แจ้งจับ “สนธิ” พร้อมพวกแล้ว ฐานบิดเบือนข้อเท็จจริงผ่านเวทีพันธมิตรฯ เป็นชนวนแตกแยก นำไปสู่ความวุ่นวายในบ้านเมือง ขณะที่การชุมนุมทำเดือดร้อนกันไปทั่ว 2 โรงเรียนสั่งปิดแล้ววันนี้ หวั่นนักเรียนไม่ปลอดภัย แถมเสียงยังดังจนเรียนไม่รู้เรื่อง เช่นเดียวกับชุมนุมใกล้เคียงระบุเสียงดังจนนอนไม่ได้ ขายของก็ลำบากเพราะคนไม่กล้าออกมาซื้อ เด็กนักเรียนโอดต้องเดินตั้ง 3 ป้ายรถเมล์
ก่อนหน้านี้มีนักกฎหมายหลายต่อหลายคนได้ออกมาชี้ชัดว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวมทั้งท่าทีและพฤติกรรมต่างๆ ที่ส่อว่าจะเป็นการล้มล้างรัฐบาลและเชื้อเชิญให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายนั้น
ล่าสุด เมื่อตอนสายวันที่ 29 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพวกแล้ว ที่ สน.สำราญราษฎร์ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 เนื่องจากมีการกล่าวคำปราศรัยบิดเบือนความจริง เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2540 ว่าต้องการปรับเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐ จนก่อให้เกิดความวุ่นวาย และความเข้าใจผิดในสังคม โดยมีพ.ต.อ. สมาน รอดกำเนิด ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ เป็นผู้รับแจ้งความดังกล่าว
เชื่อ “สนธิ” จงใจให้เกิดปฏิวัติ
นายสมยศ กล่าวว่าตนได้นำเอกสารรายนามผู้ร่วมร้องทุกข์ พร้อมหลักฐานวีซีดีบันทึกเสียง คำปราศรัยของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล บนเวทีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณ สะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหายั่วยุ บิดเบือน ในประเด็นรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ในบางมาตรา ที่กล่าวหาว่ากฎหมายต้องการเปลี่ยนเป็นระบบสาธารณรัฐ ซึ่งหากพิจารณาดูแล้วรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 มีระยะเวลาการใช้มายาวนาน ไม่มีตัวบทกฎหมายใดระบุให้มีการปกครองตามที่นายสนธิระบุ
นอกจากนี้การที่นายสนธิ และพวกทำการชุมนุมดังกล่าวได้สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน นอกจากนี้จุดประสงค์หลักคือ เพื่อกดดันรัฐบาล และปลุกกระแสสร้างเงื่อนไขให้เกิดการปฏิวัติ เหมือนกับเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 อีกครั้ง
ถือเป็นเรื่องที่ประชาชนไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีก เพราะไม่ส่งผลดีต่อประเทศแต่ จึงอยากเรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรฯ หยุดใช้วิชามาร และหยุดก่อความวุ่นวายต่อประเทศชาติบ้านเมือง รวมทั้งขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนโดยเร็ว ทั้งนี้ตนจะเร่งถอดเทปเสียงดังกล่าวและนำเอกสารการคำปราศรัยมายื่นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
ด้านพ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ระบุว่าคดีความดังกล่าว ได้จัดเตรียมคณะทำงานเพื่อสืบสวนสอบสวนเฉพาะอยู่แล้ว ซึ่งหลักฐานที่นายสมยศได้ยื่นมา เจ้าหน้าที่จะมอบส่งให้คณะทำงานเพื่อดำเนินการสืบสวนต่อไป ส่วนระยะเวลาแล้วเสร็จนั้นยังไม่สามารถระบุได้
เผยนักลงทุนต่างชาติผวาม็อบ
ด้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศยังคงมีความกังวลเรื่องการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่อาจมีแนวโน้มลุกลามนำไปสู่ปัญหาทางการเมือง ดังที่เคยเกิดขึ้น จึงไม่แน่ใจและไม่มั่นใจว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ตนเองมองในเชิงบวกว่าบทเรียนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา น่าจะทำให้ทุกคนรู้ขอบข่ายการแสดงความเห็น เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประเทศโดยรวม
พร้อมมอบหมายให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก ได้ไปทำความเข้าใจกับนักลงทุนต่างประเทศถึงสถานการณ์ทางการเมืองไทยว่า ทุกอย่างจะดำเนินไปตามกระบวนการประชาธิปไตย โดยเห็นว่าหากมีการแสดงออกซึ่งความเห็นตามกระบวนการประชาธิปไตย คงไม่มีปัญหาต่อการเดินหน้าและพัฒนาเศรษฐกิจไทย
น.พ.สุรพงษ์ ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ความผันผวนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาว่า เป็นเพียงการผันผวนเพียงชั่วคราว ซึ่งหากทุกอย่างไม่มีอะไรรุนแรงสถานการณ์ในตลาดหลักทรัพย์ก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
เตือน!มีข่าวระเบิดการชุมนุม
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่พันธมิตรฯ เปลี่ยนแผนการชุมนุมเป็นการขับไล่รัฐบาลว่า การชุมนุมในที่สุดแล้วจะทำให้เห็นและรู้ว่าใครเป็นใครรัฐบาลไม่คิดสลายการชุมนุมแต่เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องดูแลความสงบเรียบร้อย ส่วนการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 30 พฤษภาคม จะมีความรุนแรงหรือไม่อยู่ที่กลุ่มพันธมิตรฯ ถ้าไม่ก่อเหตุทำกันเองก็จะไม่มีอะไร
อย่างไรก็ตามส่วนตัวได้ทราบจากการข่าวว่า จะมีการวางระเบิดทำร้ายซึ่งกันและกันซึ่งหากเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริงขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องขอให้ประชาชนที่รักประชาธิปไตยควรติดตามการชุมนุมทางโทรทัศน์ไม่ควรออกไปร่วมชุมนุม
ส่วนกรณีที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยออกมาแสดงความเป็นห่วงและอยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายถอยคนละก้าวว่า ในฐานะรัฐมนตรี ได้มีการขอเจรจาแล้ว แต่ได้รับการปฏิเสธ
ผบ.สส.ห่วงม็อบ- ยันไม่ปฏิวัติ
ทางด้าน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่ากองทัพต่างแสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยเฉพาะกรณีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งทางทหารพร้อมจะออกไปดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยหากมีคำสั่งจากรัฐบาล ตามแผนการรักษาความสงบเรียบร้อยตามกฎหมาย แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การออกไปทำปฏิวัติ
พล.อ.บุญสร้าง ยังเชื่อว่า สถานการณ์ในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถดูแลความสงบเรียบร้อยของในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ อีกทั้ง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะเข้าใจเหตุผลดีว่าทหารยังไม่ควรออกมาเคลื่อนไหวดูแลความสงบเรียบร้อยของการชุมนุมในช่วงนี้ แต่หากประเมินแล้วว่าถ้าทหารไม่ทำจะเกิดผลเสียหายแก่ประเทศมากกว่าก็คงจำเป็นต้องทำ
“บิ๊กจิ๋ว”เตือนม็อบพอได้แล้ว
พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการชุมนุมน่าจะยุติกันได้แล้ว เพราะขณะนี้บ้านเมืองบอบช้ำมาพอแล้ว รู้สึกว่ารัฐบาลก็โอนอ่อนพอสมควร ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องหันหน้าพูดคุยกัน เชื่อว่าความรับผิดชอบในตัวบุคคลของแต่ละคนยังมีอยู่ คงรู้ว่าอะไรเหมาะสม ไม่เหมาะสม คิดว่าสุดท้ายทุกอย่างคงจบลงด้วยดี
สำหรับกรณีของ นายจักรภพ เพ็ญแข ก็คงรู้ตัวดีอยู่แล้ว ว่าไม่เหมาะสมอย่างไร หากเป็นความจริงก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ เพราะเรื่องของการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงนั้น เป็นสิ่งที่ประชาชนคนไทยทุกคนยอมไม่ได้
ส่วนกรณีที่ คุณทักษิณ พาชาวต่างชาติมาดูการทำนาในประเทศไทย ตนมองว่า คนต่างประเทศเริ่มสนใจเรื่องข้าวมากขึ้น ส่วนคนอื่นคิดยังไงตนไม่ทราบ นอกจากนี้ ยังมีชาวต่างชาติหลายรายมีความสนใจผลิตข้าวไทย ตรงนี้เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม น่าให้การสนับสนุน
ปิดโรงเรียนหนีม็อบก่อกวน
นอกจากนี้การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ได้สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ใช้เส้นทางสัญจร และผู้คนในย่านนั้นอย่างกว้างขวาง โดยมีการประกาศปิดเรียนเนื่องจากเกรงนักเรียนได้รับอันตรายและเดินทางไม่สะดวกแล้วถึง 2 โรงเรียน คือโรงเรียนวัดโสมนัส และโรงเรียนวัดวัดมกุฏกษัตริยาราม
นายชาญณรงค์ แก้วเล็ก ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดโสมนัส กล่าวว่าจากการหารือกับผู้ปกครองมีข้อสรุปให้ทางโรงเรียนปิดการเรียนการสอนในวันที่ 30 พฤษภาคม 1 วัน เนื่องจากนักเรียนระดับอนุบาลถึงระดับประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 429 คน รวมทั้งผู้ปกครองและครูได้รับผลกระทบจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่จัดเวทีปราศรัยบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งตั้งห่างจากโรงเรียนไม่ถึง 100 เมตร นอกจากการเรียนการสอนถูกรบกวนจากการเสียงปราศรัยและเพลงของกลุ่มผู้ชุมนุมแล้ว การปิดถนนราชดำเนินนอกและถนนใกล้เคียงยังทำให้การเดินทางของนักเรียนและครูเป็นไปอย่างยากลำบาก ต้องมาโรงเรียนสาย และทำให้เด็กนักเรียนถึงร้อยละ 10 ขาดเรียน
รถประจำทางสาย 53 ที่เคยจอดหน้าโรงเรียน และรถประจำทางสายอื่น ๆ มีการเปลี่ยนเส้นทาง ทำให้นักเรียนต้องลงรถเดินเท้าเข้าโรงเรียนซึ่งมีระยะทางไกลถึง 2 กิโลเมตร หรือบางคนก็หลงทาง เพราะไม่คุ้นเคยเส้นทาง
ผวาเสียงม็อบเด็กพิเศษร้องไห้จ้า
นายชาญณรงค์ กล่าวด้วยว่า แม้แต่การเดินทางมาโรงเรียนของตนเองนั้น ก็ได้รับผลกระทบอย่างมาก ต้องจอดรถยนต์ไว้ที่ศรีย่าน จากนั้นนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้าง และเดินเท้าต่อเพื่อเข้าโรงเรียน
ทั้งนี้ การชุมนุมยังทำให้การดูแลเรื่องความปลอดภัยหน้าโรงเรียนทำได้ยากขึ้น และยังต้องเพิ่มครูดูแลความปลอดภัยในโรงเรียนมากขึ้น
ส่วนการเรียนการสอนภายในห้องเรียนเด็กพิเศษ อาทิ ออทิสติก ดาวน์ซินโดรม จำนวน 58 คนนั้น เด็กบางคนได้ยินเสียงดังจากการชุมนุมถึงกับร้องไห้ สำหรับการหยุดเรียนครั้งนี้ ทางโรงเรียนจะเปิดทำการตามปกติอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 2 มิ.ย.นี้ และจะมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ การหยุดเรียนดังกล่าวยังไม่ถือว่ามีผลกระทบกับการเรียนการสอน เพราะโรงเรียนได้เปิดภาคเรียนก่อนปกติถึง 4 วัน
ขณะเดียวกันก็มีตัวแทนข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมลงชื่อ 143 คน เข้าแจ้งความถึงผลกระทบที่ได้รับจากการชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่สน.ลางเลิ้ง
พ่อค้าบ่นคนผวาม็อบขายของไม่ได้
ขณะที่ชาวบ้านในชุมชนข้างวัดโสมนัส บริเวณติดกับการชุมนุมก็ออกมาเปิดเผยกับ “ประชาทรรศน์” ว่าได้รับผลกระทบอย่างมาก และกำลังรวมตัวกันเพื่อเข้าชื่อร้องเรียนกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีกับผู้กลุ่มพันธมิตรฯที่มาก่อความวุ่นวายต่อไป
นายสมศักดิ์ ชัยเจริญวุฒิ อายุ 56 ปี อาชีพค้าขาย หนึ่งประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่าตนประกอบอาชีพค้าขายอยู่ย่านนี้มานาน ไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวและไม่สบายใจเช่นนี้มาก่อน เพราะเกรงว่าจะเกิดความรุนแรงเมื่อเกิดการประจันหน้ากันขึ้น ซึ่งเกรงว่ากลุ่มม็อบอาจลุกขึ้นมาก่อเหตุให้เกิดอันตรายต่อคนในครอบครัวและชุมชนตามที่มีภาพปรากฏอยู่ตามสื่อต่าง ๆ
ส่วนในเรื่องของความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพนั้นตนและบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในย่านชุมชนนี้ต่างได้รับผลกระทบอย่างมาก ยิ่งตอนนี้เศรษฐกิจก็กำลังย่ำแย่อยู่มากค่าครองชีพก็สูง ลูกค้าต่างพากันมาอุดหนุนน้อยลงไปกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด คนที่เคยเป็นลูกค้าประจำรู้สึกว่าไม่มีความปลอดภัยและลำบากที่จะเข้ามาอุดหนุนทำให้ไม่แวะเวียนเข้ามา จากเมื่อก่อนก็พอมีอยู่บ้างได้กำไรพอเลี้ยงครอบครัวได้ ช่วงนี้เลยทำให้ขาดรายได้อยู่มาก
ชุมชนใกล้เคียงไม่ได้หลับไม่ได้นอน
ตั้งแต่มีม็อบมาตั้งกลุ่มชุมนุมตรงแยกสะพานมัฆวานรังสรรค์ ตั้งกลุ่มปักหลักชุมนุมยืดเยื้อจนทำให้มีการปิดการจราจรทั้ง 4 มุม ส่งผลให้การสัญจรไปมาไม่สะดวกตำรวจมีการปรับการจราจรให้มีการผ่านมาทางย่านชุมชนทำให้มีรถเพิ่มมากขึ้นส่งเสียงดังรบกวน อีกทั้งยังเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อเด็กในชุมชนซึ่งไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า ในช่วงกลางคืนบริเวณม็อบพันธมิตรฯ ใช้เครื่องขยายเสียงในการปราศรัยจนทำให้เกิดเสียงกระจายเป็นวงกว้างซึ่งรบกวนการพักผ่อนของประชาชนในชุมชนจนนอนไม่ได้ จนทำให้หลับไม่สนิทมาหลายวันแล้ว ซึ่งส่งผลอย่างมากกับคนในครอบครัว ตนในช่วงเช้าต้องออกไปจับจ่ายวัตถุดิบเพื่อมาประกอบอาชีพก็ทำได้ลำบากต้องโดยสารรถเมล์อ้อมไปอีกไกล ลูกหลานไม่เป็นอันเรียนหนังสือเพราะขาดสมาธิประกอบกับพักผ่อนไม่เพียงพอ ผู้ปกครองที่มาส่งลูกที่โรงเรียนวัดโสมนัส ก็ไม่ได้รับความสะดวกในการรับ-ส่งต้องปล่อยให้เดินกันมาโรงเรียนเอง ซึ่งเด็กนักเรียนได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
ต้องขับรถอ้อมทั้งที่น้ำมันแพง
ด้าน นายดิเรก ป้องศรี อายุ 54 ปี อาชีพรับจ้าง หนึ่งในผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนกล่าวในทำนองเดียวกันว่า การสัญจรไปมาภายในชุมชนทำได้ลำบากกว่าเมื่อก่อนมาก ซึ่งจะไปทำธุระในบริเวณใกล้เคียงจากที่เคยขับรถตรงไปนิดหน่อยก็ถึง กลับกลายเป็นว่าต้องขับอ้อมออกไปอีกไกลจะเดินไปก็เกรงว่าจะได้รับอันตรายหากบรรดาม็อบเข้าใจผิด ทำให้ตนต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นโดยใช่เหตุ ช่วงนี้ประสบปัญหาน้ำมันแพงอยู่ด้วย เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด
ซึ่งตอนนี้ชาวบ้านในชุมชนซึ่งได้รับผลกระทบกำลังร่วมตัวกันเพื่อเข้าร่วมลงชื่อเพื่อไปแจ้งความเอาผิดกับกลุ่มพันธมิตรฯที่มาก่อความวุ่นวายให้กับพวกตน โดยได้ทราบข่าวว่ามีบรรดากลุ่มครูโรงเรียนวัดมกุฏได้รวมตัวกว่าร้อยคน ไปร้องเรียนถึงความเดือดร้อนที่เด็กนักเรียนและบรรดาครูในโรงเรียนได้รับ
ฉะพันธมิตรใช้วิธีโบราณ
ขณะเดียวกันทหารหญิงคนหนึ่งที่ขอไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวว่า ตนทำงานที่กองบัญชาการทหารบก ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างยิ่งในการเดินทางมาทำงาน จากที่เคยนั่งรถมาลงได้เลยที่บริเวณหน้าที่ทำงาน ปัจจุบันต้องลงเดินมาทำงาน ซึ่งอยากบอกกล่าวทางกลุ่มพันธมิตรฯว่าการกระทำเช่นนี้ไม่สมควรอย่างยิ่งพวกพันธมิตรฯผิดคำพูด ทำอะไรไม่มีสัจจะ ก่อเรื่องเลยเถิดกว่าที่ควรจะเป็น อย่าหวังว่าจะทำการใหญ่ได้ มาเรียกร้องเอาประชาธิปไตยแต่ตัวเองกลับไม่มีความเป็นประชาธิปไตยเลยแม้แต่น้อย ซึ่งพันธมิตรฯเองนั้นแหละที่เป็นเผด็จการ อย่าไปกล่าวหาคนอื่น ๆ เลย
ที่ออกมาร่วมตัวชุมนุมเช่นนี้ เท่ากับว่าเป็นการฟ้องไปทั่วโลกว่ามีเจตนาทำให้บ้านเมืองเสียหาย การที่ออกมากล่าวว่า ทำเพื่อประเทศชาติทำเพื่อในหลวง แต่ว่าการกระทำมันค้านกับการปฏิบัติอย่างมาก รู้ตัวหรือไม่ว่าทำให้ประเทศชาติเสียหายมากซึ่งมีแต่เรื่องเสียหายทุกอย่าง ผู้นำพันธมิตรฯก็ดูมีความรู้ไม่น่าใช้วิธีล้าหลัง ผู้นำบางคนก็ดูถือศีล แต่ทำไมไม่ลดละเลิกในสิ่งเหล่านี้บ้าง
“กูต้องเดินตั้ง 3 ป้ายรถเมล์”
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าชาวบ้านในย่านใกล้เคียง ยังได้วิพากษ์วิจารณ์กลุ่มพันธมิตรฯ อย่างเผ็ดร้อน เนื่องมาจากได้รับผลกระทบทั้งการสัญจรไปมา และเสียงที่ดังมากตลอดทั้งวันทั้งคืน และที่สำคัญได้เห็นพฤติกรรมของพันธมิตร และรู้ว่ามีอาวุธเตรียมพร้อมแล้ว ทำให้รู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งห่วงลูกหลานที่ต้องออกไปนอกบ้าน
ชาวบ้านบางรายให้สัมภาษณ์ดุเดือดจนไม่สามารถนำมาเสนอได้ แต่ขณเดยวกันบางราย ก็ไม่กล้าเปิดเผยตัวเนื่องจาก
กลัวว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย มีชาวบ้านบางคนอ้างว่าเคยเดินออกไปด๔การชุมนุม เหมือนกับว่ามีการนำเอานักเลงมาคุมการชุมนุมอยู่โดยรอบ และบางจุดยังมีการวางไม้กระบอง มีกระเป๋าที่อาจจะเป็นอาวุธอยู่ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าในช่วงเย็นเด็กนักเรียนต้องเดินไกลมากเนื่องจากถนนถูกปิดจนรถเมล์วิ่งไม่ได้ เด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่เดินมา 4-5 คน ถึงกับบ่นออกมาดังๆ
“แม่งงงงง ไอ้เหี้...กูต้องเดินตั้ง 3 ป้ายรถเมล์”
บอกปัด “บุญสร้าง” ไกล่เกลี่ย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าในตอนสายวันเดียวกันนี้นอกจาก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ จะออกมาพลิกลิ้นปรับท่าทีการชุมนุมจากการเรียกร้องให้ถอนญัตติการแก้รัฐธรรมนูญ เป็นการขับไล่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลแทน แล้ว
พล.ต.จำลอง ยังปฏิเสธการไกล่เกลี่ยยุติปัญหาของ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จนเสมือนว่าไม่ต้องการยุติการชุมนุม โดยกล่าวอย่างเล่นลิ้นว่าพันธมิตรฯ รับได้ หาก พล.อ.บุญสร้าง จะเข้ามาเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยยุติความขัดแย้ง ซึ่งหากจะเข้ามาเป็นตัวกลางแล้ว จะต้องเข้าข้างความถูกต้อง ซึ่งพันธมิตรไม่ได้ทำอะไรผิด ดังนั้น หากไม่เข้าข้างพันธมิตรแล้ว ก็ไม่ต้องเข้ามาไกล่เกลี่ย
ส่วนกรอบระยะเวลาของการชุมนุม ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ จะยาวนานเท่าใดนั้น ต้องขึ้นอยู่กับการลงประชามติ จากกลุ่มผู้ชุมนุมในวันพรุ่งนี้ พร้อมยืนยัน พันธมิตรจะดำเนินการตามสถานการณ์ แต่ยังเรียกร้องตามจุดยืนเดิม คือ รัฐบาลจะต้องหยุดคิด หรือ ทำเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเด็ดขาด โดยไม่มีเงื่อนไข เรื่องการทำประชามติ