(ที่มา ข่าวสดออนไลน์)
เวลา 22.50 น. วันที่ 11 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานการเปิดประชุมร่วมรัฐสภาโดยไม่ลงมติ เพื่อเปิดอภิปรายเรื่องสถานการณ์น้ำท่วมหนัก
โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายว่า เราเจอพายุเข้ามา 3 ลูก ร่องกดความอากาศต่ำ วันนี้ไม่ต้องหาคนแพ้ชนะกับการจัดการน้ำท่วม ไม่ใช่รัฐบาลล้มเหลว ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ของ กทม. ไม่ใช่ความด้อยประสิทธิภาพของนายกฯ หรือผู้นำฝ่ายค้าน แต่เป็นวาระที่ต้องปฏิวัติวิธีการบริหารจัดการน้ำของรัฐไทย ถ้าเราจัดการน้ำไม่ได้วันนี้หมายถึงคนไทยแพ้ด้วยกัน จึงเรียกร้องให้ช่วยกันกอบกู้ให้ประชาชนพ้นจากภัยวิกฤตน้ำเสียก่อน แล้วจากนั้นก็จะเดินไปข้างหน้าด้วยยุทธศาสตร์ฟื้นฟู ไม่มีประโยชน์ที่จะโจมตีกันจากปัญหาน้ำท่วม ถ้าฝ่ายค้านเป็นรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นอย่างไร ปี 2553 ก็เห็นอยู่แล้วว่าไหวหรือไม่ วันนี้รัฐบาลได้มารับฟังข้อแนะนำจาก 2 สภา นายกฯ ก็ติดตามข่าวสาร รัฐบาลนี้เพิ่งได้บริหารไม่ถึง 3 เดือน ใช้แนวการบริหารจัดการน้ำจากรัฐบาลชุดเดิม เป็นมรดกรัฐบาลที่แล้ว ถ้ารัฐบาลที่แล้วเป็นอยู่ก็ใช้กลไกเดียวกัน ส่วนที่มีการตั้ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม เป็นผอ.ศปภ. ก็คงไม่ต่างจากการแต่งตั้งนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย (ศชอ.) ในรัฐบาลชุดที่แล้ว
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เมื่อเช้านายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ นายเทพไท เสนพงศ์ อภิปรายว่า เฝ้าดูการจัดการน้ำท่วม ไม่เห็นรัฐบาลมีบทบาทอะไร เห็นแต่บทบาททหารออกมาช่วยประชาชน ซึ่งถือเป็นการเข้าใจผิด เพราะทหารออกมารับคำสั่งของรัฐบาล กระทรวงกลาโหมเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล ต้องขอบคุณแม่ทัพนายกองที่ออกมาช่วยเหลือประชาชนตามคำสั่งรัฐบาล ถึงแม้แนวทางการต่อสู้ของตนจะเคยมีปัญหากับกองทัพอยู่บ้าง แต่หากทหารทำดี ผมก็สนับสนุนชื่นชม ถามว่าระหว่างการแบกกระสอบทรายกับแบกสไนเปอร์ไปยิงประชาชน เขาเต็มใจที่จะทำภารกิจไหน ส่วนการเรียกร้องให้ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายกฯ เห็นว่าไม่มีความจำเป็น เพราะมวลน้ำมหาศาล พ.ร.ก.ก็จัดการไม่ได้ เช่น ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน แต่ถ้าคนไปแบกกระสอบทรายเกิน 5 คนต้องถูกจับกุมหรือไม่
"รัฐบาลได้ตั้ง 2 หน่วยงานมาดูแลปัญหาการจัดการน้ำ คือ กยน. และ กยอ. โดยมี นายวีระพงษ์ รามางกูร กับ นายสุเมธ ตันติเวชกุล เข้าร่วม ถ้าไม่ดีฝ่ายค้านก็ตั้งหน่วยงาน กกน. (คณะกรรมการกำกับน้ำ) ให้นายอภิสิทธิ์ เป็นประธานก็ได้" ส.ส.เพื่อไทย กล่าว
นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิยังชี้แจงกรณีมีเสียงวิจารณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ว่าร้องไห้บ่อย ว่า นายกฯ หลั่งน้ำตาต่อหน้าประชาชน ต่อหน้าสื่อมวลชน เป็นเรื่องปกติที่เข้าใจได้ ไม่นึกว่ามีความพยายามไปอธิบายว่านายกฯ อ่อนแอ ไม่มีภาวะผู้นำ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ล้วนแต่ต้องหลั่งน้ำตาเมื่อเห็นความทุกข์ยากของประชาชน มีแต่เผด็จการและทรราชย์เท่านั้นที่เพิกเฉยต่อความบาดเจ็บและล้มตายของราษฎร ส่วนที่บอกว่าไม่มีภาวะผู้นำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก้มหน้าก้มตาทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่มีสักคำที่ตอบโต้ใครๆ ที่กระแนะกระแหนเสียดสี หนักเข้าในโลกไซเบอร์ก็มีการเทียบเคียงผู้นำประเทศเป็นหญิงบริการ แต่นายกฯ ยังนิ่ง ทำแต่งาน อย่างนี้ไม่ใช่ภาวะผู้นำหรือ