ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
สมิงสามผลัด
ค้างเติ่งอยู่เกือบ 2 ปีสำหรับคดีสลายม็อบแดง 91 ศพ
ถึงตอนนี้ก็ถือได้ว่าคดีมีความคืบหน้าขึ้นเยอะ
หลังรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ติดตามทวงความยุติธรรมมาอย่างต่อเนื่อง
โดย ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โอนสำนวนคดี 13 ศพ ซึ่งเคยสรุปไว้ว่าน่าจะเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ กับอีก 3 ศพที่วัดปทุมวนาราม
รวม 16 ศพส่งกลับไปให้ตำรวจนครบาลรับผิดชอบ
ตำรวจก็ขึงขังจริงจัง เดินหน้ารวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม
จนกระทั่งวันที่ 15 พ.ย. ได้สอบปากคำ "เสธ.ไก่อู" พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
การสอบครั้งนี้ มีความสำคัญยิ่ง
เพราะเสธ.ไก่อูเป็นพยานปากสำคัญที่อยู่ใน "ศอฉ." มาตั้งแต่ต้นยันจบ
รู้เห็นทุกขั้นตอนกระบวนการทำงานของศอฉ.
คำ ให้การของเสธ.ไก่อูระบุว่า ภารกิจของทหาร จะดูแลความมั่นคงของชาติ ปกป้องอธิปไตยตามแนวชายแดน ปกติทหารไม่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ภายในเขตเมือง หรือในเขตกทม.เลย
ฉะนั้น การเข้ากระชับพื้นที่ม็อบเสื้อแดงเมื่อปี"53 จึงไม่ใช่การทำตามภารกิจของทหาร
แต่มาจากคำสั่งของศอฉ. !
ที่ สำคัญ "ศอฉ." ไม่ใช่องค์กรที่เกิดขึ้นเอง แต่มีขึ้นโดยคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ขณะนั้น และมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ในขณะนั้น เป็นผอ.ศอฉ.
สรุปแบบเข้าใจง่ายๆ ก็คือ ทหารจะไม่สามารถนำกำลังเข้าสลายม็อบแดงได้เลย
หากไม่มีคำสั่งพิเศษจาก "ศอฉ." !?
ถึงตอนนี้ก็เริ่มเห็นเค้าลางของรูปคดี 91 ศพชัดเจนขึ้น
ใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ใครเป็นผู้สั่งการ ก็อยู่ในสำนวนการสอบสวนของตำรวจหมดแล้ว
และดูจากคำให้การของเสธ.ไก่อู ก็เริ่มเข้าใจความ "จำเป็นและจำใจ"ของทหาร
เห็นใจแม่ทัพนายกองทั้งหลายอยู่เหมือนกัน
เข้าใจได้ว่าเหตุการณ์ 91 ศพนั้น บทบาททหารถูกกำกับโดยรัฐบาลชุดก่อนและศอฉ.
แตกต่างไปจากบทบาททหารในปัจจุบันที่กำลังช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งกำกับโดยรัฐบาลชุดนี้และศปภ.
ต่างกันราวฟ้ากับดินจริงๆ