WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, May 28, 2008

ยิ่งชุมนุม ยิ่งต้องทำประชามติ

การชุมนุมยืดเยื้อของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หากจะมองในแง่สิทธิเสรีภาพแล้ว หลายคนอาจจะมองว่าการชุมนุมปกตินั้นสามารถกระทำได้ภายใต้กรอบของกฎหมาย เนื่องจากความคิดเห็นทางการเมืองแตกต่างกัน แต่ทั้งนี้ต้องไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน รำคาญใจ นั่นคือกรอบกว้างๆ ที่ทุกคนที่รักชาติและประชาธิปไตยต้องเรียนรู้และรักษาระยะห่างให้ดี อย่าถลำก้ำเกินมากไป น้อยไป เป็นอันขาด

การอ้างสิทธิเสรีภาพ สามารถกระทำได้ เพราะไม่มีใครสามารถบังคับให้ใครมีความเชื่อ ความรัก ความศรัทธา ในเรื่องอุดมการณ์ทางการเมืองได้อย่าง 100% ดังนั้นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จึงเป็นระบอบที่ยืดหยุ่น เพื่อให้คนรับฟังความเห็นซึ่งกันและกัน

รัฐบาลให้โอกาสเพื่อรับฟังเหตุ รับฟังผล ต่อกลุ่มเคลื่อนไหวนี้ มาเป็นเวลาพอสมควร

ประชาชนในสังคมให้โอกาสรับฟังเหตุ รับฟังผล ต่อกลุ่มเคลื่อนไหวนี้ มาเป็นเวลาสมควรแก่เหตุ

ตอนแรกมาเรื่องการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 แต่ขึ้นเวทีแขวะไปถึงรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บ้าง ไล่รัฐบาลภายใต้การนำของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช บ้าง ผรุสวาทถ้อยคำหยาบคาย “กู” “มึง”...ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ปกติจากสิ่งที่ได้ตั้งเป้าหมายในการมาชุมนุมเรียกร้องในครั้งแรก

รัฐบาล ไม่ได้เป็นผู้ยื่นแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญที่เขียนโดยลิ่วล้อคณะเผด็จการ คมช.

ประชาชน ต่างหาก ที่เข้าชื่อกัน 1.5 แสนรายชื่อ ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ที่เขียนโดยลิ่วล้อคณะเผด็จการ คมช.

ผู้แทนปวงชนชาวไทย อันประกอบด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ สมาชิกวุฒิสภา ร่วมกันเข้าชื่อ 164 คน เสนอร่างให้กับประชาชนซ้ำอีกดาบหนึ่ง

หลายฝ่ายเรียกร้องให้มีการทำประชามติ เพื่อสอบถาม “ใจ” ของประชาชนว่า จะให้มี การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 นี้หรือไม่

รัฐบาล รับลูกที่จะทำ ประชามติ ตามข้อเสนอ

แต่ปรากฏว่า คนกลุ่มหนึ่งกลับบอกว่า ไม่ได้ ไม่ให้ ทำประชามติ แต่ออกมาปลุกระดมปลุกปั่นประชาชนให้ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อ ทำสงครามครั้งสุดท้าย ซึ่งไม่เข้าใจว่าจะไปทำสงครามอะไรกับใคร ภาษาที่ใช้ในการโฆษณาปลุกระดมผู้คนนั้น สะท้อนพฤตินิสัยของแกนนำในการชุมนุม ที่ต้องการความ สงบ สันติ อหิงสา หรือ ความรุนแรง กันแน่ พอไล่ไปไล่มา เฉไฉไปว่า ทำสงครามทางความคิด แต่มี “มีดสปาร์ต้า-ไม้หน้าสาม” และหลังเวทียังมีแกนนำ พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมมือ ทั้งที่เป็นพรรคที่ประกาศว่า “ยึดมั่นระบบรัฐสภา” และแรงสนับสนุนจาก อำมาตยาธิปไตย อย่างออกนอกหน้า

ก่อนหน้าการปฏิวัติรัฐประหาร จำได้ไหมว่า มีการใช้คำว่า “กู้ชาติ” องค์เหนือหัวทรงมีพระราชกระแสรับสั่งว่าอย่างไร ยังจำกันได้หรือไม่

คราวนี้มาใหม่ คู่ความขัดแย้งจึงอยู่ที่

“ทำประชามติ” กับ “ทำสงคราม”

ในฐานะที่เป็นคนไทย เกิดบนผืนแผ่นดินไทย เชื่อได้ว่า ไม่มีคนไทยคนไหนที่ โง่ พอจะเลือกแนวทางที่จะนำไปสู่ ความแตกแยก ของคนในชาติ หากไม่มีผลประโยชน์ใดแอบแฝง

กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา

กลุ่มคนเหล่านี้ ต้องการ สร้างสถานการณ์ปลุกระดมให้การชุมนุมครั้งนี้เกิดความรุนแรงขึ้น ทั้งจากเจตนาในการใช้คำว่า “สงคราม” ทั้งการ ปราศรัยเร่งเร้าเรื่องทางการเมืองอื่นๆ แทนที่จะพูดเรื่อง รัฐธรรมนูญ 2550 ว่าดีอย่างไร หรือ รัฐธรรมนูญ 2540 ไม่ดีอย่างไร ตลอดระยะเวลา 3 วันที่ผ่านมา

ในเมื่อรัฐบาลกำลังเดินหน้าไปสู่การทำประชามติ เพื่อให้ คนทั้ง 63 ล้านคน ได้มีส่วนร่วมทางการเมืองครั้งสำคัญนี้ ถือเป็นประชาธิปไตยทางตรง แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ให้ทำประชามติครั้งนี้ ฟังแกนนำเองยังสับสนที่จะพูดเรื่องประชามติ พูดเรื่องรัฐธรรมนูญ แต่ถนัดที่จะพูดเรื่องล้มรัฐบาลมากกว่าเสียอีก

เมื่อเป็นดังนี้ ผู้รักชาติและประชาธิปไตย คนฝั่งฝาประชาธิปไตย ไม่ควรจะให้ความสนใจในกลุ่มคนนี้อีกต่อไป เพราะการกระทำของคนกลุ่มนี้มีเจตนาแฝงตลอดเวลา เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่จะไม่มีวันร่วมมือกับเขา เพราะ คนไทยไม่ได้โง่! ที่จะถูกหลอกต้มอีกต่อไป...

ส่วนซากเดนเผด็จการเหล่านี้เราจะ “กำจัดทิ้ง” หรือ “Delete” ลงไปใน “ถังขยะ” (Recycle Bin) อย่างไร เป็นบัญชีประวัติศาสตร์ทางประชาธิปไตยที่ต้องจดบันทึกกันไว้