ดูจะเป็นเสียงเรียกร้องที่เกิดหนาหูขึ้น นั่นก็คือ การขอให้ ส.ส. หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ ส.ว. หรือสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 164 คน ที่ยื่นญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถอดถอนรายชื่อออก เพื่อให้ญัตติดังกล่าวนี้ตกไป
โดยรายงานข่าวล่าสุด มีผู้ขอถอดถอนรายชื่อแล้ว 22 คน แบ่งเป็นจาก ส.ว. 20 คน จาก ส.ส. 2 คน พร้อมมีรายชื่อซ้ำซ้อน หักลบกลบกันแล้ว ปัจจุบันยังคงมี ส.ส. และ ส.ว. ร่วมสนับสนุนทั้งสิ้น 134 คน
คือเกินอยู่ 8 เสียง จาก 126 เสียง ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ที่ให้สิทธิ ส.ส. และ ส.ว. ลงชื่อร่วมกัน เพื่อขอแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ตามมาตรา 291 คือ 1 ใน 5 ของ 2 สภารวมกัน 630 เสียง
อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. และ ส.ว. ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเช่นกัน ที่ไม่จำเป็นต้องทำตามมติของพรรคต้นสังกัดก็ได้
นั่นก็คือ ทั้งการยื่นญัตติและการถอดถอนชื่อออก เป็นไปตามดุลพินิจของ ส.ส. และ ส.ว. แต่ละคนนั่นเอง...
แต่ก็ดูพิกล เมื่อข้อเรียกร้องดังกล่าวนี้เกิดขึ้นต่อเนื่อง สอดรับกับการออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวข่มขู่ของ “กลุ่มพันธมิตร พันธมาร” ที่สื่อเผด็จการช่วยกันประโคมข่าวให้ดูประหนึ่งจะกลายเป็นความวุ่นวายของบ้านเมือง...???
ทั้งที่การออกมาแสดงอิทธิฤทธิ์ อิทธิเดช ของแก๊งข้างถนนนี้ ต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่า คือการเรียกร้องให้คงระบอบอำมาตยาธิปไตย ที่กลุ่มทหารเผด็จการจงใจปล้นอำนาจอธิปไตยไปจากประชาชน เมื่อ 19 กันยายน 2549 และตราระบอบนี้เอาไว้...
ให้ชัดก็คือ กลุ่มแก๊งกวนเมืองนี้ กำลังปกป้องอำนาจนิยมเผด็จการเอาไว้นั่นเอง...!!!
ขณะเดียวกัน ก็ยังมีเสียงเล็ดลอดปูดข่าวออกมาจาก ผู้เฒ่า “เสนาะ เทียนทอง” หัวหน้าพรรคประชาราช หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยว่า
เขาได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชาชนแล้วหลายคน และมีความประสงค์จะให้ถอนรายชื่อออกมาทั้งหมด เพื่อให้ญัตตินี้ตกไป
รวมทั้งยังอ้างถึงอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เห็นควรให้ถอนญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้ออกมาเช่นกันด้วย ทั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ปัจจุบันไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากจะกล่าวกันตรงๆ การยื่นญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 นับเป็นความชอบธรรมยิ่ง เพราะรัฐธรรมนูญ 2550 มีที่มาจากการใช้กำลังทางทหารเข้ายึดอำนาจ แล้วให้กลุ่มพวกพ้องตัวเองช่วยกันร่างขึ้นมา
ขณะเดียวกัน พรรคพลังประชาชน ที่เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล ได้รับเสียงท่วมท้นจากประชาชนทั่วประเทศ ด้วย สัญญาประชาคมที่จะเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญโจรฉบับนี้
จึงไม่มีเหตุผลใดทั้งสิ้นที่จะต้องถอดถอนญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ออกมาจากรัฐสภา
เนื่องจากเป็นความชอบธรรมตามที่กล่าวมาแล้ว...
ประเด็นสำคัญจึงมาอยู่ที่ว่า อะไรคือสาเหตุที่มีการถอดถอนรายชื่อออกไปบ้างแล้ว ซึ่งหากเป็นมุมมองเก่าๆ แล้วก็คงไม่พ้น “ความกลัว ความหวั่นไหว และผลประโยชน์”
หนึ่ง...อาจเป็นเพราะหวั่นไหวต่อคำขู่ของกลุ่มแก๊งข้างถนน ที่อาจสร้างสถานการณ์นำพาไปสู่ความวุ่นวายของบ้านเมืองไม่รู้จบ จึงหวังให้ญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญตกไปก่อน เพื่อลดกระแสกดดันลง
หนึ่ง...อาจเป็นเพราะยังคงกลัวกำลังกองทัพ กลัวการใช้กำลังทางทหารเข้ายึดอำนาจอีกครั้ง ซึ่งอาจเป็นภัยต่อตัวเองและครอบครัวในวันข้างหน้า
หรือหนึ่ง...อาจเป็นเพราะอามิสสินจ้าง ซึ่งไม่อยากพูดถึง เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ผู้แทนของปวงชน ทั้งที่ในอดีต อุบัติการณ์พฤติกรรมเหล่านี้ เคยเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่จะอย่างไรก็ตาม อยากขอเตือน...อยากขอให้สำนึกว่า การได้เข้ามาเป็นผู้แทนราษฎร ด้วยการรับเลือกมาจากประชาชน ในช่วงการต่อสู้ระหว่างระบอบเผด็จการกับระบอบประชาธิปไตยนั้น
เป้าหมายสำคัญคือ ฟื้นฟู และนำระบอบประชาธิปไตยกลับคืนสู่อ้อมอกของประชาชน...
อย่าให้เสียรังวัด...อย่าให้เสียชื่อของความเป็นผู้แทนของประชาชน...อย่าลืมสัญญาประชาคมที่ให้ไว้เมื่อคราวหาเสียง...อย่าให้ประชาชนสิ้นศรัทธา
และอย่าลืมหันหลังกลับไปดูว่า ที่ได้รับเลือกตั้งมาด้วยเสียงท่วมท้นนั้น ประชาชนก็ยังคงยืนเป็นแผงให้การสนับสนุนอย่างไม่เสื่อมคลาย และพร้อมร่วมต่อสู้กับอำนาจเผด็จการอย่างไม่ถดถอย
ที่สำคัญ อย่าให้ใครมาตราหน้าได้ว่า แค่นี้ก็เป็น ส.ส. “ขี้ขลาด” เสียแล้ว...
พร ภัทร (แทน)