WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, May 27, 2008

กลุ่มชุมนุมยืดเยื้อ ‘สพรั่ง'โผล่ ลั่นทหารเฉยไม่ได้

หลังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญปี 2550 ด้วยการนัดมวลชนที่สนับสนุนมาร่วมชุมนุมใหญ่พร้อมขบวนประชาชนเรือนหมื่น จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อมาปักหลักชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อคืนวันที่ 25 พ.ค. แต่ต้องผิดหวังเมื่อถูกตำรวจสกัดไว้ ที่บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์และเกิดเหตุปะทะกันอย่างดุเดือดกับฝ่ายต่อต้านพันธมิตร ทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายสิบราย ล่าสุดพันธมิตร ได้ปรับยุทธศาสตร์ใหม่ ด้วยการยึดถนนหลวงชุมนุมยืดเยื้อ ปักหลักไล่รัฐบาลเหมือนการชุมนุมใหญ่เพื่อไล่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เมื่อปี 2549

ทั้งสองฝ่ายตึงเครียดตลอดคืน

บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ตั้งแต่ช่วงหลังเที่ยงคืนวันที่ 25 พ.ค. ต่อเนื่องจนถึงเช้าวันที่ 26 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เต็มไปด้วยความตึงเครียด เมื่อกลุ่มต่อต้านพันธมิตรยังคงเตรียมอาวุธไว้ครบมือ ทั้งไม้ก้อนหิน รวมตัวราว 50 คน หน้าสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง หวังบุกเข้าไปก่อเหตุก่อกวนยั่วยุกลุ่มพันธมิตรอีกระลอก โดยมีตำรวจนครบาลนางเลิ้งนำแผงเหล็กมากั้นสกัดไว้ ตรงกลางไม่ให้เข้ามาใกล้กับกลุ่มพันธมิตรได้ ขณะที่มวลชนของพันธมิตรก็ไม่ยอมรามือ หลังตั้งเวทีปราศรัยเชิงสะพานมัฆวานฯ ระดมชายฉกรรจ์กว่า 300 คน ตั้งแถวหน้ากระดาน ใช้แผงเหล็กปิดกั้นถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่ แยก จปร. ตั้งป้อมรอรับการบุกของฝ่ายต่อต้าน โดยเตรียมอาวุธ ไม้ เหล็กแป๊บ ก้อนหิน โล่ ที่ทำจากจานดาวเทียม และถังขยะ ฯลฯ ไว้ตอบโต้ แต่ตลอดคืนไม่มีฝ่ายไหนข้ามเส้นกั้นมาหาเรื่องกัน ได้แต่ใช้เครื่องกระจายเสียง ตะโกนด่าทอและโห่ร้องยั่วยุกันไปมาเป็นระยะๆ

พร้อมรับมือการสลายการชุมนุมของ ตร.

สำหรับประชาชนที่สนับสนุนพันธมิตรเริ่มทยอยเดินกลับจนเหลือปักหลักนั่งๆนอนๆบนถนนราว 1 พันคน ในเวลา 01.45 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เดินมาสั่งการชายฉกรรจ์ที่ทำหน้าที่การ์ด ให้ขยับแนวรั้วเหล็กจากแยก จปร. ย้ายเข้ามาบริเวณหน้าองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ บีบพื้นที่ ชุมนุมให้แคบลง และเวลา 03.35 น. พล.ต.จำลองประกาศในการชุมนุมให้เตรียมพร้อมรับมือการเข้าสลายการชุมนุมของตำรวจ ที่มีข่าวจะบุกเข้ามาช่วงเช้ามืด ก่อนระดมอาวุธทุกชนิดมาเตรียมป้องกัน และประกาศกร้าวไม่ยอมที่จะเสียพื้นที่ชุมนุมไม่ว่าจะถูกกระบองหรือแก๊สน้ำตาจากตำรวจ

ตีห้าครึ่งปรับแผนเป็นชุมนุมยืดเยื้อ

เมื่อถึงเวลา 05.30 น. ฝ่ายต่อต้านที่รวมตัวกันอยู่หน้าโรงพักนางเลิ้ง ได้สลายการชุมนุม เวทีปราศรัยพันธมิตรจึงเปิดฉากขึ้น และจากท่าทีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ตรึงฝ่ายพันธมิตรไว้ที่บนสะพานมัฆวานฯ และเริ่มใช้ ตชด. ในชุดปราบจลาจลมาตรึง โดยไม่มีทีท่าจะโอนอ่อนให้เคลื่อน ขบวนต่อไปยังหน้ารัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือถอดถอน ส.ส. และ ส.ว.ที่เข้าชื่อแก้รัฐธรรมนูญ พันธมิตรจึงเริ่มการปรับแผนครั้งใหญ่จากที่ตอนแรกตั้งเป้าว่าหลังยื่นหนังสือประธานรัฐสภาก็จะสลายการชุมนุมกลับ แต่แกนนำทั้งหมดขึ้นเวทีปราศรัยแล้วขอความเห็นจากประชาชนที่ยังคงเหลืออยู่ราว 500 คน ว่าจะมีการปักหลักชุมนุมยืดเยื้อบนถนนเพื่อไล่รัฐบาลหรือไม่ ทันทีที่มีประชาชนโห่ร้องแสดงความเห็นด้วย นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตร จึงประกาศว่าจะมีการนำเต็นท์มาตั้งบนถนนราชดำเนินนอก พร้อมปรับทีมงานโฆษกพิธีกรบนเวที โดยจะมีการชวนแนวร่วมมาสลับกันขึ้นเวทีปราศรัยต่อเนื่องไปเรื่อยๆตลอดวันทันที อย่างไรก็ตาม สำหรับการปรับแผนชุมนุมยืดเยื้อของพันธมิตรครั้งนี้มีขึ้นอย่างกะทันหันมาก จากการสอบถาม แม้แต่ทีมงานพันธมิตรเองยังปรับตัวตามไม่ทัน และยังไม่เข้าใจเหตุผลด้วย

อ้างทำเพื่อชาติครั้งสุดท้าย

นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวว่า การตัดสินใจชุมนุมยืดเยื้อในครั้งนี้ ได้ขอมติจากประชาชนที่มาร่วมแล้วส่วนใหญ่เห็นด้วย ทั้งคนที่มาร่วมก็ยังไม่มีใครอยากกลับ เงื่อนไขการชุมนุมยืดเยื้อครั้งนี้ คือไล่รัฐบาลชุดนี้ต้องออกไป เหตุผลไม่ใช่เพราะปัญหาการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อ ช่วยพวกพ้องอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของการบริหารประเทศ ที่ล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและเรื่องอื่นๆ จากการที่ถูกฝ่ายต่อต้านมาทำร้ายตลอดการชุมนุมที่ผ่านมา พันธมิตรก็จะปรับแผนยกระดับการป้องกันตัวเองให้มากขึ้น นี่ไม่ใช่ไพ่ใบสุดท้ายของพันธมิตร แต่เป็นการแสดงพลังและสู้เพื่อชาติสุดท้ายมากกว่า จากปัญหาต่างๆที่พันธมิตรได้เห็นมาจากรัฐบาลชุดนี้ ทำให้รู้สึกว่าสังคมไทยนั้น ไม่สนใจรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มีประชาชนอีกส่วนหนึ่งที่สนใจและไม่พอใจ หากเราไม่ได้จัดการชุมนุมครั้งนี้ จะรู้สึกเสียใจมากที่ไม่ได้ทำหน้าที่ สุดท้ายหากชุมนุมแล้วคนมาร่วมกับเราน้อย ก็แสดงว่าสังคมไทย ไม่ต้องการรับรู้ปัญหาและแก้ไขร่วมกับเรา หากมีม็อบไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมยืดเยื้อแค่ 1 ใน 3 เราก็จะสลายตัวทันที

อ่านรายละเอียดต่อ ไทยรัฐ