ในวันนี้ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย และ นพ.เหวง โตจิราการ ได้เดินทางเข้ายื่นจดหมายเปิดผนึก เกี่ยวข้องกับนายทหาร 2 นาย ที่ออกมาเรียกร้องให้ทหารออกมาทำการรัฐประหารเพื่อแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองถึง 2 แห่งด้วยกัน โดยแห่งแรก ได้เข้ายื่นจดหมายกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เพื่อขอให้ทหารวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่ยึดติดฝ่ายใด และขอให้การเมืองเดินไปตามวิถีทางประชาธิปไตย แม้จะเกิดความรุนแรงขึ้นบ้าง ก็ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจและกระบวนการยุติธรรม ที่จะดำเนินการกับผู้ก่อเหตุ หรือผู้ที่ทำผิดกฎหมาย ซึ่ง ผบ.ทบ.ได้ส่งเลขานุการเป็นตัวแทนออกมารับ
ขณะที่ช่วงบ่าย (13.30 น.) คณะของนางประทีป และ นพ.เหวง ได้เดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกแก่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอให้พิจารณาปลด พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม และ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ออกจากราชการทหาร ด้วยก่อนหน้านี้ได้ออกมาให้สัมภาษณ์มีใจความสนับสนุนให้ทหารออกมาทำการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจ เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศอีกครั้ง ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และอุดมการณ์ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่ข้าราชการทั้งทหารและพลเรือนพึงต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ลงนามโดย นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย
นอกจากนี้ ยังมีเอกสารอ้างอิงการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.สมเจตน์ จากคอลัมน์ เก็บตก บนเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์เนชั่น วันที่ 27 พฤษภาคม 2551 และการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.สพรั่ง จากหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันที่ 27 พฤษภาคม 5251 แนบประกอบจดหมายเปิดผนึกมาด้วย
ทั้งนี้ นางประทีป กล่าวกับ พล.ต.ท.วิเชียรโชติ ขณะยื่นจดหมายว่า ทหารไม่ควรออกมาเชื้อเชิญให้เกิดการรัฐประหารและยึดอำนาจขึ้นอีกครั้ง ซึ่งไม่ทราบว่าขณะนี้ในประเทศไทยเป็นอะไรไป ถึงให้นายทหารอย่าง พล.อ.สพรั่ง และ พล.อ.สมเจตน์ ซึ่งเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ออกมาพูดจาเหมือนให้สัญญาณจะเกิดการรัฐประหารอีกครั้ง ทั้งที่รัฐบาลเพิ่งผ่านการเลือกตั้งมาได้แค่ 3 เดือนเท่านั้น ขณะที่เศรษฐกิจก็กำลังเริ่มจะดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่นายทหารระดับสูงทั้ง 2 ออกมากล่าวถ้อยคำเช่นนี้ ผนวกกับม็อบของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาชุมนุมเคลื่อนไหว ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศแย่ลงทันที ดังจะเห็นได้จากหุ้นตกแล้วกว่า 20 จุด และต่างชาติขาดความน่าเชื่อถือ เพราะฉะนั้น ในฐานะที่นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วย จึงขอให้ช่วยพิจารณาปลดนายทหารทั้ง 2 คนนี้ออกจากราชการทหาร เพราะมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่จะอยู่เป็นข้าราชการร่วมทำงานกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย นางประทีป กล่าวและว่า
“อยากเชื้อเชิญท่านทั้ง 2 คน ไปอยู่กับทหารพม่าน่าจะเหมาะสมที่สุด อยากจะฝากท่านโฆษกได้ช่วยกรุณาด้วย เพราะพวกเราไม่ต้องการให้ประเทศชาติกลับเข้าสู่วังวนการทำรัฐประหารอีก นี่พอมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้ไม่เท่าไรก็ออกมายึดอำนาจ โค่นล้มระบอบประชาธิปไตยอีก เพราะฉะนั้น ถ้ายังมีทหารที่ฝักใฝ่เผด็จการอยู่ ประเทศก็จะลำบาก อยากย้ำว่าเราต้องการให้ประเทศชาติเป็นประชาธิปไตย” นางประทีป กล่าว
ขณะที่ นพ.เหวง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ไปยื่นหนังสือให้ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) คือ พล.อ.อนุพงษ์ ด้วย โดยมีเลขานุการออกมารับหนังสือไว้ ซึ่งสิ่งที่เรียนให้ ผบ.ทบ. ทราบก็คือ อยากให้ช่วยดูแลลูกน้องให้ดี อย่าได้ทำตัวเป็นทหารแตกแถว ซึ่งอยากฝากโฆษกไปเรียนนายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วยว่า ในวันนี้เศรษฐกิจกำลังดิ่งลงเหว ชาวต่างชาติเห็นม็อบพันธมิตรฯ ก็รู้สึกไม่ไว้ใจสถานการณ์ทางการเมืองว่าจะเกิดการรัฐประหารขึ้นอีกหรือไม่
“หากเป็นไปได้อยากให้นายกรัฐมนตรีประชุมทูตทั่วโลกและเรียนเชิญ ผบ.ทบ. แถลงให้ความมั่นใจกับนานาประเทศทั่วโลกด้วยว่า ประเทศไทยจะไม่มีการทำรัฐประหารอย่างเด็ดขาด แต่จะใช้วิธีการแก้ปัญหาโดยระบบรัฐสภา เช่นเดียวกันกับม็อบพันธมิตรฯ ก็อยากให้นายกรัฐมนตรีช่วยดูแลอย่าให้ลุกลามขยายตัวมากขึ้นกว่านี้ เพราะคนกลุ่มนี้หาเรื่องโจมตีใส่ร้ายป้ายสี การแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าเป็นการล้มรัฐธรรมนูญ เป็นการล้มสถาบันและเป็นการสร้างระบอบสาธารณรัฐ ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่ไม่จริง โดยเฉพาะนายทหาร 2 คน ที่ออกมาพูดจาเพื่อให้เกิดการรัฐประหาร หากไม่มีการเปลี่ยนตำแหน่ง ก็ควรจะปลดออกจากตำแหน่งด้วย” นพ.เหวง กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับเนื้อหาในจดหมายเปิดผนึกดังกล่าว ระบุว่า เนื่องจากประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามบทบัญญัติในมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญ 2550 ดังนั้น ข้าราชการทุกคน ทั้งพลเรือนและทหารต้องยึดมั่นและเคารพศรัทธาต่อการปกครองในระบอบนี้ และยังต้องรักษาไว้พร้อมปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ ดังที่หลายองค์กรต้องให้สัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่ง
จดหมายเปิดผนึก ระบุต่อว่า ความขัดแย้งทางการเมืองย่อมเป็นปกติธรรมดาในทุกประเทศ แต่การแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้นต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีช่องทางใดๆ ที่จะอนุญาตให้ทหารเข้ามาแก้ไขปัญหาวิกฤติการเมืองภายในประเทศแม้แต่น้อย
ดังนั้น การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองสนับสนุนให้ทหารเข้ามาแก้ไขปัญหาความมั่นคงภายในจึงเท่ากับเป็นการสนับสนุนให้ทำการรัฐประหารยึดอำนาจนั่นเอง ซึ่งการแสดงออกดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2550 และเป็นการขัดต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง
เนื้อหาระบุด้วยว่า ทหารในกองทัพไทยต้องเป็นทหารในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเท่านั้น และต้องไม่เป็นทหารในระบอบเผด็จการรัฐประหารเป็นอันขาด ซึ่งทหารผู้ใดที่มีอุดมการณ์เผด็จการรัฐประหารจึงไม่สมควรที่จะรับราชการทหารต่อไป แต่ในขณะนี้ปรากฏเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า มีนายทหาร 2 นาย ได้แก่ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม และ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ที่แสดงความเห็นให้ใช้กำลังทหารเข้ามาแก้ไขปัญหาการเมือง แม้จะอ้างเหตุผลใดก็ตาม ก็เท่ากับสนับสนุนให้ทหารทำการปฏิวัตินั่นเอง
พร้อมลงท้ายว่า สมาพันธ์ประชาธิปไตยจึงขอเรียกร้องให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พิจารณาพฤติกรรมและแนวอุดมการณ์เผด็จการรัฐประหารของนายทหารทั้ง 2 ที่เข้าข่ายไม่ยอมรับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และให้พิจารณาสั่งปลดนายทหารทั้ง 2 ออกจากราชการด้วย
ขณะที่เอกสารอ้างอิงกรณี พล.อ.สมเจตน์ จากเว็บไซต์เนชั่น เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม มีใจความว่า พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการออกมาเรียกร้องให้ทหารทำการปฏิวัติอีกครั้งว่า ที่ตนออกมาแสดงความคิดเห็นไม่ใช่เป็นการปลุกกระแส แต่เนื่องจากเห็นว่า การบริหารงานของรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่มีหนทางที่จะสามารถแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองได้ และขณะนี้ทหารทุกคนก็รู้สึกอึดอัด โดยเฉพาะตนเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ต้องออกมาเรียกร้อง มาแสดงความคิดเห็น เพราะในฐานะคนไทยก็ต้องการเห็นบ้านเมืองพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น
พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า การปกครองในระบอบประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ดี แต่การได้คนไม่ดีเข้ามาปกครองบริหารบ้านเมืองโดยไม่มีความชอบธรรม ประเทศชาติก็ไปไม่รอด เพราะขณะนี้ประชาธิปไตยไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาใดๆ ได้ เรามีแต่นักเลือกตั้งที่ใช้กฎศรีธนญชัย ทุกอย่างต้องตีความหมด เป็นการตีความเพื่อเอาตัวรอด ทำให้ผลประโยชน์บ้านเมืองระส่ำระส่าย ยิ่งคนในคณะรัฐมนตรีที่มีแนวความคิดล้มล้างสถาบันเบื้องสูง บ้านเมืองก็ต่ำลงทุกที
ขณะที่เอกสารอ้างอิงกรณีของ พล.อ.สพรั่ง ระบุจากหนังสือพิมพ์ มติชน ฉบับที่ 11035 ประจำวันที่ 27 พฤษภาคม เริ่มต้นที่พาดหัวข่าวว่า พล.อ.สพรั่ง ชี้ทหารเพิกเฉยไม่ได้ หากเกิดการต่อสู้ต้องปกป้อง ปท. ส่วนใจความระบุว่า พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมว่า หากเกิดความไม่สงบ ผู้ที่นำม็อบออกมาชนต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ตำรวจต้องวางตนให้เป็นที่พึ่ง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ขณะนี้เป็นความพยายามอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความสำเร็จ และบรรลุเป้าหมายของการแสดงออก
ส่วนสถานการณ์ขณะนี้มีเงื่อนไขก่อให้เกิดการปฏิวัติขึ้นหรือไม่นั้น พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า “หากสถานการณ์หาทางออกไม่ได้ การเผชิญหน้าก็ต้องเกิดขึ้น ทางเดียวคือฝ่ายรักษาความมั่นคง ต้องรับผิดชอบคลี่คลายสถานการณ์ให้ได้ ทหารเพิกเฉยต่อสถานการณ์ไม่ได้ หากเกิดเหตุจลาจล บ้านเมืองวิกฤติ ซึ่งหากเกินกำลังที่ตำรวจจะดำเนินการ ทหารจะทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ได้”
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ายังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้น พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า ไม่ข้อรับรองหรือยืนยันว่าจะมีหรือไม่มี เพราะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ขณะนั้นว่าเป็นอย่างไร หากหลายฝ่ายเกิดการต่อสู้เข้าห่ำหั่นกัน ถึงตอนนั้นก็เป็นความรับผิดชอบของทหารที่จะต้องปกป้องประเทศ
ส่วนในตอนท้ายเป็นใจความการให้สัมภาษณ์ถึงความเห็นต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญของ พล.อ.สพรั่ง ซึ่งให้ความเห็น ไม่ต้องแก้อะไร และก็สงสารประเทศชาติมาก ซึ่งขณะนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่ว หากเพิกเฉยก็รอรับผลเลยว่า เดือดร้อนแน่นอน
ด้าน พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหม ออกมาตอบโต้ทันควัน ยืนยันเป็นทหารประชาธิปไตย 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่เป็นทหารเผด็จการตามที่ นพ.เหวง กล่าวหา เพราะถ้าอย่างนั้นคงจะมีการจัดการอย่างเด็ดขาดกับกลุ่มของ นพ.เหวง เหมือนกับที่ทหารในประเทศป่าเถื่อนมีการปฏิบัติกัน พร้อมกันนี้ยังท้าให้รอดูผลจากกรณีที่ นพ.เหวง ยื่นถอดถอนตนกับ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม ว่าจะทำได้หรือไม่
ที่มา: http://www.naewna.com
เพื่อไทย
Thursday, May 29, 2008
จี้ปลด 2 นายทหารเผด็จการ ‘สมเจตน์-สพรั่ง’ ปลุกปฏิวัติ
“สมาพันธ์ประชาธิปไตย” บุกกองทัพบก-ทำเนียบรัฐบาล ยื่นจดหมายเปิดผนึก จี้ รมว.กลาโหม-ผบ.ทบ. ปลด 2 นายพลเผด็จการ “สมเจตน์-สพรั่ง” หลังยังไม่เลิกพฤติกรรมพ่นน้ำลายยุยงให้ทหารออกมายึดอำนาจอีกรอบ ขานรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มม็อบป่วนเมือง