ที่มา ข่าวสด
บทบรรณาธิการ
การ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีท่ามกลางแรงเสียดทานทางการเมืองรุนแรงชนิดที่ แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสังคมไทย ย่อมมิใช่เรื่องง่ายดายนัก
โดยเฉพาะสำหรับผู้มิได้เตรียมตัวหรือมีประสบการณ์ทางการเมืองมาก่อน
กระนั้น การจะวิพากษ์วิจารณ์ความสำเร็จหรือล้มเหลวของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ย่อมพึงพิจารณาจากผลงานและความซื่อสัตย์สุจริตของผู้ดำรงตำแหน่งและหมู่คณะ และใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงและเหตุผลเป็นหลัก
มิใช่ด้วยการประณามหรือหยามเหยียดด้วยอารมณ์หรือความเกลียดชัง ด้วยประเด็นอันมิใช่สาระอันจะนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องตามมา
เช่นกรณีเพศสภาวะหรือความเป็นสตรีของนายกรัฐมนตรี
เมื่อเบี่ยงประเด็นการวิพากษ์วิจารณ์ออกไปจากหลักเหตุผลและเนื้องานโดยตรง ย่อมทำให้เกิดผลที่บิดเบี้ยวตามมา
อาทิ กรณีการเหยียดหยามไปถึงสตรีจากภาคเหนือว่าโง่และขี้เกียจจนกระทั่งต้องเลือก อาชีพค้าประเวณี อันทำให้เกิดการตอบโต้อย่างกว้างขวางจากผู้มีเหตุผลและรักความเป็นธรรมโดย ทั่วไป
หรือในกรณีล่าสุดก็คือการที่ผู้แทนราษฎรหญิงจากพรรคฝ่ายค้านวิจารณ์เรื่อง การ'หลั่งน้ำตา'ของนายกรัฐมนตรีว่า เป็นการ'ใช้มารยาหญิงผิดที่ผิดทาง'บ้าง หรือร้องไห้ฟุ่มเฟือย'ตบตาประชาชน'บ้าง
อันทำให้เกิดข้อถกเถียงขึ้นมาได้เช่นเดียวกับกรณีข้างต้น โดยเฉพาะในประเด็นของ'ความเป็นมนุษย์'
เพราะลำพังการวิจารณ์ว่านายกรัฐมนตรีล้มเหลวในการทำหน้าที่เพราะ'ร้องไห้' โดยเฉพาะในประเด็นอ่อนไหวเนื่องจากได้สัมผัสกับทุกข์ของผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยตรงนั้น
ในอีกด้านหนึ่งก็เป็นคำวิจารณ์ที่มองจากมุมของผู้วิจารณ์แต่เพียงฝ่ายเดียว และยังเป็นคำวิจารณ์โน้มเอียงไปทางอคติและอารมณ์มากกว่าการใช้เหตุผลข้อมูล
ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยทำให้เกิดผลดีในแง่ของการชี้จุดอ่อนช่องว่าง เพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไข ให้การทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนมีประสิทธิภาพขึ้นแล้ว
ยังถ่างให้ช่องว่างของความเกลียดชัง ความไม่เข้าใจ และอีกหลายๆ ปัญหาปัจจุบันในสังคมไทยเลวร้ายยิ่งขึ้นอีกด้วย