บรรยากาศการเมืองกำลังร้อนอยู่แท้ๆ แต่ในฐานะพรีเซ็นเตอร์จำเป็น คณะรัฐมนตรีต้องทำเป็นตัวอย่างนำร่องมาตรการประหยัดพลังงาน
ถอดสูทประชุม ครม. ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศไว้ที่ 26 องศาเซลเซียส
แต่ก็เป็นอะไรที่ลดโทนร้อนแรงลง จากที่ตั้งธงจะออกพระราชกำหนดประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ล่าสุด “ลุงหมัก” นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี แถลงด้วยตัวเองภายหลังประชุม ครม.
คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“จะอธิบายให้ฟังชัดเจนว่า ตรวจสอบกฎหมายเดิม กฤษฎีกาต้องรับเอาไปดูให้ว่าตกลงยังอยู่หรือไม่ ถ้าอยู่ส่งกลับมาก็จะใช้กฎหมายฉบับนี้ดำเนินการลงประชามติ เพราะต้องใช้กฎหมายรองรับ
มีระเบียบกฎหมายบริหารราชการแผ่นดินมันไม่มีศักดิ์ศรีพอที่จะเอาไปทำเดี๋ยวจะมีคนโต้แย้ง หากจะใช้พระราชกำหนดก็จะทำให้เจอทางตัน เพราะคนที่ไม่อยากให้ทำจะยักย้ายส่งไปให้ศาลพิจารณา ก็ไม่รู้จะมีอนาคตเมื่อไหร่”
ไปทางไหนก็เจอปัญหา
สรุปเลยก็คือ “ลุงหมัก” จะเลือก 2 ทาง คือ รอกฤษฎีกาแจ้งให้ทราบว่า การนำ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2541 มาใช้ ทำได้หรือไม่
ถ้าไม่ได้ก็จะทำอีกทาง คือรอร่าง พ.ร.บ.ประชามติของ กกต.
โดย กกต.รับว่าจะเร่งดำเนินการให้เสร็จก่อนเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อส่งเรื่องเข้าบรรจุระหว่างเปิดสภาฯสมัยวิสามัญ
เมื่อผ่านสภาเสร็จก็จะส่งให้วุฒิสภา โดยจะประสานกับประธานวุฒิสภา ถ้าประธานวุฒิสภาพิจารณาให้ รัฐบาลก็จะยืดเวลาการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญออกไป
คิดเผื่อล่วงหน้า หาช่องกันทุกวิถีทาง
แต่ถึงที่สุดเลย “ลุงหมัก” ก็ยังเผื่อใจไว้ ถ้าจะรอสภาเปิดสมัยสามัญ เราก็จะรอ
ที่แน่ๆก็คือ เลิกดึงดันจะเข็นพระราชกำหนดประชามติ
และเหมือนจะเป็นการวัดใจแนวร่วม “ลุงหมัก” ประกาศล่วงหน้า เมื่อมีประชามติแล้วหากประชาชนเห็นว่าไม่ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ก็ต้องเลิกเรื่องนี้ไปเลย
ในทางตรงกันข้าม “ลุงหมัก” ก็ออกตัว ให้ความมั่นใจล่วงหน้า ถ้าประชามติให้แก้รัฐธรรมนูญก็ขอให้รู้ว่า การแก้จะอยู่ในความดูแลของคนที่รับเลือกตั้งมา ทั้ง ส.ว.แต่งตั้ง 74 เลือกตั้ง 76 และ ส.ส.ที่ผ่านการเลือกตั้งอีก 480 คน จะเป็นผู้วินิจฉัยว่าเรื่องใดจะผ่านได้หรือไม่ได้ มาตราไหนควรจะแก้หรือไม่
การเสนอย่อมเสนอกันได้ แต่อาจจะไม่ผ่าน เพราะมันไปทีละมาตรา ขอให้เข้าใจเรื่องเท่านั้น อะไรที่ไม่สมควรแก้ ไม่ผ่านก็แก้ไม่ได้ แต่สิ่งที่สมควรแก้ก็มี
เปิดอก ถอดใจพูดกันเลย
โดยท่าทีของ “ลุงหมัก” ปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่ได้มีผลมาจากการที่พันธมิตรม็อบไล่ “ทักษิณ” ยึดถนนราชดำเนิน กางเต็นท์ล้อมลวดหนาม ปักหลักรบยืดเยื้อ เพิ่มเงื่อนไขจากการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นการตั้งธงไล่รัฐบาล
เปลี่ยนแผนพลิกเกมแค่ชั่วข้ามคืน
ไหนจะเสียงของคนกันเองในรัฐบาล ล่าสุด “ป๋าเหนาะ” นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ออกโรงกระตุ้น ส.ส.บางส่วนของพรรคพลังประชาชนที่ลงชื่อยื่นญัตติให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ควรถอนรายชื่อออกจากญัตติ
มั่นใจถึงขั้นเอาหัวเป็นประกัน อย่างไรเสียร่างพ.ร.บ.แก้ไขรัฐ-ธรรมนูญของพรรคพลังประชาชนจะไม่ผ่านความเห็นชอบของสภา
อยู่ๆคงไม่ออกมาท้าเดิมพันกันเล่นๆ
อย่าลืม เก๋าเกมระดับ “ป๋าเหนาะ” เคยผ่านการเป็นผู้จัดการรัฐบาล ประธานวิปรัฐบาล เชี่ยวชาญเรื่องการคุมเสียงในสภา
น่าจะเช็กตัวเลขกันแล้ว
เอาเป็นว่า ถ้ายังเน้นลุยถั่วหักดิบตามยุทธศาสตร์ของ “พ่อมดเขมร” อย่างที่ยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญค้างไว้ที่ “ปู่ชัย” นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร
ก็คงเหลือแค่ “ลูกกรอก” ที่ยกมือหนุน.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน