WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, May 17, 2010

ยุติด้วยการเจรจาสันติวิธี

ที่มา ไทยรัฐ


เมืองไทยกลายเป็นแดนมิคสัญญี ตกเป็นข่าว เวิลด์ท็อปสตอรี่ ข่าวใหญ่ของสำนักข่าวต่างประเทศทั่วโลก ตลอดปลายสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อเกิดสงครามย่อยๆขึ้นในใจกลางเมืองหลวงระหว่าง ผู้ชุมนุม กับ ทหาร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไป 16 คน บาดเจ็บอีกกว่าร้อย เพราะความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้น

ผมชื่อว่าสิ่งที่คนไทยทุกคนและสังคมโลกไม่อยากเห็นก็คือ ความรุนแรงที่ขยายหรือบานปลายออกไปมากกว่านี้

ผมเห็นด้วยกับ ท่านบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ และ ฟิลิป โครว์ลีย์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้ทุกฝ่ายในเมืองไทย "กลับเข้าสู่การเจรจา" เพื่อแก้ปัญหาการเมืองด้วยวิธีการ "สันติวิธี" แทนความรุนแรง

ผมยังมองไม่เห็นเหตุผลที่คนไทยจะต้องฆ่าฟันกันเอง เพียงเพราะความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน จนไม่สามารถนั่งโต๊ะเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกันได้ ถ้าหากทุกฝ่ายมุ่งยึดเอา "ผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง" โดย "ไม่มีวาระซ่อนเร้น" อย่างที่ประกาศกันออกมาตลอดเวลา

ผมอยากให้ "ดูรัฐบาลใหม่อังกฤษ" เป็น "ตัวอย่าง" ซึ่งผมนำมาเขียนถึงหลายครั้ง เพื่อให้คนไทยได้ "เรียนรู้ประชาธิปไตยต้นแบบ" ว่า เขาเล่นการเมืองกันอย่างไร

แม้การเลือกตั้งอังกฤษครั้งนี้จะได้ "รัฐบาลผสม" เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีเพราะไม่มีพรรคไหนได้เสียงเกินครึ่งในสภา แต่ "ข้อต่อรอง" ในการ "จัดตั้งรัฐบาลผสม" กลับแตกต่างจากการเมืองไทยอย่างสิ้นเชิง เหมือนหน้ามือกับหลังเท้า

สิ่งที่ นิก เคล็ก หัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย ต่อรอง กับ เดวิด คาเมรอน หัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม ในการเข้าร่วมรัฐบาลผสม ไม่ใช่เรื่องแบ่งกระทรวง หรือ แบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี แต่สิ่งที่ นิก เคล็ก ต่อรองกับ คาเมรอน ก็คือ ขอให้นำนโยบายของพรรคเสรีประชาธิปไตยที่หาเสียงกับประชาชน ผนวกเข้าเป็น นโยบายของรัฐบาลด้วย การเจรจาก็ง่าย

แต่การต่อรองเป็น รัฐบาลผสม ของ พรรคการเมืองไทย กลับตรงกันข้าม

สิ่งที่จะต่อรองกันเป็นเรื่องแรกก็คือ "การแบ่งกระทรวง" ทุกพรรคหวังจะได้ กระทรวงเกรดเอ ที่มีงบประมาณมากๆ มีโครงการมากๆมาเป็นโควตาของพรรค ซึ่งก็เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า ไม่ได้หวังทำงานเพื่อบ้านเมือง แต่หวังเปอร์เซ็นต์หัวคิวที่สูงลิ่ว เพื่อเป็นทุนซื้อเสียงเล่นการเมืองต่อไป

และเรื่องที่จะต่อรองกันเป็นเรื่องที่สองก็คือ "เก้าอี้รัฐมนตรี"

ถ้า นักการเมืองไทย จะเอา "วิธีคิด" แบบ นักการเมืองอังกฤษ มาใช้โดยยึดเอา "ผลประโยชน์ของชาติและประชาชน" เป็นหลักคิดในการเจรจาต่อรองทางการเมือง ผมเชื่อว่าความขัดแย้งทุกอย่างจะจบลงไม่กี่นาที เพราะทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือ ประโยชน์ของประเทศชาติ และ ประโยชน์ของประชาชน ไม่มี "ประโยชน์ส่วนตัว" เป็นเป้าหมายซ่อนเร้น

แม้สำนักข่าวเอพีจะรายงานข่าวความรุนแรงของเมืองไทยไปทั่วโลก แต่เขาก็ยังอดเขียนถึงเมืองไทยด้วยความเสียดายไม่ได้ว่า เมืองไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ในอาเซียน นึกไม่ถึงว่าจะมีวันเศร้าสลดใจเช่นวันนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นักลงทุนตกใจ และทำลายการท่องเที่ยวของไทย

ผมก็ได้แต่หวังว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จะหันหน้ามาเจรจากันอีกครั้ง เพื่อยุติปัญหาด้วย "สันติวิธี" โดยเร็วที่สุด เหมือนอย่างที่นานาชาติเรียกร้อง ความจริงผู้ชุมนุมถือว่าชนะแล้ว เมื่อรัฐบาลยอมประกาศยุบสภาวันที่ 15-30 กันยายน และให้มีการเลือกตั้งใหม่วันที่ 14 พฤศจิกายน ซึ่งหมายถึง นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะต้องพ้นจากตำแหน่งด้วย

แต่น่าเสียดายที่มีการนำเรื่องปลีกย่อยมาเป็นเงื่อนไข

การเจรจาด้วยการ "เอาประเทศเป็นตัวตั้ง" จะเป็นการเจรจาที่ง่ายที่สุด ผมหวังว่าสองฝ่ายจะทบทวนกันอีกครั้ง อย่าให้มันรุนแรงมากไปกว่านี้เลยครับ.

"ลม เปลี่ยนทิศ"