่อใช้เป็นที่ตรึงกำลังของทหาร และเป็นที่กำบังในการยิงปืนใส่ผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาล ซึ่งดูไปก็เหมือนการเล่นเอาเถิดเอาล่อกันอยู่
เสียงประสานอันไม่เป็นส่ำ เป็นส่วนผสมจากไซเรนรถพยาบาลที่ดังบาดหู เสียงปืน และระเบิดอันกึกก้อง ลั่นไปทั่วท้อง ถนน จากที่เคยถูกขนาบด้วยอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และโรงแรมชั้นนำ มาบัดนี้ถูกทิ้งร้างว่างเปล่า เหลือเพียงควันไฟพวยพุ่ง จากการเผายางของผู้ประท้วง ควันไฟนั้นแขวนตัวอยู่เสมือนเป็นเมฆดำ เหนืออาคารสูงเหล่านั้น
ขอต้อนรับสู่กรุงเทพมหานคร—เมืองที่เคยเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวว่าเป็นแหล่งวัฒนธรรม ไนท์คลับฉาว และในวันนี้—ฉากหนึ่งของ อนาธิปไตย ซึ่งดูไปก็ไม่ต่างจากตอนหนึ่งจากซีนมิคสัญญีในหนังฮอลลีวูด
ในวันเสาร์ ทหารนับพันนายได้ใช้ความพยามในการปิดล้อมพื้นที่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในกลางย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ ทหารเหล่านั้นต้องต่อสู้กับกลุ่มผู้ประท้วงซึ่งมีระเบิดเพลิงทำเอง ก้อนหิน และตามที่รัฐบาลอ้าง ว่าอาจมี ปืน และระเบิดมือ
ความหวังอันริบหรี่ที่จะหยุดความรุนแรงได้เลือนหายไป เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนนับพันรวมตัวกันได้อีกครั้ง และได้เรียกพรรคพวกมาเพิ่มเติม เพื่อตั้งเวทีใหม่ในบริเวณที่พักของคนใช้แรงงานซึ่งอยู่ไม่ไกลจากศูนย์กลางทางธุรกิจนัก ในที่นี้กลุ่มผู้ชุมนุมได้เริ่มปราศัยบนรถกระบะ และเตรียมวางแผนการตั้งที่ชุมนุมระยะยาวต่อไป
ผู้มีอำนาจของรัฐได้ดำเนินการให้มีการขึ้นป้าย ‘เขตใช้กระสุนจริง’ ในบริเวณย่านธุรกิจเพื่อเตือนให้ผู้เดินทางผ่านไปมาสำนึกถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นเมื่อจะเข้ามาในบริเวณนี้ กองทหารและนักแม่นปืนระดมยิงใส่ผู้ประท้วง ซึ่งพยานผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า บางคนก็ไม่ได้มีอาวุธติดตัว
ช่างภาพชาวต่างชาติคนหนึ่งกล่าวหลังจากหลบกระสุนอยู่ในบ้านในบริเวณที่เกิดเหตุกว่าหกชั่วโมงว่า “เขา (ทหาร) ยิงทุกอย่างที่เคลื่อนไหว”
เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยต้องสาละวนอยู่บนถนน เพื่อช่วยเหลือเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย และนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าของศูนย์แพทย์ผู้หนึ่งถูกยิง และอาจเป็นได้ว่าเสียชีวิตในที่สุด นับแต่คืนมิคสัญญี (วันพฤหัสบดี) ซึ่งคร่า 24 ชีวิต มีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 179 คน และ 4 คนในจำนวนนี้คือสื่อมวลชน
ยังไม่ท่าทีว่าความรุนแรงจะยุติลงแต่อย่างใด
เฟร็ดเดอริค เดิร์คเซ่น นักธุรกิจชาวเบลเยี่ยมที่พำนักอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ กล่าวว่า “สิ่งที่เป็นอยู่ช่างน่าสะพรึงกลัวจริงๆ ผมประหลาดใจเหลือเกินว่าแต่ละฝ่ายยอมลงทุน และยอมสูญเสียได้มากถึงเพียงนั้น” เขากล่าวต่อไปว่า “เหตุการณ์ดำเนินมานานเกินไปแล้ว และยิ่งแย่ลงทุกขณะ”
กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงเสื้อแดง ซึ่งจำนวนไม่น้อยคือผู้หญิงและเด็ก ร่วมชุมนุมอย่างท้าท้ายและไม่เกรงกลัว พวกเขาปักหลักอยู่ในบริเวณที่เป็นทั้งพื้นที่ชุมนุมหลักและที่พำนักชั่วคราวมากว่าหกอาทิตย์ โดยรอบๆ พื้นที่นี้ผู้ชุมนุมได้สร้างกำแพงที่ทำจากยางรถยนต์ ไม้รวกเหลาแหลมและลวดหนามสุมรวมกัน ดูเหมือนว่าเหล่าผู้ชุมจะไม่สะทกสะท้านกับความเป็นไปได้ที่ว่ากองทหารอาจบุกฝ่าแนวกั้นรับนี้เข้ามาเมื่อไรก็ได้
“ให้มันมา” นายไพสิทธิ์ ผู้ชุมนุมกล่าวไปพร้อมการกวัดไกวหอกที่ทำจากไม้ไผ่ที่อยู่ในมือของเขา
“ดีใจที่คุณไป” (Happy you’re leaving)
“ผมดีใจเหลือเกินที่คุณออกไป” ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมเมโทรโปลิแทน กล่าวกับแขกคนหนึ่งขณะกำลังเช็คเอาท์ หลังจากที่กองทหารได้เข้าตรึงกำลังบนถนนด้านหน้าโรงแรมเมื่อคืนก่อน
“เราส่งอีเมลบอกแขกที่จองห้องกับเราทุกคนไม่ให้มา” ผู้จัดการกล่าวเสริม
สหรัฐอเมริกายื่นข้อเสนอช่วยอพยพครอบครัวของเจ้าหน้าที่รัฐและคนทำงานในสถานกงศุลออกไปยังที่ที่ปลอดภัย และในขณะเดียวกันก็ได้ออกคำเตือนมิให้ประชาชนสหรัฐเดินทางเข้าประเทศไทยหากไม่มีความจำเป็น
ในแถลงการณ์ทางโทรทัศน์เมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) โฆษกรัฐบาลชี้แจงว่า สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในเร็ววันนี้ แต่ประชาชนทั่วไปกลับไม่เชื่อมั่นกับแถลงการณ์นั้น
“หูฉันยังอื้อจากเสียงปืนเมื่อคืนนี้” รัตนา วีรสวัสดิ์ เจ้าของร้านของชำซึ่งตั้งอยู่ตอนเหนือของสถานที่ชุมนุมกล่าว “สถานการณ์ตอนนี้แย่มาก และแย่ลงเรื่อยๆ หากออกไปได้ตอนนี้คงจะเป็นการดีที่สุด”
ผู้คนต้องจำทนเดินกลับบ้านในตอนกลางคืน ผ่านแดนสงครามที่อื้ออึงไปด้วยเสียงตะโกนร้องของทหาร เดินฝ่าแนวที่ทหารยิงเตือนผู้ประท้วง สลับกับเสียงระเบิดมือที่ประโคมอยู่เป็นระยะๆ หน่วยทหารอ้างว่าผู้ประท้วงเสื้อแดงบางคนเป็นผู้ยิงระเบิดเหล่านี้ออกมา
ภาพข่าวจากสื่อปรากฏ รูปอันน่าหดหู่ของผู้เสียชีวิต ร่างจมกองเลือด แน่นิ่งไม่ไหวติง อยู่หน้าบริเวณแนวกั้นรอบๆ พื้นที่ชุมนุมหลักในเขตธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ
สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นฉายให้เห็นเหตุการณ์กลุ่มผู้ประท้วงที่กำลังเดือดดาลรุมทุบตีทหาร ที่พลัดหลงจากหน่วยของตน ในช่วงอลหม่านจากการต่อสู้ที่ไม่มีแนวรบที่ชัดเจน ทหารผู้นั้นถูกชกและเตะโดยผู้ชุมนุม จนกระทั่งมีผู้เห็นเหตุการณ์เข้ามาช่วยเหลือและนำตัวส่งหน่วยกู้ภัย
“คงเป็นการยากที่จะบอกได้ว่าสถานการณ์นี้จะลงเอยเช่นไร”
แปลจาก :Bangkok descends from bustling metropolis to war zonehttp://www.reuters.com/article/idUSTRE64E1JQ20100515