ที่มา Thai E-News
โดย RedSurat
17 พฤศจิกายน 2554
โรงงานเหล่านี้บริโภคน้ำมากกว่าชาวบ้านในยามน้ำน้อย แต่เวลาน้ำมามากกลับไม่ยอมรับน้ำเลย ปิดกั้นสารพัดวิธี
การยินยอมให้น้ำท่วมแผ่ไพศาล เพียงเพื่อปกป้องนิคมอุตสาหกรรม ควรออกกฎหมายให้นิคมอุตสาหกรรม เหตุเกิดความเสียหายให้กับชาวบ้านที่ไม่ได้ก่อ เป็นผู้จ่ายภาษีน้ำท่วมแทนรัฐ
สาเหตุที่น้ำท่วมแผ่ไพศาลไปทั่วภาคกลางและ กทม. เพียงเพราะต้องการปกป้องนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของทุนต่างชาติ มาตั้งฐานผลิตที่ได้รับสิทธิพิเศษมากมาย โดยมีนักการเมืองไม่น้อย ทั้งรัฐมนตรี ส.ส. ส.ท. ส.จ. ทั้งฝ่ายรัฐบาลฝ่ายค้าน ถือหุ้นอยู่ด้วย
ยินยอมปิด กัก กั้น ทางเดินน้ำธรรมชาติ ด้วยสารพัดถุงยาง ถุงกระสอบ หิน ดิน ทราย ไม่ให้น้ำลงที่ต่ำกว่า ที่ต้องการกลับบ้าน กลับลงทะเล โดยทางกลับบ้านของน้ำถูกปิดกั้น ถูกถมสร้างนิคมอุตสาหกรรมต่างๆมากมาย รวมทั้งสนามบิน หมู่บ้าน เคหะสถานที่ทับถมรางน้ำ พื้นที่ชุ่มน้ำหรือแก้มลิง
ไทยเป็นเพียงฐานผลิตของทุนต่างชาติ โดยมีทิ้งมลภาวะไว้มากมาย หลังน้ำลดครั้งนี้จะมีผู้ป่วยเรื้อรังมากมายในโรงพยาบาลต่างๆ
ทั้งรัฐบาล กทม. กรมชลฯ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ต่างโป้ปดมดเท็จข้อมูลที่แท้จริงของตนเอง
อย่าง ผอ.เขื่อนบางแห่งบอกว่า น้ำในเขื่อนมีมากเกินกว่า 100 % ของการเก็บ จำเป็นต้องปล่อยน้ำลงท้ายเขื่อน แต่การปล่อยน้ำจะไม่กระทบพื้นที่ด้านล่าง ฟังดูแล้ว กังขาเป็นยิ่งนัก การบริหารจัดการน้ำที่ขาดประสิทธิภาพ พยากรณ์คาดเคลื่อนก็เป็นต้นเหตุให้น้ำท่วมใหญ่แล
ในสามก๊ก และตำราพิชัยสงครามซุนวู การใช้น้ำขับไล่ศัตรู ขับไล่รัฐบาล เป็นศาสตร์อมตะที่น่าสนใจ
ส่วนใน กทม. ก็มีแต่ประตูระบายน้ำทุกคูคลอง ไม่รู้สร้างทำพระแสงอะไรมากมาย น้ำทุกพื้นทุกคลอง ต้องสูบเข้า ต้องสูบออก เทกันไปเทกันมา เวียนอยู่ปริมณฑลนานนับเดือน
การสร้างคลองขุด ที่มีระดับสองปลายน้ำต่างระดับ ฝืนธรรมชาติคนละลุ่มน้ำต่างระดับน้ำข้ามไม่ได้ จึงต้องใช้วิธีสูบออก คลองขุดกลายเป็นตัวเชื่อมให้มวลน้ำแผ่กระจายกว้างขึ้น
ที่รังสิต ปทุมธานี และที่ อ. หาดใหญ่ สงขลา เป็นตัวอย่างได้ดี ยิ่งมีคลองขุดมาก น้ำยิ่งท่วมแผ่พื้นที่กว้างมากขึ้นในฤดูน้ำหลาก
น้ำ มันมีอณูเล็ก แต่ยิ่งใหญ่ เมื่อรวมตัวกัน มันมีน้ำหนัก มันมีมวลพลังมหาศาล ที่จะเล็ดลอด แทรกซึม ทะลวง ทั้งบนดิน ใต้ดิน คูเมือง ไปได้ทั่ว ควบคุมยากหากการจัดการพลังน้ำไม่ดี ตั้งแต่เขื่อนที่ปิดต้นน้ำจนถึงปากน้ำปลายทะเล
การลงทุนทำบิ๊กแบ็กกระสอบยักษ์หลายร้อยล้านบาท ยาวหลายสิบกิโลเมตร เมื่อดูภาพจากที่สูงจะเห็นว่า น้ำทั้งสองข้างมีความสูงเท่ากัน บางจุดต่างระดับกันเพียงเล็กน้อย ภาพมันฟ้อง แต่พวกได้งบนี้บอกว่า ได้ผล? มันผลาญงบกันได้ขนาดนี้ และยังฝืนธรรมชาติและชลอการกลับบ้านของน้ำ
ทั้งนายกฯและรัฐมนตรีมีแต่วาทะร้อนรน ตั้งงบประมาณสูงมหาศาลจะเร่งกอบกู้ และฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะของทุนต่างชาติอย่างกะเป็นไข่แดงเป็นสมบัติของครอบครัวตนเอง
ทั้งๆที่ประเทศไทยไม่มีรถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์ ทีวี เมนบอร์ด ซีพียู เครื่องจักรกลหนัก ที่เป็นแบรนด์แนมของคนไทยเองสักยี่ห้อในนิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งในประเทศไทย ที่ตั้งบนพื้นที่แก้มลิง บนทางน้ำผ่าน ทางน้ำไหลกลับบ้านของน้ำ
มวลชนมหาศาล วันนี้บอบซ้ำมากที่สุด ถูกทอดทิ้ง ถูกทรยศ ไม่มีใครพูดถึง และการฟื้นฟูพื้นที่เกษตรอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน มีแต่การพูดให้เสียสละให้ยอมถูกน้ำท่วมยาวนาน เพื่อเพียงปกป้องนิคมอุตสาหกรรม
ผืนนาพัง ข้าวแพงทุกครัวเรือนได้รับผลกระทบวันละ 3 เวลา แต่รถยนต์ ฮาร์ดดิสก์ไม่ได้ส่งออกสักพัก ทุนต่างชาติไม่ถึงกับเจ๊งหรอก
ประเทศที่อยากเป็นนิกส์ แต่ผลิตเองไม่ได้ แม้แต่ฮาร์ดดิสก์สักลูก ล้วนพิมพ์เขียว ล้วนเทคโนโลยีของทุนต่างชาติที่โกยกำไรมหาศาลในแต่ละปี กำไรกลับสู่บริษัทแม่ รัฐบาลดันทะลึ่งเอารายได้เหล่านี้เป็น จีดีพี ของชาติด้วย
คนไทย.....ขายแรงงานราคาถูก ถ้าเอาเวลาที่อยู่ในโรงงานวันละ 10 ชั่วโมง ไปทำไร่ทำนาทำสวน ขยันทำแบบอยู่ในโรงงาน หยุดเฉพาะพักเที่ยงวันละ 1 ชั่วโมง อยู่ในท้องถิ่นตนเอง รายได้ก็คงไม่น้อยกว่าการขายแรงในโรงงาน
การมีโรงงานมากไม่ใช่สิ่งผิด แต่เกาหลีใต้ ไต้หวัน จีน อินเดีย ให้ทุนต่างชาติมาตั้งฐานผลิต แล้วซึมซับเทคโนโลยีเหล่านั้นมาผลิตได้เองเป็นเจ้าของสินค้าเองร้อย เปอร์เซ็นต์ได้มากมายหลายยี่ห้อ
แต่เมืองไทยไม่ใช่ ไม่เป็นเช่นนั้น
เมืองไทยซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงนำเข้ามีมูลค่าสูงกว่ารายได้ของการส่งออกทั้ง ข้าว ปาล์ม ยางพารา มันสำปะหลังรวมกัน รัฐไม่มีมาตรการการควบคุมปริมาณรถยนต์บนท้องถนน กลับมีมาตรการส่งเสริมให้มีมากขึ้น มาตรการลดการใช้ทรัพยากรฟุ่มเฟืออย เช่น ภาชนะที่ใส่ในการบริโภคอาหารก็มีเพียงงานประชาสัมพันธ์เท่านั้น
ทุนนิยมสามานย์และอำมาตย์ล้าหลัง เป็นคนละเรื่องเดียวกัน
หน่วยงานหลักไม่มีประสิทธิภาพ มีหน่วยงานซ้ำซ้อนเปลืองงบประมาณมากมาย
สถาบันครอบครัวล้มเหลว ยาเสพติด อาวุธสงคราม โจรลักเล็กขโมยน้อย บ่อนการพนันฟุตบอล ตั้งเปิดเผยเต็มบ้านเต็มเมือง
เมืองไทยเป็นเมืองเดียวในโลกที่มีการรณรงค์ให้คนรักชาติวันละ 2 เวลา
เรื่องเขตแดนกับเพื่อนบ้านเป็นเรื่องสมมุติของชาติใหม่เมื่อสองร้อยปีมานี้ เอง โดยทั้งสองฝั่งแดนล้วนเป็นคนชาติพันธุ์เดียวกันทั้งด้านวัฒนธรรม ภาษา อักษร เวลาเพียงสองร้อยกว่าปีหลอมให้เกิดความรู้สึกชาตินิยมขึ้นมาภายในเขตแดนตน
คนไทยที่ภูมิใจที่ไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใครดูถูกชาติที่เคยเป็นเมือง ขึ้นของต่างชาติ แต่ปัจจุบันชาติเหล่านั้นมาซื้อกิจการของคนไทย ตั้งแต่ ที่ดิน ธนาคาร สถาบันการเงิน บริษัทประกัน การค้าปลีกถูกครองงำเกือบหมดแล้ว
เอกราชบนความภูมิใจของทาส!